บทที่ 131 ความเป็นไปได้ของเทพธิดาแมว

จอมมารแค่อยากเป็นคนดี [反派少爷只想过佛系生活]

บทที่ 131 ความเป็นไปได้ของเทพธิดาแมว
บทที่ 131 ความเป็นไปได้ของเทพธิดาแมว

แม้ว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าจะเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้คาดคิดไว้ก่อนก็ตาม แต่ดาร์กก็ไม่ได้ตกตะลึงนานเกินไป

หลังจากที่ฟื้นคืนสติ ดาร์กก็เริ่มวาดโครงร่างของมนุษย์เรืองแสง ในตอนที่แคทมอนได้วิวัฒนาการตามความทรงจำของเขาทันที

มันไม่ใช่เทวทูตแปดปีกเหมือนเดอะแองเจล และไม่ใช่เงาที่โดดเด่นเหมือนเดอะเลดี้

แต่มันเป็นหุ่นมนุษย์รูปร่างเพรียวที่มีหูแมวสองข้างและหางแมวสองหาง!

ความเข้าใจของดาร์กเกี่ยวกับ ‘มอนสเตอร์ในโลกดิจิทัล’ นั้นมีค่อนข้างจำกัด เขาขมวดคิ้วเป็นเวลานานและแต่สุดท้ายก็ยังคิดไม่ออกว่าโครงร่างนั้นคล้ายกับตัวตนไหน

“ไม่ใช่เดอะแองเจล ไม่ใช่เดอะเลดี้ แคทมอนจะวิวัฒนาการเป็นอะไรได้อีก? เนฟมอน? ไม่น่าใช่… อืม อ่า~! น่าปวดหัวชะมัด!”

ขณะที่ดาร์กกำลังมีปัญหากับเรื่องนี้ ดวงตาของแคทมอนก็เปี่ยมไปด้วยออร่า [ราคะ] ที่แข็งแกร่งมากจนไม่สามารถลบล้างได้

เจ้าเหมียวขาวกุมหัวและขดตัวเป็นลูกบอล

อัตตากำลังต่อสู้กับราคะ

แสงสว่างและความมืดกำลังต่อสู้กัน

ความปั่นป่วนค่อย ๆ ทวีความรุนแรงขึ้น

เมื่อดาร์กสังเกตเห็น ตาข้างหนึ่งของมันก็ย้อมเป็นสีดำและอีกข้างก็ได้กลายเป็นสีขาวไปแล้ว

อัตตาเริ่มกลายพันธุ์

“ปรากฏการณ์นี้มันอะไรกัน?”

ดาร์กรีบอุ้มแคทมอนขึ้นมามองใกล้ ๆ

ในเวลานี้ แคทมอนพ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อย แต่ไม่ได้แสดงท่าทีต่อต้านใด ๆ อย่างก่อนหน้าแล้ว

เด็กชายและแมวอยู่ใกล้ชิดกันมาก

จนกระทั่งลิ้นเย็นเลียบนแก้มของเขา ดาร์กจึงยืนยันสถานะของแคทมอนได้

เขาจับหางของแคทมอนแล้วลูบเบา ๆ โดยคิดว่า

‘แม้ว่าจะมีผลแห่งอัตตาในวัตถุดิบขัดเกลา แต่แหวนศักดิ์สิทธิ์บนหางของแคทมอนก็บ่งบอกว่ามันเอนเอียงไปทางคุณสมบัติแสง’

‘ส่วน [ราคะ III] ที่สามารถทำให้รุกกี้เดวิมอนวิวัฒนาการเป็นแบล็คแคทมอนได้ เห็นได้ชัดว่ามันเอนเอียงไปทางคุณสมบัติมืด’

‘ด้านหนึ่งสีดำและด้านหนึ่งสีขาว การรวมกันของแสงและความมืด การรวมตัวกันของเทวดาและปีศาจ เดอะมาสเตอร์?’

‘ไม่น่าใช่ เดอะมาสเตอร์เป็นมอนสเตอร์ดิจิทัลระดับเมก้า! อีกอย่าง มันเป็นการฟิวชั่นระหว่างเดอะแองเจลและเดอะเลดี้ ไม่ใช่แคทมอนกับ…’

‘เว้นแต่แคทมอนกับแบล็คแคทมอนจะสามารถวิวัฒนาการฟิวชั่นร่วมกันได้?’

ดวงตาของดาร์กเป็นประกายขึ้นมา รู้สึกเหมือนกับว่าเขาจับประเด็นสำคัญได้แล้ว

แม้ว่าการวิวัฒนาการนี้จะล้มเหลว แต่ก็เป็นการคาดเดาถึงความเป็นไปได้

เช่นเดียวกับเดอะแองเจลและเดอะเลดี้ที่สามารถวิวัฒนาการเป็นมอนสเตอร์ดิจิทัลระดับเมก้าได้ แคทมอนและแบล็คแคทมอนก็น่าจะสามารถวิวัฒนาการเป็นมอนสเตอร์ดิจิทัลระดับเมก้าได้เช่นกัน!

แต่แล้วก็มีคำถามใหม่ผุดขึ้นมาคือ จะทำให้แคทมอนและแบล็คแคทมอนฟิวชั่นกันได้อย่างไร?

[ฟิวชั่น]?

“ในโลกนี้ มีการ์ดใบนี้ไหมนะ?”

ขณะที่ดาร์กกำลังคิด เขาก็อุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติและลูบขนมันไปพลาง ๆ

แคทมอนเม้มปากแน่น แต่สีหน้าที่ไม่อาจหลบซ่อนได้พลันฉายออกถึงความเพลิดเพลินอย่างชัดเจน

จู่ ๆ ดาร์กก็รู้สึกว่าขากางเกงของเขาขยับ จึงก้มหน้าลงไปมองและอุ้มหญ้าแมวขึ้นมา

เขาลูบแมวสองตัวพร้อมกัน!

สถานะ ‘ซึนเดเระ’ ของแคทมอนกินเวลาประมาณสิบหกนาทีก่อนที่มันจะกลับมาเป็นปกติพร้อมกับเสียง ‘เหมียว’

ถึงแม้ว่าตาของมันจะกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่เจ้าตัวน้อยก็ยังคงนอนอยู่บนตักของดาร์กต่อไป และไม่คิดจะขยับเขยื้อนสักนิด

“คึคึ ( ฅ ´ω` ฅ)”

ในเวลาเย็นย่ำ

นักเรียนมาที่โรงอาหารเร็วกว่าปกติ เห็นได้ชัดว่าการบ้านที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ไม่เพียงพอที่จะลดความกระตือรือร้นในการผจญภัยของพวกเขา

ดาร์กนั่งกินอยู่ที่ริมหน้าต่าง เขาได้ยินนักเรียนทั้งข้างหน้าและข้างหลังคุยกันเรื่องการผจญภัยบนทางลับในคืนนี้

แม้ว่านักเรียนรุ่นพี่จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในดันเจี้ยนได้ในช่วงสุดสัปดาห์ แต่อย่างไร ทางลับและดันเจี้ยนในปราสาทก็มีความหมายต่างกัน

จากข้อมูลที่ดาร์กได้ยินมาบ้างเป็นครั้งคราว ดูเหมือนว่าไม่ได้มีเพียงแต่เขากับเอ็มม่าที่ค้นพบอะไรบางอย่างเท่านั้น นักเรียนบางคนก็พบภาพวาดในอดีตที่สูญหายไป หนังสือโบราณเล่มสุดท้าย หรือของไอเทมเวทมนตร์พิเศษอื่น ๆ…

แม้ว่าสิ่งเหล่านั้นจะหายไปหลังจากเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง แต่มันกลับกลายเป็นสิ่งที่กระตุ้นความปรารถนาของนักเรียนได้เป็นอย่างดี

ต่อให้สุดท้ายมันจะไร้ประโยชน์ แต่ก็สามารถกลายเป็นหัวข้อสนทนาที่โอ้อวดกับผู้อื่นได้ชั่วขณะหนึ่ง

ไม่ต้องพูดถึงว่า โบราณวัตถุบางอย่างมีความพิเศษและล้ำค่าอย่างแท้จริงด้วย

ดาร์กกลับมาห้องสมุดอีกครั้งด้วยจุดประสงค์ที่ชัดเจน

เขาต้องการหนังสือเกี่ยวกับ [กรงต้องสาป] และ [ฟิวชั่น] ด้วย

[กรงต้องสาป] มีอยู่จริง แต่ [ฟิวชั่น] ยังจำเป็นต้องตรวจสอบเพิ่มเติม

แต่ก่อนหน้านั้น ในฐานะนักเรียน เขาต้องทำการบ้านให้เสร็จก่อน

ในสามวิชาของวันนี้ มีแค่วิชาคณิตศาสตร์กับวิชาเวทมนตร์พื้นฐานเท่านั้นที่มอบหมายงานให้ ส่วนประวัติศาสตร์เวทมนตร์ยังไม่มีการบ้านเลย

แต่อย่างไรก็ตาม จำนวนการบ้านวิชาคณิตศาสตร์นั้นเพียงพอที่จะกินเวลาอีกสองวิชาที่เหลือแล้ว

นอกจากนี้ งานหลังเลิกเรียนของวิชาเวทมนตร์พื้นฐานอาจดูเหมือนจะเรียบง่าย แต่ในความเป็นจริง มันต้องใช้เวลามาก

สมมติว่าถึงดาร์กจะทำแบบฝึกหัดเสร็จล่วงหน้าแล้ว แต่เขาก็ยังคงต้องใช้เวลาถึงสิบห้านาทีในการทำการบ้านที่เหลือให้เสร็จ และมันก็เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่านักเรียนชั้นปีที่หนึ่งคนอื่น ๆ จะต้องใช้เวลานานขนาดไหนจึงจะทำเสร็จได้

ไม่ต้องพูดถึงเด็ก ๆ ที่ได้รับการบ้านเพิ่มขึ้นสองเท่าเพราะพวกเขามาสายเลย

“โหดร้ายชะมัด!”

หลังจากดาร์กบ่นเล็กน้อย เขาก็เก็บการบ้านและเตรียมออกจากห้องอ่านหนังสือ ไปแหวกว่ายในทะเลชั้นตำรามหาศาล

แต่เอ็มม่าซึ่งกำลังจ้องมาที่เขาอย่างไม่ปิดบังนั้น เมื่อเห็นเขาทำการบ้านเสร็จ เธอก็รีบเดินเข้ามาหาทันที

ในที่สุดดาร์กก็นึกขึ้นได้หลังจากที่เธอเตือน จากนั้นเขาก็ให้สมุดบันทึกที่คัดลอกภาพจิตรกรรมฝาผนังไว้ก่อนหน้านี้กับเธอ

เอ็มม่าผู้ได้รับสมุดบันทึกแสดงความดีใจออกมา เธอโค้งคำนับเล็กน้อยและขอบคุณ “ขอบคุณนะ ฉันจะแบ่งปันข้อมูลกับนายเมื่อผลการวิจัยออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

ดาร์ก “อ้อ อืม”

เอ็มม่ากลับไปที่โต๊ะ กัดปลอกปากกาและง่วนอยู่กับหนังสือข้อมูลที่เธอหามาล่วงหน้า

ดูเหมือนเธอจะรู้เรื่องจิตรกรรมฝาผนังมากกว่าดาร์กเล็กน้อย และเธอก็มีเป้าหมายแล้ว

ดาร์กเหลือบมองเล็กน้อยและพบว่าหนังสือข้อมูลนั้นเป็นเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของยุคใดยุคหนึ่ง

ห้องสมุดของเซนต์แมเรียนมีหนังสือเกือบทุกเล่มจากทั่วทุกมุมโลก

นักเรียนสามารถค้นหาหนังสือที่ต้องการได้เสมอ

ดาร์กไม่เคยคิดว่ามันเป็นปัญหามาก่อน จนกระทั่งเขาได้รู้เกี่ยวกับที่ตั้งของปราสาทและความหมายส่วนหนึ่งของมัน ตอนนี้เขาจึงรู้สึกเหลือเชื่อและขนลุกเล็กน้อย

สามชั่วโมงต่อมา

ดาร์กเดินออกจากทะเลชั้นหนังสือ ก่อนจะวางหนังสือสองเล่มในมือลงกับโต๊ะ

เล่มหนึ่งคือ ‘การใช้กรงต้องสาปมหัศจรรย์สามพันแบบ’

อีกเล่มคือ ‘ว่าด้วยลักษณะพิเศษของกลุ่มการ์ดหมวดฟิวชั่น’

แน่นอนว่ามีฟิวชั่นอยู่ในโลกนี้

การประลองที่ไม่มีการฟิวชั่นนั้นไม่นับว่าเป็นการประลองเลย

ค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนที่มืดมิด

ห้องอ่านหนังสือเกือบจะว่างเปล่า

ในมุมหนึ่งของห้องสมุด มีเพียงเด็กหญิงที่ผมฟูฟ่องกับเด็กชายผู้มีผมสีบลอนด์นั่งอยู่

สภาพแวดล้อมโดยรอบนั้นเงียบสงบ ยกเว้นปลายปากกาที่สัมผัสกับพื้นผิวกระดาษที่ทำให้เกิดเสียงกรอบแกรบเป็นระยะ

ณ บ้านขุนนาง ห้องนั่งเล่นรวม

ไดแอนนากำลังเล่นหมากรุกเวทมนตร์กับโรส

แม้จะพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เธอก็ยังเล่นต่อ

ทั้งสองทำการบ้านในห้องสมุดเป็นเวลาสองชั่วโมง แต่ ‘ผู้ช่วยทำการบ้าน’ ได้หายไปในกองชั้นหนังสือก่อนแล้ว ท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่ได้พบกันด้วยซ้ำ

ไดแอนนาไม่ได้คิดอะไรมาก เธอถามอย่างสบาย ๆ “โรส เธอจะทำคาถาทั่วไปคาถาไหนก่อนในห้าคาถานี้”

โรสขมวดคิ้วและคิดว่า “ฉันอยากทำคาถาพรางตา แต่ดู ๆ แล้วเหมือนมันจะยากมาก ก็คงอาจจะเริ่มจากอะไรง่าย ๆ ก่อนเช่นคาถาผลักออก?”

ไดแอนนาถอนหายใจ “เฮ้อ เธอคงพูดถูก ฉันก็อยากทำคาถาเคลื่อนที่พริบตา แต่ทำไม่ได้”

โรสพยักหน้าและกล่าวว่า “เคลื่อนย้ายในพริบตาก็ดีนะ มันสามารถพุ่งไปข้างหน้าได้หนึ่งถึงสามเมตร แล้วยังเป็นเทคนิคที่ได้ใช้บ่อยด้วย”

ไดแอนนาเสนอ “อันที่จริง กระสุนเวทมนตร์ก็ดีนะ”