ลู่เสวียนมองนางอย่างงงงันแก้มที่สวยงามผุดผ่องเต็มไปด้วย…ความพิศวง
มองเห็นเขาเป็นเช่นนี้เจียงหลีจึงส่ายศีรษะไม่เอ่ยคำใดแล้วถอนหายใจแม้จะมีความในใจแต่ก็มิกล้าเอ่ยออกมาคนบ้านตระกูลลู่ก็เป็นดังเช่นนายใหญ่กล่าวไว้นอกจากลู่เจี้ยไม่มีสักคนที่วางแผนเก่ง!
เขาเอ่ยถึงข้อสงสัยอันยิ่งใหญ่เช่นนั้นแล้วลู่เสวียนยังไม่เข้าใจอีก
“ถ้าเช่นนั้น…พวกเขามีจุดประสงค์อะไร”ลู่เสวียนหรี่ตาลงเปิดใจหารือกัน
เจียงหลีเบ้ปาก“ข้าจะรู้ได้อย่างไรอยากรู้จุดประสงค์ของเป่ยโหรวให้แน่ชัดก็มีแค่เสี่ยงไปเป่ยโหรวดูสักครั้ง”
“จะให้ข้าไปเลือกภรรยาจริงหรือ”ลู่เสวียนหน้าอมทุกข์ชี้นิ้วหาตัวเอง
ชีวิตของเขาอย่าเลวร้ายถึงเพียงนี้ได้หรือไม่
เจียงหลีเลิกคิ้ว“แล้วจะให้ทำเช่นไรเป่ยโหรวเลือกท่านไม่ใช่ข้าแต่เป็นเจ้าหยวนหวัง”
“…”ลู่เสวียนเบ้ปากมองนางอย่างนึกน้อยใจยื่นมือดึงชายเสื้อของนางและอ้อนวอนขอ“พี่สะใภ้ที่แสนดีท่านนำน้องสามีผลักเข้าเตาไฟท่านไม่กลัวองค์หญิงทั้งสามของฮ่องเต้เป่ยโหรวนำข้าไปฆ่าแกงหรือแล้วถ้าหากฮ่องเต้เป่ยโหรวมีอุปนิสัยที่พิลึกล่ะจะทำเช่นไร”เอ่ยจบเขาทำหน้าตกใจกำชายเสื้อตนไว้แน่นด้วยสีหน้าขาวซีด
“…”เจียงหลีมองเขาด้วยหางตามุมปากข้างหนึ่งยกขึ้นอย่างห้ามไม่ได้
“วางใจเถิดข้าจะไปกับเจ้าด้วย”เจียงหลีเอ่ยขึ้นทันที
“ฮะ”ลู่เสวียนคลายสาบเสื้อของตนออกอย่างตกใจก็ถูกเขาจับเสื้อไว้โดยไม่ได้ตั้งใจและเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ“ท่านก็จะไปหรือท่านจะไปได้อย่างไร”ในเมื่อฮ่องเต้เป่ยโหรวมีเจตนาแอบแฝงถ้าหากจักรพรรดินีแห่งจยาเซียนเช่นเจ้าไปส่งถึงประตูด้วยตัวเองแล้วเขาจับเจ้าไปฆ่าอย่างโหดเหี้ยมจะทำเช่นไร”
“ข้าจะไม่ไปในฐานะของเจียงหลีแล้วก็จะไม่ในฐานะจักรพรรดินีแห่งจยาเซียน”เจียงหลีชี้แจงอย่างแจ่มแจ้งนางเขยิบเข้าไปใกล้ลู่เสวียนหนึ่งก้าวดวงตาที่ลุกวาวมองเขาอย่างจดจ้องเอ่ยกระซิบว่า“ข้าจะไปในฐานะของสาวใช้ติดตามตัวท่าน”
ลู่เสวียนอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงมองนางอย่างประหลาดใจ
เจียงหลียกมือขึ้นมาตบไหล่เขาเบาๆปลอบใจเขาว่า“วางใจเถิดข้ามีวิธีของข้าพอถึงเป่ยโหรวแล้วหากเจ้าไม่ถูกใจองค์หญิงทั้งสามของฮ่องเต้เป่ยโหรวนั้นใครก็ไม่สามารถบังคับเจ้าแต่งงานได้หากแต่เจ้าถูกใจเข้ามาจริงๆแล้วล่ะก็ข้าก็จะช่วยท่านชิงตัวนางกลับมาอาณาจักรเรา”
“…”ลู่เสวียนสีหน้าหม่นหมองพี่สะใภ้ของเขานี่ไม่ต้องใจกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้ก็ได้
วาจาเมื่อชั่วครู่มีลักษณะเหมือนจักรพรรดินีเสียที่ไหนอย่างกับพวกที่อาศัยอยู่บนเขาโจรสาวที่ชอบกดขี่ข่มเหงพวกนั้น
“สองสามวันนี้เจ้าไม่ต้องไปที่ไหนไกลล่ะรอคณะทูตจากเป่ยโหรวกลับไปก่อนเจ้ากับพวกเขาค่อยรีบนำหน้าไปเป่ยโหรวด้วยกัน”เจียงหลีสั่งเพียงเท่านี้แล้วจึงกลับออกไป
จนนางเดินไปไกลแล้วลู่เสวียนถึงได้สติกลับมาตะโกนตามหลังนางไป“นี่เจ้าจะไปไหน”
เจียงหลีกล่าวติเตียนแต่ไม่ยอมหันกลับมา“ไปจัดการงานราชการน่ะสิ!เจ้าคิดว่าข้าจะว่างเหมือนเจ้าหยวนหวังรึ!”
ทันใดนั้นลู่เสวียนที่ถูกตำหนิมิได้โกรธเคืองแต่กลับยิ้มขึ้นเป็นเพราะน้ำเสียงที่ไม่ได้ตั้งใจของเจียงหลี
หญิงสาวที่ค่อยๆเดินไกลออกไปจากสายตาถึงแม้อายุจะน้อยกว่าเขาแต่ทว่าความหนักแน่นและความเป็นผู้ใหญ่ในตัวนางกลับทำให้เขาดูด้อยกว่า
เจียงหลีก็เปรียบเสมือนพี่น้องแท้ๆที่เชื่อมสัมพันธ์เขากับพี่ชายที่เสียไปแล้วความรู้สึกของคนในครอบครัวเช่นนี้เป็นไปตามกาลเวลานับวันยิ่งลึกซึ้ง
…
วันนี้ท่ามกลางคณะทูตจากเป่ยโหรวมีเพียงจงเจิ้งเหยี่ยที่ปรากฏต่อหน้าเจียงหลีส่วนไป๋เซี่ยงไท่นั้นไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุจากอาการบาดเจ็บจริงๆหรือว่าเป็นเพราะไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าเจียงหลีถึงได้ไม่ยอมปรากฏตัว
แต่ทว่าเขาคนนี้จะปรากฏตัวหรือไม่สำหรับเจียงหลีแล้วนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่อย่างใด
ลองเชิงจงเจิ้งเหยี่ยอยู่ครึ่งวันแล้วไปจัดการงานของราชสำนักอีกครึ่งวันกว่านางจะปลีกเวลาฝึกฝนจนเสร็จกลับมาถึงห้องบรรทมที่ตำหนักหวงจี๋ก็ดึกมากแล้ว
“เฮ้อ…!ข้าช่างเกิดมาเพื่อทำงานหนักทั้งชีวิตจริงๆ!ช่างเป็นแบบอย่างของฮ่องเต้เสียจริง!”เท้าเอวเดินเข้าห้องบรรทมไปเจียงหลีถอนหายใจให้กับความขยันของตน
ประตูใหญ่ของห้องบรรทมหลังจากนางเข้าไปก็ปิดสนิทลง
ยามราตรีนางไม่ได้ต้องการคนปรนนิบัติกฎข้อนี้คนข้างกายนางล้วนรู้กันดี
แต่ทว่ายามที่เจียงหลีเดินเข้าใกล้เตียงกลับรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ
“เอ๊ะ”ฝีเท้าของนางหยุดลงยืนอยู่นอกฉากกั้นเตียงค่อยๆแหวกผ้าม่านทีละชั้นไม่คาดคิดว่าจะมีคนนอนอยู่บนเตียงของนาง!
ใครบังอาจมานอนบนเตียงของข้า!เจียงหลีหรี่ตามองแล้วเปลี่ยนเป็นแววตาเฉียบคมขึ้นมา
ทันใดนั้นลมยามราตรีพัดเข้ามาครู่หนึ่งพัดม่านกั้นขึ้นพากลิ่นอ่อนๆโชยเข้ามาด้วย
กลิ่นที่คุ้นเคยลอยเข้าจมูกสายตาที่หวาดระแวงของเจียงหลีก็หายไปทันทีใบหน้าที่เย็นชากลับเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ชวนมองต้องตาคน
นางยกมือขึ้นเปิดกระโจมออกก้าวยาวอย่างเบาๆไปยังเตียงนอน
ยิ่งเข้าใกล้เงาของคนบนเตียงนอนยิ่งชัดเจนขึ้น
ลู่เจี้ย!
ใบหน้าที่คุ้นชินงดงามเกินมนุษย์ธรรมดาทั่วไปปรากฏอยู่ตรงหน้านางสายตาของนางเผยถึงความอ่อนโยน
ชายหนุ่มที่เงียบหายไปนานท่านนี้เมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งไม่นึกว่าจะมานอนอยู่บนเตียงของนางได้เลย
“ลู่เจี้ยหรือ”เจียงหลีลองเรียกเสียงเบา
คนที่กำลังนอนราบอยู่บนเตียงไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆคล้ายกับว่าไม่ได้รู้สึกถึงการมาถึงของนาง
เจียงหลีหรี่ตาลงค่อยๆคลานขึ้นบนเตียงมือข้างหนึ่งค้ำบนที่นอนมือข้างหนึ่งเขย่าชายหนุ่มตรงหน้าเล็กน้อยและร้องเรียกเบาๆ“ลู่เจี้ยหรือ”
ก็ยังคงไม่มีการตอบกลับ
“หลับสนิทขนาดนี้เชียวหรือช่วงที่หายไปนั้นไปทำอะไรมานะถึงได้เหนื่อยเช่นนี้”เจียงหลีกระซิบเบาๆหายใจอย่างระมัดระวังค่อยๆย่องเบาและคลานไปข้างกายชายหนุ่มผู้นี้
นางเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังมากอย่างเบาที่สุดราวกับว่ากลัวจะทำให้ชายหนุ่มที่นอนหลับสนิทตื่นขึ้น
เพียงแต่ตอนที่นางคลานถึงข้างกายชายหนุ่มกลับตกตะลึงนางมองไปยังข้างกายชายหนุ่มมองดูเขาที่นอนราบกางอ้อมแขนกว้างไว้แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
เดิมทีนางอยากจะนอนลงข้างกายชายหนุ่มวันนี้ทั้งวันนางรู้สึกเหนื่อยล้ามากแล้ว
แต่ทว่ายามมองเห็นเขากางอ้อมแขนกว้างนั้นใจของนางก็รู้สึกแปลกพิลึกนึกถึงความรู้สึกที่ถูกเขากอดไว้ในอ้อมแขนแล้วหลับไป
คิดไปแล้วเจียงหลีจึงละทิ้งพื้นที่ข้างกายของเขาและคลานไปบนกายของเขามือเท้าค่อยๆก้าวข้ามร่างของเขาร่างทั้งร่างนอนอยู่ในอ้อมกอดของเขาสองมือสวมกอดเอวของเขาไว้แน่น
ที่นี่ยังคงสบายที่สุดอย่างที่คิดไว้!ใบหน้าเล็กถูไปมาในอ้อมกอดของชายหนุ่มเจียงหลีหลับตาลงใบหน้าอิ่มเอมทำให้อารมณ์ตึงเครียดคลายลงไปชั่วขณะ
ทันใดนั้นชายหนุ่มที่ดวงตาปิดสนิทราวกับหลับลึกนั้นค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นในเวลานั้นและกวาดสายตามองไปที่หญิงสาวที่ทับอยู่บนร่างของเขา
“ลงไป”
ผู้หญิงคนนี้มายั่วโมโหเขาอีกแล้ว!สีหน้าของเซ่าตี้ดูไม่ชวนมองและอารมณ์ดูจะไม่สู้ดีนัก
ทันทีที่ได้ยินเสียงของชายหนุ่มเจียงหลีเงยหน้ามองอย่างดุดันสบตากับดวงตาคู่สวยนั้นกลับไม่เขินอายและไม่ตื่นเต้นนางทำหูทวนลมราวกับไม่ได้ยินคำพูดของชายหนุ่มสองมือของนางกุมไว้แล้ววางบนอกของชายหนุ่มคางวางลงที่หลังมือยิ้มหรี่ตายั่วยวนชายหนุ่ม“ข้าไม่ลง!”
“…”นางนี่จริงๆเลยนับวันยิ่งใจกล้าไปกันใหญ่แล้ว
ใบหน้าของเซ่าตี้ตึงเครียดขึ้นมาทันที
ทันใดนั้นเจียงหลีรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่