บทที่ 231 ศึกใหญ่ เย่จิ่งหานต่อสู้กับจอมมาร

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

บทที่ 231 ศึกใหญ่ เย่จิ่งหานต่อสู้กับจอมมาร
สายตานิ่งสงบของเย่จิ่งหานมองไม่เห็นคลื่นอารมณ์ใดๆเลยแม้แต่น้อย

ชายหนุ่มที่สวมชุดสีเขียวชื่อซูมู่ยิ้มเยาะเบาๆ

“สำนักอสุรา เผ่าปีศาจ และเจ้า แบ่งกันเป็นสามพวก ต่างก็ไม่ล่วงเกินกัน แต่เมื่อสถานการณ์เช่นนี้ถูกทำลาย ผู้แข็งแกร่งทั้งสองต่อสู้แย่งชิงกัน เผ่าเทียนเฟิ่นจึงฉวยโอกาสแทรกซึมเข้ามาขณะที่อ่อนแอ”

“เผ่าเทียนเฟิ่นเป็นเผ่าเก่าแก่นับพันปี มีรากฐานที่มั่นคง ผู้นำเผ่ามีวรยุทธที่สูงส่งยากจะคาดเดาได้ ไม่ได้ด้อยไม่กว่าเจ้า ในเผ่ายังมีผู้อาวุโสอีกตั้งมากมาย กระทั่งผู้อาวุโสสูงสุด ว่ากันว่า หัวหน้าเผ่าเทียนเฟิ่นที่อายุน้อยมีความสามารถเหนือผู้อาวุโส วรยุทธก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้นำเผ่า ถึงแม้ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าจะไม่ธรรมดาสักแค่ไหน เมื่อเทียบกับเขาแล้วเป็นอย่างไร”

“ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเผ่าเทียนเฟิ่นที่มีอำนาจมั่นคง ทั่วทุกแคว้นในใต้หล้าต่างก็มีอำนาจของพวกเขากระจายอยู่ แคว้นเย่… ฮึ ถ้าหากไม่มีเจ้า คงถูกแคว้นต่างๆแบ่งแยกกันไปแล้ว ฮ่องเต้น้อยในตอนนี้จะยังคงเสวยสุขอยู่ได้อย่างไร”

เย่จิ่งหานพูดเสียงขรึม “ข้าว่าเจ้าคงจะว่างมากเกินไปแล้ว”

ซูมู่ลูบไปที่แขนเสื้อกว้างๆของตนเอง นั่งอยู่บนเก้าอี้อีกฝั่งอย่างเกียจคร้าน กินผลไม้ด้วยท่าทีสง่างาม ริมฝีปากเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม

“ข้าเองก็รู้สึกว่าตัวเองว่างมากจริงๆ เจ้ายังไม่ร้อนใจ แล้วข้าจะร้อนใจแทนเจ้าทำไม แต่ว่า เจ้าพอใจจริงๆหรือ”

เย่จิ่งหานกับเผ่าเทียนเฟิ่นมีความแค้นบัญชีเลือดระหว่างกัน ไม่อาจอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันได้

เขาต้องทนลำบากตั้งมากมาย คนใกล้ชิดของเขาต้องตายอย่างอนาถ ล้วนเป็นฝีมือของเผ่าเทียนเฟิ่น

“เจ้าแสร้งทำเป็นป่วยนอนซมอยู่กับเตียงมาตั้งหลายปี ก็เพื่อที่จะลดความระแวงป้องกันที่เผ่าเทียนเฟิ่นมีต่อเขาหรอกหรือ

ไม่ง่ายเลยที่ตอนนี้จะรู้ถึงที่อยู่ของผู้นำเผ่าเทียนเฟิ่น

และได้เตรียมการที่จะโจมตีเผ่าเทียนเฟิ่นไว้แล้ว แต่เพราะหญิงสาวคนเดียว ปรากฏว่ากลับหันหน้ากลับมาหาเรื่องเผ่าปีศาจ

ฮึ……”

“เรื่องของข้า เจ้าไม่ต้องยุ่ง”

“ก็ได้ๆ ข้าไม่ยุ่ง ข้าจะมองดูเสือทั้งสามตัวสู้กันอย่างเงียบๆ ข้าจะรอดูสิว่า สองขาของเจ้าที่ยังไม่ดีขึ้น จะต่อสู้กับเสือทั้งสองตัวอย่างเผ่าปีศาจและเผ่าเทียนเฟิ่นได้อย่างไร”

“ท่านนาย คนของพวกเราได้โจมตีเข้าไปยังเขาสูบวิญญาณแล้ว” องครักษ์ลับเหาะเข้ามาราวกับภูตผี คุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมรายงาน

“ท่านนาย เย่เฟิงได้บุกโจมตีเข้าไปในเขาสูบวิญญาณก่อนพวกเราก้าวหนึ่ง ตอนนี้กำลังทำศึกกับคนของเผ่าปีศาจอยู่”

“ท่านนาย เย่เฟิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกคนของพวกเราคุ้มกันไว้แล้ว”

“ท่านนาย คนของพวกเรากับคนของพวกเขาต่างก็ต่อสู้กันอย่างไม่มีใครยอมใครอยู่ที่ยอดเขาลูกที่ห้า ภูมิศาสตร์ของเขาสูบวิญญาณนั้นป้องกันง่ายแต่โจมตียาก”

……

ข่าวเรื่องสถานการณ์การต่อสู้ถูกส่งมาอย่างต่อเนื่อง เย่จิ่งหานยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆเลยแม้แต่น้อย

จนกระทั่ง …

“ท่านนาย ในที่สุดคนของเผ่าเทียนเฟิ่นก็ปรากฏตัวออกมาแล้ว แต่ว่าก็ติดกับแผนการของพวกเรา ถูกจับตัวไว้ทั้งหมด เพียงแต่เสียดายที่พวกเขาต่างก็กัดลิ้นฆ่าตัวตายกันหมด”

“ท่านนาย พระชายาได้วางแผนฉวยโอกาสหนีออกไปตอนที่เกิดความชุลมุนขึ้น”

สีหน้าของเย่จิ่งหานไม่พอใจ “พระชายาหนีออกไปแล้วอย่างนั้นหรือ”

“พ่ะย่ะค่ะ พระชายาอาศัยว่าในท้องมีท่านอ๋องน้อย ข้าน้อยไม่กล้าใช้ความรุนแรงเพื่อขัดขวาง อีกทั้งพระชายายังแสร้งตายด้วย ”

“ข้าเคยบอกกับพวกเจ้าแล้วมิใช่หรือ ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนเจ้าแผนการ ไม่ว่านางจะพูดอะไรก็ไม่สามารถเชื่อถือได้”

“ข้าน้อย……ข้าน้อย……”

องครักษ์ลับปาดเหงื่อ

พวกเขาก็ไม่อยากจะเชื่อ

เพียงแต่ตอนนั้นพระชายาได้กระอักเลือดออกมา ไร้ซึ่งลมหายใจ พวกเขาจึงตื่นตระหนกมาก

“หลังจากคืนนี้ ทุกคนต้องได้รับโทษโบยหนึ่งร้อยที”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“รีบส่งคนออกไปทันที ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องหาตัวพระชายาให้พบ สั่งให้คนตามล่าในเขาสูบวิญญาณ ถ้าหากข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ ผู้หญิงคนนั้นต้องมาที่เขาสูบวิญญาณแน่”

“พ่ะย่ะค่ะ”

“หลีโล่ ข้าให้เจ้าไปตามหาพระชายาให้เจอด้วยตัวเอง ปกป้องนางอย่าได้ห่าง”

“พ่ะย่ะค่ะ “หลีโล่เป็นหัวหน้าองครักษ์ลับที่รับใช้ข้างกายเย่จิ่งหาน เมื่อเทียบวรยุทธกับชิงเฟิงและเจี่ยงเสวียแล้ว มีแต่จะสูงกว่าพวกเขา และเขาก็เป็นหนึ่งในองครักษ์ลับที่เขาเชื่อใจมากที่สุด

“ท่านนาย คนของพวกเราโจมตียอดเขาลูกที่ห้าสำเร็จแล้ว ตอนนี้กำลังบุกประชิดยอดเขาลูกที่หก คนของเผ่าปีศาจพ่ายแพ้ไม่เป็นท่า หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ก็ถูกพวกข้าน้อยล้อมเอาไว้แล้ว”

“ท่านนาย ช่วยท่านยายเย่ออกมาได้แล้ว”

ในขณะที่มีข่าวดีส่งมาอย่างต่อเนื่อง ก็มีข่าวร้ายข่าวหนึ่งส่งมา

“ท่านนาย ไม่รู้ว่าเผ่าปีศาจเกิดอะไรขึ้น ได้ส่งหน่วยย่อยของกองธงกล้วยไม้มา ตอนนี้อยู่ใกล้กับบริเวณเขาสูบวิญญาณ”