ข่าวแพร่สะพัดออกไปว่า อดีตชายรูปงามอันดับ 1 จิ่งซู่เสียโฉม อีกทั้งยังเข้าฌานเพื่อบำเพ็ญฝึกฝน ตัดสินใจว่าเมื่อพลังบำเพ็ญเพียรมั่นคงแล้วค่อยออกฌาน จักรพรรดิเทพเหลยหยาง คนที่เคยได้ชื่อว่าโหดร้ายอันดับ 1 ในภูเขาเทวา เมื่อบาดแผลเป็นบนใบหน้าหายไป ก็กลายเป็นชายที่มีความเป็นผู้ชายมากที่สุดคนใหม่ มีคนจำนวนไม่น้อยที่อยากจะเห็นใบหน้าเขา จนอยากเข้าร่วมเป็นฝ่ายเดียวกับเขา ว่ากันว่ารอยแผลเป็นบนใบหน้าของเขานั้นได้ราชาเทพอัคคีที่แท้จริงเป็นคนรักษาจนทำให้นางบาดเจ็บจึงทำให้ต้องเข้าฌาน
นี่คือข่าวที่เอ๋าเลี่ยได้ยินหลังจากบรรลุเป็นราชาเทพมายังภูเขาเทวา นังหนูคนนี้ไม่ว่าอยู่ไหนก็สร้างเรื่องไม่หยุดจริงๆ ไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้าง หนานกงเวิ่นเทียนก็รู้จักห้ามนังหนูเลย ปล่อยนางทำตามใจตัวเอง บาดแผลของจักรพรรดิเทพสามารถรักษาให้หายง่ายขนาดเลยหรือ เอ๋าเลี่ยเจอป๋อเหยียนเช่นกัน ฉายาของเขาค่อนข้างจะพิเศษ มีฉายาว่าไร้พ่าย ตอนนี้เอ๋าเลี่ยก็คือราชาเทพไร้พ่าย อิงเสวี่ยก็บรรลุเป็นราชาเทพพร้อมกัน มีฉายาว่าราชันวิหค ทั้งสองมีฉายาที่พิเศษเป็นอย่างมาก
อวิ๋นชิงย่อมได้ข่าวเรื่องราชาเทพองค์ใหม่ หลังจากได้ยินชื่อแล้ว เขาก็ไม่คิดจะใช้ชื่อเสียงของหลิวหลีเป็นตัวล่อ แต่จะดูว่าพวกเขาจะเลือกใคร แต่ว่าก็มีบางคนไม่เป็นไปตามแบบที่เขาคิด
“เจ้าว่าอะไรนะ พูดอีกรอบ” อวิ๋นชิงรู้สึกเหมือนตัวเองหูฝาด สมแล้วที่เป็นเพื่อนของนังหนู เป็นคนที่ไม่ทำอะไรตามแบบที่คนอื่นคิดไว้จริงๆ
“เรียนท่านประมุขเทพหมื่นพฤกษา ราชาเทพไร้พ่ายกับราชาเทพราชันวิหคมาขอเข้าพบอยู่ด้านนอก บอกว่าต้องการจะเข้าร่วมก๊กท่าน” ราชาเทพที่มารายงานข่าวก็งุนงง ท่านประมุขเทพของพวกเขามีเสน่ห์ขนาดนั้นเลยหรือ คิดไม่ถึงว่าราชาเทพที่เพิ่งบรรลุมาใหม่ถึจะมาขอเข้าพบด้วยตัวเอง
“เหตุผลล่ะ ทำไมถึงอยากจะมาอยู่ฝ่ายเดียวกับข้า” เพื่อนของนังหนูก็แปลกจริงๆ จะเลือกหน่อยไม่ได้หรือ แล้วให้เขาได้ใช้ไพ่ตายหลิวหลีในตอนสุดท้าย
“เรียนท่านประมุขเทพ ราชาเทพไร้พ่ายกล่าวว่า ในเมื่อนังหนูเลือกท่านแล้ว ไม่ว่าท่านจะเป็นลาหรือเป็นม้า ก็จะขอติดตามท่าน นังหนูไม่เคยมองพลาด” ราชาเทพที่มารายงานทวนคำพูดของเอ๋าเลี่ย
นังหนูไม่ธรรมดาจริงๆ เพียงแค่เพราะนางเข้าร่วมกับเขา สหายของนางก็ตามเข้ามา โดยไม่ถามสาเหตุอะไรทำให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นคนที่สายตาแหลมคมจริงๆ ดูกลุ่มคนที่นางรู้จักสิ แถมยังเสนอตัวเสียด้วย ตอนนี้สามารถพูดได้เลยว่าในบรรดาประมุขเทพ ลูกน้องของเขาแข็งแกร่งที่สุด ตอนนี้ยิ่งเหมือนเสือติดปีก ทำไมเขาถึงได้มีสายตาแหลมคมเช่นนี้ ลืมไปสนิทว่าทำไมหลิวหลีถึงได้เลือกเขา แต่หากลองคิดกลับกันดู นังหนูคนนั้นเข้าร่วมฝ่ายเดียวกับคนอื่น คนกลุ่มนี้ก็จะต้องเลือกไปอยู่ฝ่ายอื่น อันตรายจริงๆ
“ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ” อวิ๋นชิงกล่าว เขาควรจะเริ่มบทสนทนาอย่างไร
“เจ้าคือคนที่นังหนูเลือกหรือ พอทู่ซี้ให้ผ่านได้ หากจำเป็นต้องเลือกก๊กจริงๆ พวกเราย่อมเข้าตามนาง นังหนูเลือกเจ้า” ไม่ว่าอวิ๋นชิงจะคิดอย่างไร ก็คิดไม่ถึงว่าจะถูกเอ๋าเลี่ยแย่งพูด เพื่อนที่นังหนูรู้จัก ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ จะคุยกันดีๆไม่ได้ใช่หรือไม่
“ราชาเทพไร้พ่าย กับราชาเทพราชันวิหคใช่หรือไม่ ยินดีต้อนรับพวกเจ้าเข้าร่วมก๊กของข้า” อวิ๋นชิงใช้มือลูบหน้าเบาๆ สิ่งที่ควรจะพูดอย่างไรก็ต้องพูด
“ข้าชื่อเอ๋าเลี่ย ส่วนนี่ฮูหยินของข้า เฟิ่งอิงเสวี่ย” เอ๋าเลี่ยเปลี่ยนสีหน้าท่าทางแล้วแนะนำตัว
แซ่เอ๋า คนผู้นี้ร่างเดิมคือมังกร ส่วนคนแซ่เฟิ่ง ร่างเดิมคือหงส์ ต่างก็เป็นอสูรเทพ สถานการณ์แบบนี้ หากเขาจำไม่ผิด โลกเบื้องล่างมี 5 สกุลพิเศษ ที่ถือเป็นอสูรเทพ ที่สามารถทำพันธสัญญากับอสูรเทพแบ่งเป็นมังกร หงส์ กิเลน เสือขาว เต่าดำ ดูเหมือนว่า แซ่นี้จะมีความสัมพันธ์กับนังหนูและพี่หนานกง ถ้าเช่นนั้นพวกเขาน่าจะเคยเป็นคู่พันธสัญญามาก่อน พลังการต่อสู้ของอสูรเทพผู้นี้จะต้องไม่ธรรมดาแน่ ดังนั้นเขาจะไม่ขอบคุณหลิวหลีไม่ได้ โชคดีที่นางเลือกตนเอง
“อวิ๋นชิง นังหนูของเจ้าเรียกข้าว่าพี่ใหญ่อวิ๋น” อวิ๋นชิงแบกหน้าพูด นังหนูคนนั้นจะเรียกเขาว่าพี่ใหญ่ก็ต่อเมื่อนางอารมณ์ดีหรือมีเรื่องที่ต้องการให้เขาช่วยเหลือเท่านั้น เวลาอื่นแทบจะไม่เรียก พอดูไปแล้วเขายังติดค้างนังหนูเรื่องที่จะชี้แนะนานงเป็นการส่วนตัว ถึงแม้ท่านพ่อของเขาจะบอกว่านังหนูไม่เป็นอะไร พอออกจากฌานมาก็จะบรรลุตำแหน่งประมุขเทพเหมือนเขา แต่ก็ยังรู้สึกเป็นห่วงนางอยู่ดี อย่างไรเสียนางที่อยู่ในตำแหน่งราชาเทพนั้นใบหน้าซีดเผือดอย่างมาก คิดว่าคงจะใช้พลังตัวเองไปไม่น้อย
“อวิ๋นชิง ชื่อไม่เลว แต่เจ้าเป็นหัวหน้าที่ไม่ผ่าน ในฐานะที่เป็นหัวหน้า เจ้าให้นังหนูทำอะไรตามอำเภอใจเช่นนั้นได้อย่างไร” เอ๋าเลี่ยเปลี่ยนหัวข้อสนทนา และเริ่มตำหนิอวิ๋นชิง
ในฐานะที่เป็นสหายที่รู้จักกันมานานกว่าเขา พอมาถึงก็ตำหนิเขา กว่านังหนูจะเข้าฌานไม่ใช่เรื่องง่าย เขารู้สึกโดดเดี่ยว นี่เป็นเพราะได้ยินเสียงในใจของเขา ก็เลยหาเรื่องให้เขาต้องมาจัดการหรือ
“เรื่องนี้ ข้าก็ถือว่ามีส่วนผิด แต่พวกเจ้าก็รู้ว่านังหนูเป็นคนที่ตัดสินใจทำอะไรแล้ว ก็จะต้องทำอย่างนั้น ข้าจะทำได้” อวิ๋นชิงกล่าวแล้วพยายามฝืนยิ้ม
“ก็จริง พอนังหนูคนนั้นตัดสินใจอะไรแล้ว เห็นแต่ผลลัพธ์เท่านั้น ไม่เคยเห็นขั้นตอนหรือวิธีการอะไร” พอพูดเช่นนี้แล้ว เอ๋าเลี่ยก็ถึงกับทอดถอนใจ
อวิ๋นชิงกระตุกมุมปากน้อยๆ เจ้าก็รู้ว่านังหนูเป็นคนอย่างไร แล้วทำไมยังถึงมาตำหนิเขา จะมาอยู่ฝ่ายเขาจริงหรือ ไม่ใช่มาหาเรื่องเขาใช่หรือไม่
“ตอนนี้นังหนูเข้าร่วมฝั่งเจ้า พวกเราก็จะเข้าร่วมด้วย คนอื่นๆที่ตามมาทีหลังก็จะมาเข้ากับเจ้าด้วยเช่นกัน” เอ๋าเลี่ยกล่าว อิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆพยักหน้า
“พวกเจ้ามั่นใจขนาดนั้นเชียวหรือ?” ถึงแม้ว่าอวิ๋นชิงจะรู้อยู่แล้ว แต่เมื่อถูกคนอื่นพูดออกมาตรงๆเช่นนี้ เขาก็อดที่ถามไม่ได้
“เรื่องนี้พวกเรารับประกันได้ ลูกชายทั้งสองคนของข้า น้องชายและน้องสะใภ้ของข้าจะต้องมาแน่นอน ไม่พูดถึงคนอื่น คนอื่นที่ตามมา เมื่อได้ยินชื่อของนังหนู ก็จะเลือกเจ้าเป็นคนแรก มีเพียงแต่คนที่ไม่ถูกกับนังหนูเท่านั้นที่จะเลือกฝ่ายอื่น” เอ๋าเลี่ยพูดอย่างภาคภูมิใจ
ลูกชาย 2 คน น้องชาย น้องสะใภ้ ครอบครัวใหญ่ครอบครัวนี้ เป็นครอบครัวที่มีความสามารถโดดเด่นกันทั้งบ้าน หลิวหลีเป็นหัวใจหลักของพวกเขา อีกทั้งฟังจากคำพูด ทำให้เขาเข้าใจได้ว่า ถึงแม้จะตำหนิเขาเรื่องปล่อยให้หลิวหลีได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร พวกเขาต่างก็สนับสนุนนาง
“ยินดีต้อนรับ พวกเจ้ามาอยู่ฝ่ายเดียวกันกับข้า ข้าก็เหมือนเป็นเสือที่ติดปีก” อวิ๋นชิงพูดด้วยความเกรงใจ
“ขอบคุณนังหนูเถอะ นางไม่เคยเลือกผิดแน่ เจ้าจะต้องเป็นคนที่มีจิตใจเที่ยงตรง ไม่ใช่คนชั่วร้ายอะไร?” ความตรงไปตรงมาของเอ๋าเลี่ยทำให้อวิ๋นชิงเกือบจะรับไม่ไหว นี่คือการชมเขาหรือว่าชมเขากันแน่ หากไม่ได้พูดคำว่า ‘ขอบคุณนังหนูเถอะ’ เขาคงจะมีความสุขมากกว่านี้ ถึงแม้จะรู้ว่านังหนูเป็นว่าที่เทพที่แท้จริง แต่ไม่ว่าจะพูดอะไรก็อ้างนังหนูตลอดแบบนี้จะดีหรือ ฮูหยินที่อยู่ข้างๆก็ไม่ได้คอยดูอะไรบ้างเลย
“รอนางออกฌาน ข้าจะเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ไว้ให้กับนางแน่นอน” อวิ๋นชิงกล่าว
“ถ้าเป็นยาเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ต้อง นังหนูจนจนทั้งตัวเหลือแค่ยาศักดิ์สิทธิ์แล้ว” เอ๋าเลี่ยกล่าว
อวิ๋นชิงนึกถึงหลิวหลีที่เคยพูดกับเขาว่านางจนจนเหลือแต่แค่ยาเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว เมื่อได้ยินคำพูดนี้จากปากคนอื่น ถ้าเช่นนั้น ในครอบครองของสองคนนี้น่าจะมียาเทพศักดิ์สิทธิ์ที่หลิวหลีปรุงขึ้นมาไม่น้อย อีกทั้งนางปรุงยาได้อย่างรวดเร็ว แต่ทว่าเพิ่งจะบรรลุขึ้นมา ก็ลุกขึ้นมาปกป้องผลประโยชน์ของนาง
พูดคุยกันต่อสักพัก อวิ๋นชิงก็ส่งทั้งสองคนกลับไป เหนื่อยยิ่งกว่าการประลองเสียอีก คิดไม่ถึงว่านังหนูมีเสน่ห์มากขนาดนี้ ไม่ต้องทำอะไรก็สามารถทำให้คนอื่นมาอยู่ฝ่ายเดียวกับเขาได้ อืม พอนังหนูออกฌานแล้ว ก็มอบของอะไรให้นางหน่อยดีกว่า เดี๋ยวไปดูที่คลังสมบัติของท่านพ่อ คงจะมีของดีอยู่ไม่น้อย
……………………………………..