บทที่ 231 เมืองเทียนหวู
ธงค่ายหล่นลงไปยังตำแหน่งที่แตกต่างกัน หลัวซิวบีบพลังตราประทับด้วยมือเดียว ม่านแสงสว่างขึ้นมา คลุมเขากับชายรูปร่างผอมซูบเอาไว้
“อะไรกัน!”
ชายรูปร่างผอมซูบกับผู้อาวุโสเคราขาว หน้าเปลี่ยนสีทันที พวกเขาไม่คิดไม่ฝันว่า หลัวซิวจะเป็นนักค่ายกล
อายุสิบห้าปี แต่สามารถฝ่าฟันไปถึงหอคอยมังกรบิน ชั้นที่ 7 พละกำลังทัดเทียมได้กับนักฝึกจิตขั้น7
ยังมีข่าวลือว่าเขาเป็นปรมาจารย์กลั่นยาระดับ4 อีกด้วย!
ในประวัติศาสตร์ของประเทศเทียนหวู ยังไม่เคยมีคนแปลกประหลาด ที่มีความสามารถขนาดนี้
ทว่าตอนนี้ หลัวซิวแสดงความสามารถในการใช้ค่ายกล นี่เป็นไปได้ยังไง
ผู้อาวุโสเคราขาวบีบพลังตราประทับ เร่งให้ประกายแสงค่าย โจมตีม่านแสงค่ายกลที่หลัวซิววางไว้ เห็นเพียงม่านแสงกระเพื่อมเหมือนระลอกคลื่น แต่กลับไม่ขาดออก
“ค่ายคุ้มกันขั้นสี่!” ผู้อาวุโสเคราขาวสูดหายใจ เขาฝึกตนมาสามร้อยกว่าปี เป็นได้เพียงปรมาจารย์ค่ายกลขั้นสี่
แต่หลัวซิว เหมือนเขาอายุแค่สิบห้าปีเอง……
ระหว่างที่กำลังตกตะลึง ผู้อาวุโสแอบพูดออกมาว่าไม่ดี หลัวซิววางค่ายคุ้มกันขั้นสี่ ปิดกั้นพื้นที่ เห็นได้ชัดว่าจะฆ่าชายรูปร่างผอมซูบในค่ายกลเสียก่อน จากนั้นค่อยมาจัดการตัวเอง
“เป็นไปไม่ได้!”
เมื่อเห็นตัวเองโดนค่ายกลปิดล้อมเอาไว้ ชายรูปร่างผอมซูบตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี รู้สึกเพียงว่าความเย็นยะเยือกผ่านเท้าขึ้นมายังหัว
“ฉันบอกแล้ว คนที่ตายคือแก”
ร่างกายของหลัวซิวกลายเป็นลำแสง พุ่งออกไปพร้อมกับแสงกระบี่เปลวไฟดำที่กลายเป็นรูปมังกร และมีลมหายใจแห่งความตาย ในขณะเดียวกันก็หมุนวิชาสลายวิญญาณ ใช้การจู่โจมวิญญาณ
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
ต่อกรกับเพียงสามรอบ ชายรูปร่างผอมซูบที่จิตใจสับสนวุ่นวาย โดนฆ่าอยู่ภายใต้กระบี่ของหลัวซิว
ถ้าเป็นการฆ่าโดยปกติ หลัวซิวจะฆ่าชายรูปร่างผอมซูบ ที่มีห้วงยุทธ์ตระหนักรู้ คงไม่ง่ายดายขนาดนี้ แต่อีกฝ่ายตื่นตระหนกตกใจกับพละกำลังที่ตัวเองแสดงออกมา ทำให้จิตใจสับสน ต้านทานแค่สามกระบวนท่า ก็เลือดสาดกระเซ็นเต็มไปหมด
ตัวสำนึกของหลัวซิวถูกขว้างออกไป พบว่าผู้อาวุโสเคราขาวคนนั้นหายตัวไปแล้ว
“ถึงเป็นตาแก่ก็หนีได้เร็วมาก”
จากนั้นจึงโยนเปลวไฟดำออกไปเผาศพทั้งสองศพ จนกลายเป็นเถ้า หลัวซิวเก็บแหวนนักยุทธ์ ของปรมาจารย์ฝึกจิตทั้งสองคน จากนั้นก็ลอยขึ้นกลางอากาศ ออกจากหมู่บ้านแห่งนี้
ตั้งแต่ออกจากหมู่บ้านสุ่ยหยาง หลัวซิวบินอยู่ในอากาศ
เขารู้สึกว่าตัวเองโชคดี หลังสิ้นสุดการแย่งชิงโควต้าจำนวนคน ก็มาฝึกตนในแดนนานาอสูร
ไม่อย่างนั้น อาศัยพละกำลังผลการฝึกตนของเขาในตอนแรก ถ้าอยู่ในสถานการณ์แบบเมื่อครู่ กลัวว่าจะเดาได้ยากว่าจะเป็นหรือตาย
เพราะตอนนั้น เขาฝ่าฟันไปที่ชั้น7 ของหอคอยมังกรบิน เพราะบังคับหมุนพลังแปรเสวียนเทียน เป็นพลัง 24 เท่า จนเกือบทำให้ร่างกายของเขาพังทลาย จึงเอาชนะองครักษ์ชั้น7 ที่มีผลการฝึกตนในระดับฝึกจิตขั้น7 มาได้
“นายแปลกประหลาดจริงๆ ไม่เพียงแต่จะกลั่นยาได้ แถมยังใช้ค่ายกลได้อีก อย่าบอกนะว่านายยังกลั่นสมบัติได้ด้วย……”
มังกรไร้ร่างอย่างหลงหมิง เกาะอยู่บนไหล่หลัวซิวตลอดเวลา ตอนหลัวซิวใช้ค่ายกลขั้นสี่ ก็ตกใจไม่น้อยเหมือนกัน
มังกรไร้ร่างมีความสามารถหลอมรวมกับพื้นที่ว่างได้ แค่เขาจงใจซ่อนการเคลื่อนไหวของลมหายใจ มีเพียงหลัวซิวที่สามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจแห่งชีวิต ถึงเป็นผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์จนไปถึงจักรพรรดิยุทธ์ ก็ไม่สามารถเห็นการมีอยู่ของมัน
“ฉันยังกลั่นสมบัติไม่เป็นจริงๆ” หลัวซิวหัวเราะหึหึ
“ชิ ฉันก็นึกว่านายเป็นคนประหลาดที่มีอะไรน่าเหลือเชื่อมากมาย ที่แท้ก็มีสิ่งที่นายทำไม่ได้” หลงหมิงเบะปาก ราวกับว่าสิ่งที่หลัวซิวทำไม่ได้ ทำให้ความอิจฉาริษยาในใจของมันรู้สึกสมดุลขึ้นมา
……
หลังผ่านการเข่นฆ่าในหมู่บ้านสุ่ยหยาง ตอนนี้ไปตูเฉิงที่ประเทศเทียนหวู หลัวซิวไม่อยากเจออะไรประหลาดเยอะเกินไป
ดังนั้นเขาเปลี่ยนชุดคลุมยาวดำ เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว และใช้วิธีย้ายร่างเปลี่ยนกระดูก เพื่อแปลงโฉม จนดูเหมือนนักเรียนอายุน้อยคนหนึ่ง
หลังผ่านไปครึ่งเดือนกว่า หลัวซิวมาถึงตูเฉิงที่ประเทศเทียนหวู
เมืองเทียนหวู ยิ่งใหญ่กว้างขวาง กำแพงเมืองยาวประมาณ 33 เมตรกว่า ภายใต้แสงอาทิตย์ที่ส่องลงมา ทำให้เห็นสีดำแวววาว
บนกำแพงเมืองมีทหารยืนตระหง่านเป็นร้อยคน มีความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านออกมาจากตัว นี่เป็นกองทหารของราชวงศ์ประเทศเทียนหวู แต่ละคนเป็นนักยุทธ์ ที่เคยผ่านการเข่นฆ่ามาเป็นเวลานาน
จากที่หลัวซิวรู้ ในประเทศเทียนหวู ยึดราชวงศ์ตระกูลฝานเป็นใหญ่ 6เมืองกับ13เขตการปกครอง มีอำนาจแต่ละฝ่ายควบคุมดูแล
แต่เมื่อเผชิญกับศัตรูภายนอก อำนาจแต่ละฝ่ายต้องทำตามข้อเรียกร้องของราชวงศ์ตระกูลฝาน รวมตัวเป็นกองทหารที่ประกอบไปด้วยนักยุทธ์ที่แข็งแกร่ง
ขณะที่อยู่ด้านนอก ห่างจากเมืองเทียนหวูประมาณร้อยลี้ เป็นที่ประจำการของทหารเสือดำสร้างที่นี่จนเป็นเหมือนป้อมสงครามที่มั่นคงแข็งแกร่ง
หลัวซิวเดินตามผู้คนที่หลั่งไหลเข้าไปในเมือง มาถึงหน้าประตูเมืองเทียนหวู
หน้าประตูเมืองเทียนหวู มีประกาศเกี่ยวกับแดนปริศนาติดอยู่ใบหนึ่ง มีจำนวนของผู้ที่มีความสามารถล้ำเลิศ ที่เข้าไปในแดนปริศนา สามารถถือบัญชาเทียนหวูเข้าไปที่วิทยาลัยพระวงศ์ในเมือง
ทหารใส่เกราะนักยุทธ์จำนวนสิบกว่าคน ซักถามทุกคนที่เข้าไปในเมือง และเก็บค่าเข้าเมือง เพราะที่นี่เป็นตูเฉิงประเทศเทียนหวู เป็นสถานที่สำคัญ ต้องรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
หลังเข้ามาในเมือง หลัวซิวถามที่ตั้งของวิทยาลัยพระวงศ์จากคนบนถนน
แต่หลัวซิวกลับไม่รีบไป ระยะเวลาที่แดนปริศนาจะเปิด ยังเหลือประมาณสิบวัน
สำนักงานใหญ่องค์กรนักล่ายุทธ์ของประเทศเทียนหวู ตั้งอยู่ในแถบที่คึกคักที่สุดในเมืองเทียนหวู เพราะแดนปริศนาใกล้จะเปิดแล้ว ทำให้ตูเฉิงแห่งนี้คึกคักรุ่งเรืองกว่าก่อน ผู้มีอำนาจที่มาจากแต่ละที่ ล้วนเป็นนักยุทธ์มารวมตัวกันที่นี่
“ได้ยินว่าสามวันก่อนหน้านี้ จักรพรรดิยุทธ์เทียนเฟิ่ง โดนผู้แข็งแกร่งของตระกูลเหยียนกับตำหนักจื่อ ซุ่มโจมตีบริเวณเขาหยุนไห่ การต่อสู้นั้นดุเดือดเป็นอย่างมาก สูญเสียราชายุทธ์ไปสองท่าน!”
ระหว่างทางไปสำนักงานใหญ่องค์กรนักล่ายุทธ์ หลัวซิวได้ยินเสียงพูดคุย ดังมาจากชั้นสองของร้านเหล้าข้างถนนแห่งหนึ่ง
จู่ๆ หลัวซิวโดนดึงดูดความสนใจทันที เพราะเขารู้ว่าจักรพรรดิยุทธ์เทียนเฟิ่ง ก็คือเหยียนเยว่เอ๋อร์
“ยังไงจักรพรรดิยุทธ์เทียนเฟิ่ง ก็เป็นธิดาสวรรค์ในยุค เป็นคนมีความสามารถโดดเด่น ในบรรดาผู้หญิง แต่กลับเป็นคนที่น่าสงสารคนหนึ่ง”
การพูดคุยบนชั้นสองของร้านเหล้าแห่งนี้ ทำให้หลัวซิวชะงักฝีเท้าลง และก้าวเข้าไปข้างใน จนมาถึงชั้นสอง และนั่งลงตรงมุมที่ไร้ผู้คน
“ใช่ เมื่อสามร้อยกว่าปีก่อน นายน้อยตำหนักจื่อ เที่ยวเตร่ไปทั่ว เมื่อเจอหญิงงามในประเทศเทียนหวูของเรา ก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก จนเกิดเป็นรักแรกพบ แต่ผู้หญิงคนนั้นเป็นภรรยาของนายท่านตระกูลเหยียนรุ่นที่แล้ว……”
“ชู่ว! คำพูดแบบนี้ ทางที่ดีอย่าพูดมั่วซั่ว แดนปริศนาใกล้จะเปิดแล้ว ในตูเฉิงประเทศเทียนหวู มีคนมากหน้าหลายตา ระวังหายนะจะเข้ามาหาอย่างไม่รู้ตัว”
คนที่พูดฉอดๆ เป็นชายวัยกลางคน น่าจะดื่มเหล้าไปหลายแก้ว จนทำให้ไม่รู้กาลเทศะ เพื่อนของเขาจึงรีบห้ามเอาไว้ เพื่อไม่ให้พูดสิ่งไม่เหมาะสมออกมา
ชายวัยกลางคนคนนั้นก็ตั้งสติได้ รู้ว่าตัวเองพลั้งปาก จึงไม่พูดอะไรมากอีก
หลัวซิวลุกขึ้นทันที กำลังจะเดินไปที่โต๊ะของชายวัยกลางคนสองคนนั้น
แต่ทว่าขณะนั้น ปราณกระบี่ธาตุไฟ พุ่งเข้าไปหาชายวัยกลางคน คนที่พูดเมื่อครู่
ชายวัยกลางคนกับเพื่อนของเขาตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี รีบยกมือขึ้นมากันไว้ จากนั้นก็กระอักเลือดออกมา ร่างกระเด็นออกไป กระแทกกับโต๊ะเก้าอี้หลายตัวจนแตกกระจาย