ตอนที่235 ให้ทางเลือก

หวานเจียงรู้สึกละอายใจอย่างสุดพรรณนา โดยไม่รู้ว่าทำไมจ้าวเฉียนแค่แกล้งหวานหลินเล่นเท่านั้น แต่หวานเจียงกลับรีบพุ่งตัวเข้ามา เอามือปิดปากเขาทันทีและกล่าวว่า

“นายบ้าไปแล้วจริงๆ หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ!”

ในเวลานั้นเองโรคหัวใจของหวานหลินก็กำเริบขึ้นมา จังหวะหายใจของเขาถี่เร็วขึ้นทันตา

“คุณพ่อตา! คุณพ่อตาเป็นอะไรครับ! ด็อกเตอร์โทมัส รีบเข้ามาดูอาการทีครับ”

“จ้าวเฉียน! นี่นายเล่นเกินไปแล้วนะ! คุณพ่อทำใจดีๆก่อนนะคะ!”

หวานเจียงรีบเข้าไปจับมือพ่อของเธอทันที

จ้าวเฉียนแสยะยิ้มมุมปาก เอ่ยตอบอย่างใจเย็นว่า

“ฉันไม่สนใจอยู่แล้ว แค่บอกไปตามตรงว่าคุณหวานอาจต้องกลายมาเป็นคุณปู่ก็เท่านั้น คุณหวานยังคงได้ยินผมอยู่สินะ? ถ้าไม่รีบรักษาตัวให้หายดี ก็อาจไม่ได้อุ้มหลานนะครับ”

หวานหลินได้ยินดังนั้นก็ตะลึงขึ้นทันใด สิ่งที่จ้าวเฉียนพูดไปก็สมเหตุสมผลเช่นกัน ถ้าเขาไม่รีบรักษาสุภาพตัวเองให้แข็งแรง แล้วเขาจะได้อุ้มหลานได้ยังไงในอนาคต?

หวานเจียงได้แต่ยืนก้มหน้าก้มตาอยู่ข้างเตียง ปล่อยให้พวกหมอเข้าระงับอาการโรคหัวใจ เธอรู้สึกว่าทุกคนในห้องนี้กำลังจับจ้องเธออยู่ก็ไม่ปาน

พอหวานหลินกลับมาเป็นเมื่อเดิม หายใจสะดวกขึ้นก็ไม่วายหันไปขู่จ้าวเฉียนว่า

“หยุดพูดไร้สาระกับฉันได้แล้ว! แกรีบโอนหุ้นส่วนคืนเรามาเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่อนุญาตให้แกติดต่อกับลูกสาวฉันอีกต่อไป!”

จ้าวเฉียนแสร้งปั้นหน้าโกรธ จงใจตะคอกสวนกลับไปทันทีว่า

“นี่! คุณหวานอยากให้ลูกตัวเองเป็นแม่ม่ายนักเหรอไง! ได้! งั้นผมจะทิ้งลูกสาวคุณไปเดี๋ยวนี้แหละ ปล่อยให้เธออุ้มท้องโตเองคนเดียว เลี้ยงลูกเองคนเดียว! ถ้าต่อไปลูกที่เกิดออกมาถามว่า พ่ออยู่ไหน หวังว่าคุณหวานจะตอบหลานไปตามจริงนะว่า ปู่คนนี้แหละเป็นคนไล่ออกไปเอง!”

หวานเจียงรีบคว้าแขนจ้าวเฉียนและตะคอกใส่ทันที

“นี่นายพูดแบบนี้ออกไปได้ยังไง!”

จ้าวเฉียนเหลือบมองหวานเจียงด้วยหางตาอยู่แวบหนึ่ง และกล่าวต่อว่า

“หุบปาก! ฉันกำลังคุยกับพ่อตาในอนาคตของฉันอยู่ เอาล่ะคุณหวาน ผมให้คุณเลือกดีๆนะว่า จะให้ลูกเกิดมาในครอบครัวที่สมบูรณ์มีพ่อมีแม่พร้อม หรือจะไล่ผมไปตั้งแต่ตอนนี้ ทิ้งลูกสาวให้กลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวตามลำพัง ปล่อยให้ลูกสาวตัวเองโดนคนนอกนินทา?”

หวานหลินที่กำลังอารมณ์เสียอย่างมากในตอนแรก แต่หลังจากถูกจ้าวเฉียนสวดไปชุดใหญ่ อารมณ์โกรธเหล่านั้นก็อันตธานหายไปทันที อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่า สถานะทางสัมคมของจ้าวเฉียนยังแย่ไปอยู่ดี และไม่คู่ควรกับลูกสาวเขาเลย

“ไอ้หนุ่ม อย่าขู่ฉันหน่อยเลย ด้วยสถานะภาพแกตอนนี้ คิดจริงๆเหรอว่าตัวเองคู่ควรกับลูกสาวฉัน?”

หวานหลินเอ่ยถามน้ำเสียงเข้ม

จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะเยาะดังลั่น ตอบไปว่า

“ผมเหรอไม่คู่ควรกับเธอ? ในมือผมมีฮวาหยินกรุ๊ปอยู่และสามารถขับไล่พวกคุณออกจากบอร์ดบริหารได้ยกครอบครัวภายในคำเดียว งั้นผมขอถามกลับนะว่า ถ้าพวกคุณไม่มีฮวาหยินกรุ๊ปแล้ว ลูกสาวของคุณยังคู่ควรกับผมอยู่หรือเปล่า? กลับต้องเป็นพ่อแม่ของทางผมมากกว่าที่ต้องรังเกียจพวกคุณ”

หวานหลินถึงกับพูดไม่ออกไปครู่ใหญ่ สถานะปัจจุบัน จ้าวเฉียนสามารถควบคุมชะตากรรมของพวกเขาได้ว่าจะให้อยู่ในฮวาหยินกรุ๊ปต่อไปไหม และถามให้พูดกันตามตรง ถ้าสมาชิกตระกูลหวานทุกคนถูกไล่ออกจากบอร์ดบริหารของฮวาหยินกรุ๊ปยกแผง ตระกูลหวานยังเหลืออะไรให้เชิดหน้าชูตาอีก?

ตอนนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ความจริงเพียงหนึ่งเดียวก็คือจ้าวเฉียนคือผู้ครอบครองฮวาหยินกรุ๊ปโดยสมบูรณ์ ตระกูลหวานไม่มีอำนาจอิทธิพลอะไรเหลืออีกต่อไปแล้ว

หวานหลินกล่าวขึ้นว่า

“ก็ได้ ฉันจะฟังที่แกบอก แต่ตอนที่แกแต่งงานกับเสี่ยวเจียง แกจะต้องยกหุ้นส่วนฮวาหยินกรุ๊ปอย่างน้อย30%เป็นค่าสินสอด!”

จ้าวเฉียนระเบิดหัวเราะลั่น กล่าวตอบกลับไปทันทีว่า

“นี่อยากให้ลูกสาวแต่งงานจริงๆ หรืออยากขายลูกสาวกินกันแน่? สินสอดมูลค่านับพันล้านหยวน นี่มันหากินกับลูกสาวตัวเองชัดๆ! ถามจริงๆนะครับ…ไม่ละอายใจบ้างเลยเหรอที่กล้าพูดออกมาได้หน้าตาเฉย?”

หวานหลินได้ยินแบบนั้นถึงกับไปไม่เป็น

ในเวลานี้เอง ซานเฟิงหยุน แม่ของหวานเจียงก็กล่าวแทรกขึ้นว่า

“โถ่คุณ ลูกของเราก็อายุเท่าไหร่แล้ว? ปล่อยให้เด็กๆมีอิสระเรื่องความรักบ้างเถอะ ตั้งแต่เด็กจนโตเสี่ยวเจียงเคยทำให้เราผิดหวังซะที่ไหน? คุณกังวลเกินไปแล้ว!”

หากกล่าวกันตามตรง ซานเฟิงหยุนกำลังบอกกับหวานหลินอีกนัยหนึ่งว่า เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเลย ด้วยบุคลิกภาพและความเฉลียวฉลาดของหวานเจียง เธอสามารถควบคุมจ้าวเฉียนได้แน่นอน อย่างน้อยที่สุดฮวาหยินกรุ๊ปก็ไท้ถูกเปลี่ยนมือจากชื่อตระกูลหวานเป็นตระกูลจ้าว

หวานหลินตระหนักดีว่าภรรยาของเขากำลังหมายความอย่างไร แต่เขาก็ยังตอบกลับไปว่า

“แต่เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของผมนะ อย่าน้อยผมก็ขอสู้เพื่อผลประโยชน์ของลูกสาวให้มากกว่านี้ ในอนาคตยามพวกเราไม่อยู่แล้ว เธอไม่มีทั้งพี่ชายหรือน้องชายคอยปกป้อง แล้วถ้าเธอโดนคนสกุลจ้าวรังแกขึ้นมาล่ะ?”

ลึกๆแล้วหวานเจียงทราบดีว่า ที่พ่อของเธอคัดค้านหัวชนฝาขนาดนี้ เพราะเขาเป็นห่วงอนาคตของเธอจริงๆ ทันใดนั้นหวานเจียงพลันน้ำตาไหลออกมาโดยไม่ทันรู้ตัว

จ้าวเฉียนที่ได้ยินหวานหลินพูดแบบนั้น เขาพลันถอนหายใจเล็กน้อยและตอบว่า

“ไม่ต้องกังวล ผมได้ลงนามเซ็นสัญญาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องแบบนั้นในอนาคตอยู่แล้ว นับแต่นี้เป็นต้นไป ฮวาหยินกรุ๊ปจะถูกบริหารและควบคุมโดยหวานเจียงแต่เพียงผู้เดียว ส่วนผมรอรับเงินปันผลอย่างเดียว ก็เพราะแบบนี้เลย ผมเลยบอกให้คุณรีบรักษาตัวให้หาย แล้วกลับมาคุมบังเหียนแทนเธอ ไม่อย่างนั้นผมไม่เสียเงินจ้างทีมศัลยแพทย์ที่เก่งที่สุดมาจีนหรอก”

แววตาของหวานหลินทอประกายเล็กน้อย แต่ด้วยบุคลิกของเขา เขายังคงขู่เสียงเข้มสวนกลับไปว่า

“นี่แกพูดจริงใช่ไหม? อย่าให้รู้ทีหลังว่าแกโกหกฉัน!”

จ้าวเฉียนก้าวออกไปข้างเตียง และช่วยประคองหวานหลินนอนลงบนเตียงดังเดิม และเอ่ยปากสัญญากับเขาว่า

“ผมไม่เคยผิดสัญญากับใคร คุณหวานก็รักษาสุภาพตัวเองให้ดี ถ้าคุณอยากดูแลหลานจริงๆ แต่ดันมาป่วยติดเตียงแบบนี้ แล้วจะไปดูแลได้ยังไง แล้วผมขอพูดอะไรกับคุณสักอย่างนะ ถ้าคุณไม่สามารถกลับมาดูแลหลานได้ ผมจะตีหวานเจียงทุกวัน ลงโทษเธอที่มีพ่อไม่เอาไหนแบบคุณ! ถ้าถึงตอนนั้นก็อย่าโทษผมก็แล้วกัน!”

“นี่แก! กล้าดีมาตีลูกสาวฉันเหรอ!? ดี! ดีมากจ้าวเฉียน! รอฉันหายเป็นปกติก่อน ฉันจะมาคิดบัญชีกับแก!”

หวานหลินคำรามใส่ในทันที

“โอ้? คิดจะสู้กับผมงั้นเหรอ? งั้นสิ่งแรกคุณต้องรักษาตัวเองให้กลับมาแข็งแรงก่อน เอาล่ะ เซ็นชื่อเข้ารับการผ่าตัดซะคุณหวาน แล้วผมจะจัดการส่งตัวคุณไปที่สหรัฐอเมริกาพร้อมกับทีมศัลยแพทย์เพื่อเข้ารับการผ่าตัดต่อไป”

หลังจากจ้าวเฉียนพูดจบ ก็หยิบเอกสารให้หวานหลินเซ็นทันที จากนั้นก็เดินออกไปหน้าโรงพยาบาลโทรหาพ่อของเขาโดยตรงเพื่อให้นำเครื่องบินส่วนตัวมารับ

สองชั่วโมงต่อมา เฮริคอปเตอร์ก็มาถึงบนดาดฟ้าโรงพยาบาลเพื่อนำพวกเขาไปยังสนามบิน ส่งตัวหวานหลินขึ้นเครื่องพร้อมกับทีมศัลยแพทย์ทั้งห้า และซานเฟิงหยุนที่ติดตามไปดูใจด้วย

เหม่อมองเฮริคอปเตอร์บินจากไปบนท้องฟ้า หวานเจียงเริ่มร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ คอยมีจ้าวเฉียนคอยปลอบอยู่เคียงข้าง

“ฮือ…ฮือ…ฮือ….”

จ้าวเฉียนลูบหลังเธออย่างแผ่วเบาพร้อมปลอบโยนว่า

“ไม่ต้องกังวล ฉันจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยหมดแล้ว หลังจากผ่าตัดกลับมา ฉันกำชับให้โรงพยาบาลฝั่งโน้นดูแลอย่างถึงที่สุดแล้ว จะไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอน”

“ขอบคุณมาก…ขอบคุณมากจ้าวเฉียน…”

“อยากจะขอบคุณฉันจริงๆใช่ไหม?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม

หวานเจียงพยักหน้าทั้งน้ำตา

จ้าวเฉียนยื่นมือออกมาปาดน้ำตาให้และกล่ามวว่า

“งั้นแค่คำขอบคุณมันไม่พอหรอกนะ ต้องภาคปฏิบัติด้วย!”

หวานเจียงเหลือบมองตาขวางใส่จ้าวเฉียนทันที เพราะเธอทราบดีว่าเขากำลังหมายถึงเรื่องอะไร

“นี่นาย…คนเขากำลังซาบซึ้งอยู่แท้…”

จ้าวเฉียนชี้ไปที่โรงแรมติดโรงพยาบาลและกล่าวแทรกขึ้นทันทีว่า

“เอาน่า รู้สึกว่าตรงนี้มีโรงแรมเพิ่งเปิดใหม่อยู่ด้วยนะ ไม่รู้ว่าเตียงจะยืดหยุ่นแค่ไหน ไปลองด้วยกันสักคืนไหม?”

“หยุดเลย…นายต้องกลับไปบริษัทพร้อมกับฉันก่อนตอนนี้ เราต้องลงนามข้อตกลงระหว่างเราโดยเร็วที่สุด แล้วจะต้องคืนสิทธิ์ให้พ่อฉันด้วยหลังผ่าตัดเสร็จกลับมา”

หลังจากพูดจบ หวานเจียงก็พาจ้าวเฉียนไปที่ลานจอดรถโดยตรง

แต่จ้าวเฉียนกลับฉุดรั้งเธอไม่ให้เธอขึ้นรถ แถมจู่ๆก็อุ้มร่างของเธอขึ้นมาในอ้อมแขนและกล่าวขึ้นว่า

“ฉันเองก็ช่วยเธอมามากแล้วนะ แถมเอกสารข้างต้นฉันก็เซ็นไปหมดแล้วด้วย รายละเอียดเล็กๆน้อยๆค่อยว่ากันทีหลังก็ได้ แต่ตอนนี้…ฉันขอคืนกำไรจากที่ลงทุนก่อนแล้วกัน!”

หวานเจียงที่ได้ยินแบบนั้นก็พยายามดิ้น ยกมือทุบตีให้จ้าวเฉียนปล่อย แต่หลังจากพยายามอยู่นานเธอก็หมดแรงไปในที่สุด หันหน้าไปซบอกจ้าวเฉียนด้วยความเก้อเขิน ปล่อยให้เขาอุ้นเธอเข้าไปในโรงแรมทั้งอย่างนั้น

ประมาณหกโมงเย็นเห็นจะได้ ทั้งสองเดินออกมาจากโรงแรมพร้อมกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

หวานเจียงเอ่ยถามขึ้นว่า

“ทีนี้กลับบริษัทพร้อมฉันไปเซ็นสัญญาต่อได้รึยัง?”

จ้าวเฉียนพยักหน้าและตอบไปว่า

“ไม่มีปัญหา แต่จะว่าไปเตียงโรงแรมนี้แข็งไปหน่อยแหะ ว่าไหม?”

หวานเจียงตีแขนอีกฝ่ายไปทีหนึ่ง จากนั้นก็รีบกลับขึ้นรถขับไปยังฮวาหยินกรุ๊ปเพื่อเซ็นเอกสารต่อโดยเร็ว

หลังจากทั้งสองฝ่ายตรวจเช็คเอกสารเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว พวกเขาก็เซ็นลงนามและประทับลายนิ้วมือลงบนเอกสารสัญญา

ในเวลานี้เอง จ้าวเฉียนก็กล่าวขึ้นว่า

“ฉันเชื่อใจเธอนะ หวังว่าจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังจนต้องลิดรอนสิทธิ์การบริหารคืนมาจากเธอในภายหลัง ดังนั้นได้โปรดเคารพกันด้วย ห้ามไปร่วมมือกับเฟยอวี่กรุ๊ปเด็ดขาด มิฉะนั้นฉันจะไม่ให้โอกาสที่สองกับเธออีกต่อไป”

หวานเจียงตอบกลับพร้อมท่าทีเก้อเขินว่า

“แต่พ่อฉันดันตกลงกับหยางเฉิงแล้วนี่สิ แถมลงนามในสัญญาเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างมันเกือบสมบูรณ์หมดแล้วด้วย ถ้าฉันกลับคำในนาทีสุดท้ายแบบนี้ มันไม่ต่างอะไรกับเหยียบย้ำใบหน้าพ่อของฉันเองเลยนะ”

จ้าวเฉียนพาเธอเดินออกมายังที่จอดรถของบริษัท ขณะกำลังจะขับรถจากไป เขาทิ้งท้ายเพียงว่า

“ยังไงก็แล้วแต่ ฉันไม่อนุญาตให้ฮวาหยินกรุ๊ปร่วมมือกับเฟยอวี่เด็ดขาด”

พอพูดจบ จ้าวเฉียนก็ขับรถจากไปทันที

หวานเจียงยืนมองทอดสายตาสอย่างว่างเปล่า ตอนนี้จิตใจของเธอสับสนงุนงงไปหมด เห็นได้ชัดว่า สำหรับเรื่องนี้จ้าวเฉียนจริงจังอย่างมาก และไม่มีทางให้ทางเลือกที่สามแก่เธอ

ดังนั้นเรื่องความร่วมมือกับเฟยอวี่กรุ๊ป เธอจำเป็นต้องเลือกแล้วระหว่างพ่อกับคนรัก