ตอนที่ 851 บทสรุปที่ดีที่สุดไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

จิงจิงกับแม่เดินห่างออกมาไกลแล้ว ทันใดนั้นจิงจิงก็หยุดเดินแล้วหันกลับไปมอง 

 

 

ภายในสนามบินมีคนเดินขวักไขว่ ฉิวฉิวกับไป๋จิ่นที่กำลังกอดกันอยู่ห่างออกไปไกล จิงจิงเห็นสีหน้าของพวกเขาไม่ชัด รู้สึกได้ว่าสองคนนี้เหมือนเพื่อนกัน แต่อีกใจก็รู้สึกว่าพวกเขาเป็นมากกว่าเพื่อน คล้ายกับเป็นคู่รัก แต่ก็ดูไม่ถึงกับเป็นคู่รัก แปลกจัง 

 

 

   จิงจิงจับตรงหน้าอก เธอรู้สึกแปลกๆ ในความทรงจำของเธอเหมือนมีภาพเหตุการณ์บางอย่างปรากฏอยู่แต่มันช่างเลือนลาง 

 

 

“จิงจิงเป็นอะไรเหรอ?” แม่จิงจิงถามด้วยความหวั่นใจ กลัวลูกสาวจะเข้าไปหาสองคนนั้น กลัวว่าเธอจะนึกอะไรออก 

 

 

“หนูรู้สึกว่า คนเมื่อกี้…อบอุ่นมาก” เป็นครั้งแรกที่จิงจิงรู้สึกกับ ‘คนแปลกหน้า’ แบบนี้ 

 

 

“งั้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา นั่นคงเป็นแฟนเขาแหละมั้ง พวกเขาน่าจะไปกันได้ดี” แม่จิงจิงดึงตัวลูกสาวเดินต่อพลางพูด ถึงเธอจะรู้สึกผิดต่อฉิวฉิวอยู่บ้าง แต่มนุษย์เราก็ย่อมมีความเห็นแก่ตัว เธออยากให้ฉิวฉิวเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่บ้าง 

 

 

“ค่ะ ไปกันได้ดีก็ดีค่ะ ไม่รู้ทำไม พอรู้ว่าพวกเขาไปกันได้ดี ตรงนี้กลับรู้สึกอบอุ่นแต่ก็ไม่โอเคนิดหน่อยไปด้วยในเวลาเดียวกัน…” จิงจิงไม่เคยรู้สึกอะไรที่ซับซ้อนแบบนี้มาก่อน 

 

 

แต่ตอนที่เธอกับแม่เดินไปถึงอีกทางออกหนึ่ง ความรู้สึกนี้ก็ถูกลืมไว้ข้างหลัง จิงจิงกับฉิวฉิวสุดท้ายก็เป็นเพียงเส้นขนาน เพียงแต่ในจิตใต้สำนึกของทั้งสองคนต่างรู้สึกหวังดีต่อกันและกัน 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนมองเหตุการณ์นี้อยู่อีกด้านหนึ่ง จากมุมของเธอสามารถมองเห็นได้ทั้งฉิวฉิวและจิงจิงตั้งแต่ต้นจนจบ 

 

 

อวี๋หมิงหลางยืนจับมืออยู่ข้างเธอ เขาอ่านปากจิงจิงให้เสี่ยวเชี่ยนฟัง 

 

 

“ก็ดีนะ ผู้หญิงคนนี้ตอนนี้ฟื้นฟูกลับมาได้ไม่เลว ดูท่าทางจะมีชีวิตปกติแล้ว” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้า การที่ฉิวฉิวกับจิงจิงเดินมาได้ถึงจุดนี้ก็นับว่าดีมากแล้ว ถึงจะต้องลืมทุกอย่าง แต่ในส่วนลึกทั้งสองคนต่างปรารถนาดีต่อกัน 

 

 

อวี๋หมิงหลางรู้สึกอยากแสดงความคิดเห็น คำพูดของเขาทำให้เสี่ยวเชี่ยนงง “เมียจ๋า ผมรู้สึกว่าการที่คุณเก็บค่ารักษาแพงๆไม่ถือเป็นการขูดเลือดขูดเนื้อเลยสักนิด โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับสองแสนเมื่อกี้นั่น คุณถือว่าเป็นพระโพธิสัตว์เลยนะ” 

 

 

“หืม? ทำไมอยู่ๆมาพูดเรื่องนี้?” เสี่ยวเชี่ยนไม่เข้าใจ 

 

 

“พวกเขาสามารถใช้เงินซื้อสุขภาพจิตที่ดีจากคุณได้ แต่เงินของคุณซื้อความรู้สึกจากพวกเขาไม่ได้” 

 

 

หมออย่างเสี่ยวเชี่ยนไม่เหมือนหมอคนอื่น 

 

 

หากเป็นหมอสูติ เดินๆอยู่ข้างนอกเจอคนที่ตัวเองเคยทำคลอดให้จะต้องได้รับการทักทายอย่างเป็นกันเองแน่นอน ขอบคุณหมอที่ทำคลอดให้ในตอนนั้น หรือไม่ก็อาจจะเล่าให้หมอฟังว่า เด็กคนนี้ที่หมอทำคลอดให้โตเท่าไหนแล้ว 

 

 

สำหรับหมอส่วนใหญ่แล้ว คำขอบคุณของคนไข้เป็นความภูมิใจในวิชาชีพ 

 

 

แต่นักบำบัดจิตใจไม่เหมือนกัน คนไข้บางคนของพวกเขาหลังจากที่รักษาเสร็จแล้ว เจอกันข้างนอกอาจแสร้งทำเป็นไม่รู้จัก ไม่มีใครอยากยอมรับว่าตัวเองเคยเป็นโรคจิตเวช 

 

 

ถึงในใจคนพวกนี้จะรู้สึกขอบคุณนักบำบัดจิตใจก็ตาม แต่หลายคนก็คงเป็นเหมือนจิงจิง ถ้าไม่แกล้งทำเป็นลืมก็ถูกทำให้ลืม 

 

 

“ฉันโอเคดี ฉันไม่ใช่คนบุคลิกแบบนักแสดง ฉันไม่ได้แคร์กับเรื่องการเป็นที่ยอมรับจากคนอื่นเท่าไร เรื่องพวกนี้ฉันไม่ได้ให้ความสำคัญ” 

 

 

“บุคลิกแบบนักแสดง?” 

 

 

“อืม มีส่วนหนึ่งเป็นเหมือนนักแสดง อีกส่วนเป็นนักเขียน พวกคนที่ทำงานศิลปะ งานบันเทิง งานเขียน จะมีบุคลิกแบบนี้ได้ง่าย กระหายการอยากเป็นที่ยอมรับจากคนอื่น ฉันเคยรู้จักกับนักเขียนที่ดังมากคนหนึ่ง เขาได้รางวัลอันทรงเกียรติมากมาย แต่กลับกลายเป็นโรคซึมเศร้าเพียงเพราะได้รับคำวิจารณ์แย่ๆจากผู้อ่านไม่กี่คน สุดท้ายกระโดดตึกตาย” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนนึกถึงนักเขียนคนหนึ่งที่เธอชอบมากเมื่อชาติก่อน 

 

 

“คุณหมายความว่า คนบุคลิกนักแสดงพวกนี้รับได้แต่คำชมงั้นเหรอ? คำวิจารณ์แง่ลบสักนิดก็รับไม่ได้เลยเหรอ?” อวี๋หมิงหลางคิดในใจ หรือนี่จะเป็นพวกใจแคบอย่างที่ว่ากัน? 

 

 

“นายจะเข้าใจว่าคนบุคลิกนักแสดงเป็นคนที่เกิดความเคารพในตัวเองโดยตั้งอยู่บนการยอมรับจากคนอื่นก็ได้ พวกเขาแคร์คำพูดของคนอื่นที่มีต่อตัวเองมากเกินไป จนกลัวว่าจะถูกเกลียด อัตราที่จะเกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึงสี่เท่า ในวงการบันเทิงเจอคนนิสัยแบบนี้ได้มากมาย ส่วนคนทั่วไปที่จะมีบุคลิกแบบนี้มีเพียงสองเปอร์เซ็นต์ แต่นอกจากคนพวกนี้ที่แคร์สายตาคนอื่นมากเกินไปแล้ว อันที่จริงคนทั่วไปส่วนใหญ่ก็แคร์คนอื่นนะ แค่ไม่ถึงกับป่วย” 

 

 

ดังนั้นไป๋จิ่นถึงได้เป็นทุกข์มากขนาดนั้น ก็เพราะแคร์ แคร์มากเกินไป 

 

 

อวี๋หมิงหลางยิ้ม เธอพูดอย่างสบายๆ แต่เขารู้ว่าเธอก็แคร์นั่นแหละ เพียงแต่ไม่ได้หนักถึงขั้นมีบุคลิกแบบนักแสดง 

 

 

โลกในจิตใจของคนเรามักจะมีเส้นขอบเขตกั้นอยู่ อัจฉริยะอยู่ซ้าย คนบ้าอยู่ขวา แคร์สายตาคนอื่นมากเกินไปก็จะป่วย ไม่แคร์เลยก็เลือดเย็น ส่วนเธอยืนเหยียบเส้นพอดี ช่วยชีวิตได้ทั้งอัจฉริยะและคนบ้า 

 

 

ถ้าเสี่ยวเชี่ยนไม่แคร์จริงๆ เธอคงไม่มีทางไปกินเหล้าแก้กลุ้มหลังจากที่รักษาบางเคสเสร็จ หลังจากที่มีอวี๋หมิงหลางเธอก็มีความสามารถในการปรับสภาพอารมณ์ได้ดีขึ้น 

 

 

ทุกครั้งที่อวี๋หมิงหลางยืนอยู่กับเสี่ยวเชี่ยนเป็นพยานในการรักษาคนไข้ให้เธอ เขาเหมือนมีภารกิจอย่างหนึ่ง การมีตัวตนของเขาทำให้เธอมีความสุข ก็เหมือนฉิวฉิวกับไป๋จิ่น คนอื่นจะมองยังไงไม่สำคัญ มีเธออยู่เคียงข้างก็พอแล้ว 

 

 

ตอนที่ไป๋จิ่นกับฉิวฉิวกลับมา เสื้อผ้าที่สกปรกมอมแมมก็ไม่อยู่บนตัวฉิวฉิวแล้ว เขาใช้ทิชชู่เปียกเช็ดทำความสะอาดไปหลายห่อพอให้ไม่มีกลิ่น ปรากฏตัวอีกครั้งด้วยลุคใหม่พร้อมไป๋จิ่นที่ดูสนิทสนมกันมาก 

 

 

ออกไปด้วยกันแค่แปปเดียวสองคนนี้กลับมาด้วยบรรยากาศที่ไม่เหมือนเดิม ทุกคนต่างรู้สึก แต่ก็ไม่มีใครถาม 

 

 

จากจุดเริ่มต้นที่ไม่ชอบหน้ากัน จนมาถึงตอนนี้ที่เข้ากันได้ดี ก็เหมือนกับที่เสี่ยวเชี่ยนเคยพูดไว้ คนเราเปลี่ยนไปทุกวัน ตอนนี้ไม่ใช่คู่กัน แต่ใครจะไปรู้อนาคตล่ะ? 

 

 

ฉิวฉิวมองไม่เห็นจิงจิงแล้ว แต่เขาไม่ได้เสียใจเลยสักนิด 

 

 

ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ฉิวฉิวมักจะจินตนาการว่า ถ้าวันหนึ่งเขาได้เจอจิงจิงเขาจะรู้สึกอย่างไร จะร้องไห้ฟูมฟายหรือเปล่า หรือจะอึ้งจนพูดไม่ออก หรือจะถูกจิงจิงทำเย็นชาใส่จนเขาต้องกลับไปกินเหล้าย้อมใจ 

 

 

วันนี้ปมในใจถือว่าได้คลายจนหมดสิ้นแล้ว รอมยิ้มบางๆที่มีให้ พร้อมคำอวยพรให้มีความสุขอย่างจริงใจ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เขาได้รู้ว่าเธอมีชีวิตที่ดี ปมในใจก็คลายออก 

 

 

ลาก่อน จิงจิงที่เขาเคยชอบ กระโปรงสีขาวที่ยากจะเลือนหายจากความทรงจำ สุดท้ายได้จากไปแบบนี้ ไม่เจ็บปวด กลับสบายใจ 

 

 

เมื่อบินกลับไปถึงแล้วอวี๋หมิงหลางไปส่งเสี่ยวเชี่ยนที่บ้านแล้วกลับหน่วยทันที เขางานยุ่งมากจริงๆ 

 

 

พอฉิวฉิวกลับไปถึงก็เปลี่ยนโทรศัพท์มือถือ ย้ายออกจากบ้านที่เคยเช่าเพราะกลัวว่าพ่อจะมาจับตัวกลับไปอีก แค่ครั้งเดียวก็เกินพอ 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนนอนพักผ่อน พอตื่นมาในวันรุ่งขึ้นก็พบว่าโทรศัพท์ที่เธอปิดเสียงไว้มีสายที่ไม่ได้รับหลายสาย 

 

 

มีสายจากศาสตราจารย์หลิวและข้อความจากอวี๋หมิงหลาง 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเปิดดูข้อความของอวี๋หมิงหลางก่อน จากนั้นก็ยิ้ม 

 

 

เธอเปิดประตูออกไปก็เห็นอาหารเช้าที่เขาให้คนเอามาส่ง ถูกบรรจุไว้ในกล่องเก็บอุณหภูมิ 

 

 

พอย้ายมาอยู่ในหมู่บ้านทหารจะแขวนของไว้หน้าประตูยังไงก็ได้ ไม่ต้องกลัวหาย เขางานยุ่งกลับบ้านไม่ได้ ถึงเขาจะอยู่ห่างจากบ้านเดินแค่ไม่กี่นาทีแต่ก็กลับไม่ได้ 

 

 

ตัวไม่อยู่ แต่ใจมาถึงแล้ว 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเทโจ๊กที่ยังร้อนๆใส่ชาม มีกับแกล้มเล็กน้อยจากหน่วยทหาร เธอหยิบโทรศัพท์มาเตรียมโทรหาอาจารย์