ตอนที่ 93 คุกเข่าขอร้องอ้อนวอน

Mars เจ้าสงครามครองโลก

“คุณไปงานเลี้ยงสังสรรค์รุ่นไม่ใช่หรือ? ทำไมกลับมาเร็วขนาดนี้?”

ณ บริษัทหัวหยวน หวางซีถามโดยไม่เงยหน้า

ตอนนี้เธอเป็นผู้รับเหมารายใหญ่ที่สุดในเมืองเฉียนถัง เธอมีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการทุกวัน และบางครั้งก็ยุ่งจนไม่มีเวลาทานข้าว

“งานเลี้ยงสังสรรค์รุ่นนั้นล้วนเป็นการไปพบปะเพื่อคุยโวโอ้อวดว่าตนเองมีชีวิตดีขนาดไหน? ดังนั้นผมจึงกลับมาก่อน”

เย่เซิ่งเทียนดึงเก้าอี้แล้วนั่งลง จากนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เรื่องพวกนี้ มอบให้รั่วรั่วจัดการก็ได้แล้ว”

“พูดเพ้อเจ้อ”

หวางซีกลอกตาและกล่าวด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ ว่า “รั่วรั่วเพิ่งจะเรียนจบ เธอยังไม่เข้าใจอะไรมากมาย ต้องรอเวลาสักพักหลงจากทำงานคล่องแล้ว ถึงจะสามารถมอบหมายให้เธอจัดการได้ ยิ่งไปกว่านั้นฉันยังมีครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดู จะเบาใจได้อย่างไร? ส่วนคุณนั้นสูงไปก็รับไม่ไหว ต่ำไปก็ไม่เอา”

เย่เซิ่งเทียนกล่าวอย่างภูมิใจ “การที่ผมสามารถเกาะชายกระโปรงผู้หญิงได้ นั่นคือความสามารถของผม ภรรยาของผมเก่งขนาดนี้ แล้วผมจะไปทำงานให้คนอื่นอีกทำไม? หรือคุณให้ผมเป็นผู้จัดการ? ผมจะได้ดื่มด่ำกับคำเยินยอของคนอื่น”

“มีแต่คุณเท่านั้นที่มีเหตุผลมากมาย แล้วยังอยากเป็นผู้จัดการ ให้คุณเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยยังพอไหว”

หวางซีบีบขี้เกียจ เย่เซิ่งเทียนรีบไปนวดไหล่ให้เธอ

หวางซีกลาวว่า “นี่ค่อยยังชั่ว”

รั่วรั่วเดินเข้ามา เห็นเย่เซิ่งเทียนใส่ใจหวางซีมากขนาดนี้ กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ซี หมิงหวงมาอีกแล้ว เขาต้องการร่วมมือทำงานกับพวกเรา ยังมีหน้ามาอีก ช่างเป็นคนที่หน้าด้านจริง ๆ”

หวางซีขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ไปพบเขากันเถอะ”

เย่เซิ่งเทียนเดินตามออกไปเช่นกัน

ณ ห้องรับรอง หมิงหวงเห็นเย่เซิ่งเทียนยืนอยู่ข้างหลังหวางซี ดวงตาของเขาดูซับซ้อนมาก

นับตั้งแต่เย่เซิ่งเทียนกลับมา แล้วก่อเรื่องวุ่นวายที่ตระกูลหมิง โชคของตระกูลหมิงดูเหมือนจะหมดลงแล้ว และทำอะไรก็โชคร้าย

เขาแสร้งทำเป็นไม่เห็นและกล่าวว่า “ประธานหวาง ตระกูลหมิงยินดีที่จะมอบหุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของหมิงซื่อกรุ๊ปเพื่อร่วมมือทำงานกับคุณ สำหรับบริษัทหัวหยวนแล้ว นี่เป็นนี่เป็นโอกาสทองที่หายาก”

หวางซีกล่าวอย่างไม่แยแสว่า “โอกาสทอง? นั่นเป็นสิ่งที่พวกคุณคิดไปเองมั้ง? เมื่อวานฉันพูดยังไม่ชัดเจนพอหรือ? ฉันไม่ได้มีความทะเยอทะยานขนาดนั้น ฉันรู้สึกขยะแขยงเกินกว่าจะร่วมมือทำงานกับตระกูลหมิง”

ใบหน้าชราของหมิงหวงแดงก่ำ เขาถูกเด็กรุ่นลูกกล่าวเช่นนี้ติดต่อกันสองครั้งแล้ว ทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอาย

แต่ตอนนี้ตระกูลหมิงอยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน ถึงแม้ในใจนั้นอยากจะฆ่าหวางซี แต่ต้องอดทน จัดการปัญหาของโครงการเมืองใหม่ให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน

หมิงหวงแอบกำหมัดไว้แน่นและกล่าวว่า “ประธานหวาง คุณบอกมาเถอะว่าจะทำอย่างไร ถึงจะร่วมมือทำงานกับตระกูลหมิง?”

“ทำอย่างไรก็ไม่ร่วมมือ”

หวางซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

เย่เซิ่งเทียนแอบกดไลน์ เขาไม่คิดว่าเวลาผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่วัน หวางซีจะใช้กลอุบายทางธุรกิจได้ชำนาญขนาดนี้แล้ว

กลยุทธ์หลอกให้ตายใจก่อนแล้วจึงจัดการนี้เยี่ยมมาก

หมิงหวงไม่เคยบากหน้าไปขอร้องคนอื่นเช่นนี้มาก่อน?

ตอนนี้มันเกือบจะเป็นการอ้อนวอนแล้ว

เขากล่าวด้วยสีหน้าที่แย่ “ประธานหวาง ให้เกียรติผมหน่อยได้ไหม? ขอเพียงแค่บริษัทหัวหยวนร่วมมือทำงานกับตระกูลหมิง ต่อไปตระกูลหมิงจะไม่มีหาเรื่องบริษัทหัวหยวนอย่างแน่นอน”

เย่เซิ่งเทียนกล่าวอย่างเย็นชา “ให้เกียรติหรือ? ตระกูลหมิงมีเกียรติหรือ? พวกคุณไม่มีเกียรติมานานแล้วไม่ใช่หรือ?”

“เย่เซิ่งเทียน ถ้าไม่ใช่เพราะคุณนำโชคร้ายมาสู่ตระกูลหมิง ตระกูลหมิงก็ไม่มาถึงจุดนี้หรอก? อย่าลืมว่าแม่ของคุณก็เป็นคนตระกูลหมิงด้วย!!”

หมิงหวงโกรธจนตัวสั่นและใบหน้าซีดเผือด

ตอนนี้เขาแทบรอไม่ไหวอยากจะบีบคอเย่เซิ่งเทียนให้ตาย

“เป็นญาติทางฝ่ายแม่ของผม พวกคุณคู่ควรเหรอ?”

เย่เซิ่งเทียนกำหมัดทั้งสองไว้แน่น เล็บจิกเข้าไปอยู่ในฝ่ามือ และเลือดไหลออกมา

เพียงแต่ตอนนี้ตนเองไม่สามารถฆ่าเขาได้

ตนเองต้องจัดการทีละขั้นตอน ให้ตระกูลหมิงเสียใจและสิ้นหวัง!

ให้พวกเขาได้สัมผัสถึงความเจ็บปวดและความสิ้นหวังของแม่! !

เย่เซิ่งเทียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ ต่อต้านเจตนาฆ่าและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “การขอร้องคน ก็ต้องมีทัศนคติที่ขอร้องคน หากคุณต้องการให้บริษัทหัวหยวนช่วยตระกูลหมิง งั้นก็คุกเข่าขอร้อง!”