ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 231 ความลับ

“พ่ะย่ะค่ะ พระชายา” อวี๋เฟิงพยักหน้ายืนยัน ก่อนจะพรางตัวหายเข้าไปในจวน

หนานหว่านเยียนสายตาจริงจัง นางหันหลังกลับห้องไป สองพี่น้องเพิ่งตื่นพอดี

ซาลาเปาน้อยห่อตัวอยู่ในผ้าห่ม ขยี้ตางัวเงีย ถามเสียงใส “ท่านแม่ ท่านแม่ไปไหนมา?”

หนานหว่านเยียนอุ้มสองพี่น้องขึ้นมา พลางลูบศีรษะพวกนาง “ไม่มีอะไร แม่แค่ออกไปดูดาวน่ะ พบว่าวันนี้จะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น”

เกี๊ยวน้อยรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา ทำตาโตเขย่าแขนเสื้อของหนานหว่านเยียนด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ข่าวดีอะไร? ท่านแม่บอกพวกเราได้ไหม?”

หรือว่าจะเป็นเรื่องท่านปู่หมิงกับท่านแม่…สำเร็จแล้ว!

ซาลาเปาน้อยยังเลียริมฝีปากโน้มตัวเข้ามาใกล้ “ใช่ๆ ข่าวดีอะไรหรือที่ทำให้ท่านแม่มีความสุขถึงเพียงนี้?”

หนานหว่านเยียนยิ้มอย่างมีเลศนัย จูบพวกนางที่หน้าผาก “เป็นความลับ”

“วันนี้พวกเจ้าตามพี่เซียงเหลียนไปเล่นที่ลานหลัง แม่มีธุระต้องจัดการ เสร็จเรื่องแล้วแม่จะพาพวกเจ้าออกไปดูโคมไฟ!”

สองพี่น้องที่ยังลังเลใจในตอนแรกพอได้ยินว่าหนานหว่านเยียนจะพาพวกนางออกจากจวนไปดูโคมไฟ ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที

เกี๊ยวน้อยยื่นมือออกมาอย่างตื่นเต้น พร้อมชูนิ้วก้อยขึ้นสูง “ท่านแม่บอกเองนะว่า พูดแล้วก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่พูด!”

ใบหน้าสีชมพูระเรื่อของซาลาเปาน้อยป่องขึ้น “ใช่ๆ ข้ากับพี่หญิงได้ยินหมดแล้ว ท่านแม่ห้ามบิดพลิ้วนะ!”

หนานหว่านเยียนหัวเราะเบาๆ เกี่ยวก้อยกับสองพี่น้องพลางพูดว่า “พูดคำไหนคำนั้น”

หลังจากได้รับคำสัญญาจากหนานหว่านเยียนแล้ว สองหนูน้อยก็รีบวิ่งไปเก็บที่นอนของตัวเอง สวมเสื้อหนาวบุนวมหนาๆ และเสื้อเกราะครึ่งตัว แล้ววิ่งตามออกไปอย่างร่าเริง ตามเซียงเหลียนไปที่ลานหลัง

หนานหว่านเยียนโล่งอก ใบหน้าสวยอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นทันที ดวงตาก็เย็นชาลงมาก

ในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ ยิ่งต้องปิดบังความเป็นอยู่ของเด็กๆ ไว้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิด

คำนวณเวลา แม่ดอกบัวขาวน้อยนั่นน่าจะมาแล้ว

ก่อนนางจะคิดจบ เสียงเคาะประตูของเซียงอวี้ก็ดังเข้ามา “พระชายา พระชายารองหยุนและพ่อบ้านกาว รวมถึงองครักษ์เสิ่นอยู่ที่นี่แล้ว ตอนนี้กำลังรอท่านอยู่ที่สวน”

หนานหว่านเยียนแววตาเยือกเย็น “ให้พวกเขาเข้ามา”

เดิมทีเรือนเซียงหลินอยู่ห่างไกล ไกลจากเรือนจู๋หลานที่หยุนอี่ว์โหรวอาศัยอยู่มาก

ร่างกายของนางไม่เอื้ออำนวย ทั้งยังปวดท้องเลือดไหลไม่หยุด กอปรกับอากาศที่หนาวเย็นในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง เดินมาตลอดทาง หยุนอี่ว์โหรวยิ่งรู้สึกเจ็บปวดจนควบคุมตัวเองไม่อยู่

ถ้าไม่ใช่เพราะเชี่ยนปี้คอยพยุงตลอดทาง นางคงเดินไปไม่ถึงเรือนเซียงหลิน

เมื่อนางเข้าไปในเรือนและเห็นหนานหว่านเยียน ความเกลียดชังก็ลุกโชนในดวงตา

เสิ่นอี่ว์ไม่พูดอะไรเลย เพียงแค่ยืนมองอยู่ข้างๆ อย่างสงบนิ่ง

ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อเห็นท่าทีสงบสำรวมของหนานหว่านเยียน เขาก็มีภาพมายาว่าวันนี้จะมีการนองเลือดรออยู่…

หนานหว่านเยียนนั่งตัวตรงอยู่ในเรือน หยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบอย่างสุขุมเยือกเย็น พลางหรี่ตามองหยุนอี่ว์โหรว “เอาสมุดบัญชีมาด้วยหรือไม่?”

พ่อบ้านกาวรู้สึกประหม่าเล็กน้อยกับพลังกดดันของหนานหว่านเยียน เขาหอบสมุดบัญชีกองใหญ่ รีบร้อนวางลงบนโต๊ะตรงหน้าหนานหว่านเยียน

“อยู่นี่หมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ เชิญพระชายาทอดพระเนตร”

ใบหน้าของหยุนอี่ว์โหรวซีดเผือด นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างรุนแรง แต่กลับแสร้งทำเป็นก้าวไปข้างหน้าอย่างเชื่อฟัง

“พระชายา หลายวันก่อนหม่อมฉันพูดจาสามหาวไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ขอได้โปรดพระราชทานอภัย”

วันนี้นางไม่ได้มาที่นี่เพื่ออย่างอื่น แค่ต้องการเห็นหนานหว่านเยียนอับอายขายหน้า

สมุดบัญชีนั้นซับซ้อนมากเหลือเกิน คนเรียนหนังสือมาน้อยอย่างหนานหว่านเยียนจะคิดคำนวณเข้าใจได้อย่างไร?

หยุนอี่ว์โหรวเห็นหนานหว่านเยียนไม่สนใจนางเลย ก็ไม่ได้หงุดหงิด พลางนั่งลงข้างๆ อย่างอ่อนแรง

หนานหว่านเยียนชายตามองนางอย่างเย็นชา กล่าวอย่างเชือดเฉือน

“ข้าอนุญาตให้เจ้านั่งแล้วหรือ?”

หยุนอี่ว์โหรวหย่อนบั้นท้ายลงไปครึ่งหนึ่งแล้ว ไม่คาดคิดว่าพอหนานหว่านเยียนพูดขึ้นมาอย่างกะทันหันเช่นนี้จะทำให้นางต้องยืนตัวตรง ทั้งอึดอัดและไม่พอใจเป็นอย่างมาก

เชี่ยนปี้โมโหขึ้นมาทันที นางฉวยโอกาสตอนที่กู้โม่หานไม่อยู่ ก้าวไปข้างหน้าอย่างลำพองตน กล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม

“พระชายา นี่ท่านพูดเช่นนี้ได้อย่างไร? ช่วงนี้เจ้านายของข้าสุขภาพไม่ดีก็เพราะท่าน พระชายาไม่รู้อยู่แก่ใจหรือ? ว่าควรจะนั่งพักตั้งนานแล้ว”

เซียงอวี้ไม่ยอม นางทนดูหน้าทนฟังคำพูดของเชี่ยนปี้ที่อาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่งไม่ได้

นางเลื่อนใต้หยุนอี่ว์โหรวออกไป พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

“ขออภัย! เรือนเซียงหลินของเรามีข้าวของน้อยไม่พอคนใช้ ไม่มีที่ว่างให้พระชายารองหยุนนั่งแล้ว เชิญพระชายารองยืนที่นี่”

“พระชายาต้องการตรวจบัญชี บางคนก็ควรหุบปากเสีย ไม่เช่นนั้นหากเสียงดังหนวกหูพระชายา ก็อย่าตำหนิที่ข้าจะฉีกหน้าเจ้าเป็นชิ้นๆ!”

พูดจบ นางก็กลอกตาใส่เชี่ยนปี้ด้วยความฉุนเฉียว ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับเก้าอี้ โยนมันออกไปนอกสนาม แล้วกลับไปที่เรือน

หนานหว่านเยียนเลิกคิ้วขึ้น เซียงอวี้เข้าใจจิตใจนางอย่างลึกซึ้ง ผู้หญิงอย่างหยุนอี่ว์โหรววันๆ เอาแต่คิดทำร้ายชีวิตคนอื่นเพื่อทรัพย์สินเงินทอง ยังอยากได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติอีกหรือ?

ฝันไปเถอะ

นางกวาดตามองไปยังหยุนอี่ว์โหรวที่มีสีหน้าไม่เต็มใจ พลางยิ้มเยาะในใจ

อีกครู่หนึ่งเมื่อการแสดงเริ่มขึ้น นางจะดูว่าหยุนอี่ว์โหรวยังทนนั่งนิ่งๆ ได้ไหม!

ใบหน้าของหยุนอี่ว์โหรวซีดมาก ความเจ็บปวดในช่องท้องส่วนล่างและกระแสไออุ่นที่ถาโถมเข้ามาทำให้นางอยากตาย

ริมฝีปากของนางสั่นเทา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความชั่วร้ายและไม่ยินยอม แต่กลับมองไปที่หนานหว่านเยียนด้วยสีหน้าอดกลั้นเป็นอย่างมาก

เวลานี้ไม่ใช่แค่หญิงชั่วผู้นี้เท่านั้น แม้แต่สาวใช้ของนางก็ยังสร้างความอับอายให้นางต่อหน้าผู้คนได้!

สมควรตายจริงๆ! ตายครั้งเดียวยังไม่พอ วันหน้านางจะหั่นหนานหว่านเยียนเป็นชิ้นๆ แม้แต่ศพก็จะถูกโบยด้วย!

เชี่ยนปี้ประคองแขนนางและยืนอยู่ข้างๆ จ้องเขม็งใส่เซียงอวี้ แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย ถึงอย่างไรเมื่อวานท่านอ๋องก็ปกป้องหนานหว่านเยียนมากขนาดนั้น

หากไม่มีคำสั่งของหยุนอี่ว์โหรว แล้วนางทำอะไรนอกลู่นอกทาง หยุนอี่ว์โหรวเล่นงานนางตายแน่

บรรยากาศภายในเรือนน่าอึดอัดมาก

เสิ่นอี่ว์และพ่อบ้านกาวรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างที่สุด

สตรีสองนางร่วมเล่นละคร ตอนนี้มีสตรีสี่นางอยู่ที่นี่ แถมยังไม่ง่ายที่จะรับมืออีกด้วย

โดยเฉพาะหนานหว่านเยียนที่มีพลังมันแข็งแกร่ง ไม่มีใครกล้าทำให้นางขุ่นเคืองง่ายๆ

พ่อบ้านกาวเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ เหงื่ออันเย็นเยียบไหลหยด “พระชายาดูสมุดบัญชีก่อนพ่ะย่ะค่ะ หากมีตรงไหนไม่เข้าใจ กระหม่อมจะให้คำตอบพระชายาอย่างละเอียด”

หนานหว่านเยียนมองลงไปที่สมุดบัญชี “ไม่ต้อง ข้าอ่านเข้าใจ”

หยุนอี่ว์โหรวหัวเราะเยาะ

นังสารเลวนี่แกล้งทำเป็นรู้เรื่อง!

แต่เป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน หนานหว่านเยียนอ่านสมุดบัญชีไม่เข้าใจก็ยังดึงดันจะดู ต้องไม่พบปัญหาในสมุดบัญชีแน่นอน หากมีอะไรเกิดขึ้นนางก็จะโยนความผิดพลาดทั้งหมดให้หนานหว่านเยียน

ถึงเวลานั้นกู้โม่หานจะโกรธขึ้นมาอย่างฉับพลัน มอบสิทธิ์ดูแลจวนให้มาอยู่ในมือนางอีกครั้ง

หนานหว่านเยียนไม่เสียเวลามองหยุนอี่ว์โหรวแม้แต่น้อย หลังจากตรวจสมุดบัญชีเสร็จทั้งโต๊ะก็เป็นยามสายแล้ว

นางปิดหน้าสุดท้ายเบาๆ เชยตามองอย่างดุดัน แล้วโยนสมุดบัญชีใส่หน้าหยุนอี่ว์โหรวอย่างไร้ความปรานี

“หยุนอี่ว์โหรว หลายวันมานี้ที่เจ้าดูแลบัญชี รายรับรายจ่ายในจวนอ๋องเกิดช่องโหว่ใหญ่โตเช่นนี้ เจ้าไม่สังเกตเห็นหรือ?!”

หยุนอี่ว์โหรวถึงกับมึนงง มองหนานหว่านเยียนอย่างไม่เชื่อสายตา

เมื่อนางตั้งสติได้ก็เกือบจะกัดฟันจนแตก ขมวดคิ้วกล่าวด้วยน้ำเสียงคับข้องใจ

“หม่อมฉันไม่รู้ว่าพระชายากำลังพูดเรื่องอะไร ช่วงนี้พ่อบ้านกาวและหม่อมฉันทำบัญชีร่วมกัน จะเกิดช่องโหว่ได้ยังไง?”

หนานหว่านเยียนโง่เขลาเช่นนี้ จะดูออกได้อย่างไร?

กำลังหลอกนางแน่นอน!