บทที่ 1159+1160 โดย Ink Stone_Romance
บทที่ 1159 เอาใจออกห่าง 6
ตี้ฝูอีตอบอย่างเบิกบานใจ “กระหาย หิว”
กู้ซีจิ่วจึงยกโจ๊กสองชามนั้นเดินเข้าไปใกล้เขาสองสามก้าว กลั้นลมหายใจพลางขบเม้มริมฝีปากเบาๆ
ตี้ฝูอีรู้ นางคงจะได้กลิ่นที่เรียกว่า ‘กลิ่นปลาเค็มเหม็นๆ’ จากตัวเขา คาดว่าอีกเพียงก้าวก็คงต้องถอยห่างไปหลายจั้งในทันที…
ทว่ากู้ซีจิ่วกลับหยุดชะงักเพียงเล็กน้อย จากนั้นสาวเท้าเดินนำโจ๊กสองชามมาวางไว้ตรงหน้าเขา “กินสิ!”
หากตี้ฝูอีไม่รู้ว่านางกลัวกลิ่นบนตัวเขา ยามนี้คงทำตัวน่าสงสารให้นางป้อน…
ตอนนี้ช่างมันเถิด อย่าทำให้นางสะอิดสะเอียนเลย
เขาใช้มือคู่ที่ได้รับอิสระคืนนั้นยกชามกินโจ๊ก รสชาติไม่เลวทีเดียว ที่สำคัญที่สุดคือโจ๊กนี้เป็นโจ๊กที่นางยกมาให้
คนที่ฝึกฝนมาถึงขั้นนี้อย่างเขา ความจริงแล้วโดยปกติแทบไม่ต้องกินข้าวบนโลกมนุษย์เช่นนี้อีก ดังนั้นถึงแม้เขาถูกล่ามไว้ที่นี่มาหกเจ็ดวัน ก็ไม่ได้หิวสักเท่าใด
ท่าทางเขาในตอนนี้กึ่งหนึ่งคือการเสแสร้ง อีกกึ่งหนึ่งคือความจริง อย่างไรเสียตรวนสลายวิญญาณที่ตรึงเขาไว้ก็ยังคงเจ็บปวดยิ่งนัก!
กู้ซีจิ่วเห็นเขากินอย่างเอร็ดอร่อย ไม่รู้ด้วยเหตุใด ตัวเองถึงรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
“เจ้าคงไม่ได้กินอะไรเลยกระมัง?” เธออดถามไม่ได้
ตี้ฝูอีพยักหน้า ไม่ได้ปริปากพูดอันใด
หกเจ็ดวันที่ผ่านมานี้ เขากินแค่โจ๊กเม็ดบัวชามนั้นที่ขู่เอามาได้จากโม่เจ้า แทบจะไม่พอยาไส้ เรียกว่าไม่ได้กินได้เช่นกัน
กู้ซีจิ่วยังอยากพูดคุยกับเขาอีกหน่อย อดไม่ได้ที่จะขัดจังหวะ “ข้าเห็นเจ้ามักจะนอนหลับอยู่ตลอด”
“อืม น่าเบื่อ” ตี้ฝูอีตอบกลับเธอมาหนึ่งคำในที่สุด
“เช่นนั้น เจ้าเคย…” เธอกำลังจะถามเลียบเคียงเขาว่าเคยฝันถึงเธอบ้างไหม ทว่ากลับถูกตี้ฝูอีตัดบท “ซีจิ่ว ชามนี้หมดแล้ว ส่งชามนั้นมาให้ข้าที ข้าเอื้อมไม่ถึง…”
พูดเป็นเล่นไป ภายในห้องนี้มีกล้องวงจรปิด หลงฟั่นกับโม่เจ้ามีความเป็นไปได้เกือบสิบส่วนว่ากำลังแอบมองเขาอยู่ เขาไม่อาจให้กู้ซีจิ่วถามคำถามนั้นออกมาได้
ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว เคราะห์ดีที่กู้ซีจิ่วค่อนข้างเชื่อฟัง นางปิดปากเงียบพลางส่งโจ๊กอีกชามให้เขา
ตี้ฝูอีเอ่ยโดยไม่รอให้นางถามอีก “ความเป็นจริงเช่นนี้ช่างน่าเบื่อเหลือเกิน ตอนนอนข้ายังได้หลับฝันดี หลายวันมานี้ข้าฝันดีไปตั้งหลายครา ฝันถึงการท่องเที่ยวไปในทุ่งกว้าง มวลผกาบานสะพรั่งท่ามกลางหุบเขา ฝันว่าดวลสุรากับสหาย ฝันว่าต่อสู้กับศัตรู…”
เขาพูดมาหลายอย่าง แต่ไม่มีสิ่งนั้นที่เธออยากฟัง
เมื่อรอให้เขาพูดจบ เธออดไม่ได้ถามออกมาหนึ่งคำ “ฝันดีของเจ้ามีเพียงเท่านี้หรือ? มีอย่างอื่นอีกหรือไม่?”
ตี้ฝูอีส่ายหน้า “ไม่มีแล้ว ข้าจำความฝันของข้าได้หมด ไม่มีทางผิดพลาดไป อ้อ จริงสิ เมื่อสักครู่เจ้าจะถามอะไรข้า? เคยไม่เคยอะไร?”
ดวงตาวาบไหวคู่นั้นของกู้ซีจิ่วหมองมัวลงเล็กน้อย เธอส่ายหน้า “ไม่มีอะไร”
นั่นคือความลับของเธอ ความลับของเธอกับตี้ฝูอีในฝัน เธอไม่อยากพูดกับผู้อื่น ต่อให้เป็นตี้ฝูอีในโลกแห่งความเป็นจริงก็ไม่ได้…
ช่วงเวลาที่ตี้ฝูอีกินโจ๊ก กู้ซีจิ่ววิเคราะห์ตรวนสลายวิญญาณบนตัวเขาเล็กน้อย อีกทั้งยังใช้มือสัมผัส
เธอรู้สึกขัดตาเมื่อเห็นตรวนสลายวิญญาณเหล่านี้ ปรารถนาจะปลดโซ่ตรวนให้เขายิ่งนัก แค่มองด้วยตาก็รู้ว่าตรวนนี้ซับซ้อนเหลือคณนา แต่กลับรู้สึกว่าตัวเองน่าจะปลดพวกมันได้ ทว่าคงต้องใช้พละกำลังมากเสียหน่อย
ทั่วตัวเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ข้อมือเผยส่วนของเนื้อหนังที่มองเห็นบาดแผลลึกยิ่ง ช่างทิ่มแทงสายตาของเธอเหลือเกิน
น่าแปลก หลังจากที่เธอตื่นขึ้นมา เห็นโม่เจ้าสังหารผู้คนกลับไม่รู้สึกอันใด ตอนนี้เมื่อเห็นบาดแผลบนตัวของตี้ฝูอี หัวใจเธอกลับเจ็บปวดสุดจะพรรณนา…
—————————————–
บทที่ 1160 เก็บตี้ฝูอีผู้นี้ไว้ไม่ได้แล้ว!
“ให้ข้าช่วยเจ้าปลดพวกมันไหม?” เธอถาม “ข้ารู้สึกว่าสิ่งนี้แค่เส้นเดียวก็สามารถตรึงเจ้าไว้ได้แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องใช้มากมายขนาดนี้ ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมาน…”
ตี้ฝูอีส่ายหน้า “ไม่จำเป็น เอาล่ะ เจ้าไปเสียเถิด ข้าจะนอนแล้ว” จากนั้นพูดส่งแขก
เขาไม่อาจทำให้นางตกอยู่ในอันตรายได้ บางทีพวกหลงฟั่นอาจแอบมองอยู่ที่ใดสักแห่ง!
กู้ซีจิ่วย่อมไม่เข้าใจความกังวลของเขา ชะงักไปเล็กน้อย ยังคงไม่ยอมลดละ “บางที ข้าอาจจะปลดได้จริงๆ…”
ตี้ฝูอีเหลือบมองนาง “เจ้าไม่กลัวจะทำให้โม่เจ้าไม่พอใจรึ? เจ้าช่วยข้าปลดตรวนเหล่านี้ เขาอาจโกรธและลงโทษเจ้าได้…”
กู้ซีจิ่วตะลึงงัน “เขาไม่มีทาง…” เธอไม่มีความมั่นใจมากพอ ถึงแม้เธอสูญเสียความทรงจำแต่ยังมีลักษณะนิสัยของตัวเองอยู่ “ข้ารู้ว่าเจ้าคือเชลยของเขา ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปหรอก ข้าเพียงรู้สึกว่าตรวนเหล่านี้มากมายเกินไป แค่เส้นเดียวก็เพียงพอแล้ว…”
ตี้ฝูอีกล่าว “เจ้าทำแบบนี้เพราะสงสารข้าหรือว่าชอบข้า?”
กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง
เธอส่งเสียงฮึ “ก็ต้องสงสารเจ้าอยู่แล้ว! ผู้ใดชอบเจ้ากัน? วันมะรืนข้าจะแต่งงานกับพี่โม่แล้ว ข้าจะได้เป็นเจ้าสาวของเขา!”
ตี้ฝูอีหลุบตาลงเล็กน้อย พูดอย่างเรียบนิ่งว่า “หากชอบข้า ข้าจะให้เจ้าลองดู แต่หากเพียงแค่สงสาร…เจ้าก็ออกไปเสียเถิด!”
กู้ซีจิ่วจ้องเขาด้วยความโกรธ ไม่พูดไม่จาก็พลันหันกายวิ่งออกไป
ตี้ฝูอีไม่ได้ลืมตาขึ้นมาแม้แต่น้อย เขารู้ดีว่าพูดเช่นนี้เป็นการทำร้ายจิตใจคน ทว่าตอนนี้เขามีแต่ต้องทำแบบนี้ ถึงจะไม่ทำให้นางได้รับบาดเจ็บอีก ถึงจะทำให้แผนการของเขาดำเนินต่อไปได้
…..
โม่เจ้านั่งอยู่ในห้องสังเกตการณ์ ตอนเห็นการโต้ตอบระหว่างตี้ฝูอีกับกู้ซีจิ่วก็เมื่อผ่านไปแล้วสองชั่วยาม
เขาเตรียมการป้องกันตี้ฝูอีรอบคอบยิ่งนัก ถึงแม้วันนี้ตี้ฝูอีจะยังไม่ลงมือทำการอันใด โม่เจ้าก็ต้องเอาภาพทั้งหมดภายในห้องคุมขังมาเล่นซ้ำอีกครั้ง เผื่อว่าตี้ฝูอีเล่นตุกติกอะไรระหว่างนี้
หากแต่ตี้ฝูอีนอนหลับแทบทั้งวัน การสังเกตการณ์เช่นนี้น่าเบื่อยิ่งนัก ดังนั้นช่วงหลังเขาจึงหัดเร่งภาพไปข้างหน้า…
เขาจัดการเรื่องคนของหลงฟั่นที่ ‘ไม่เคารพท่านเจ้า’ ทำลายห้องสังเกตการณ์ของหลงฟั่นเรียบร้อย ยามนั่งดูจอสังเกตการณ์อยู่ตรงนี้ เดิมทีครึ่งหลับครึ่งตื่น จนกระทั่งเห็นว่าจู่ๆ กู้ซีจิ่วเดินเข้าไปพูดคุยกับตี้ฝูอี เขาจึงตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง
เขาดูตั้งแต่ต้นจนจบอย่างเงียบๆ ความอึมครึมฉายผ่านดวงตา
กู้ซีจิ่วสูญเสียความทรงจำ ทว่านางไม่รังเกียจตี้ฝูอีแม้แต่น้อย อีกทั้งยังส่งข้าวและยังอยากจะปลดตรวนสลายวิญญาณนั่นให้…
หลังจากที่นางสูญเสียความทรงจำทั้งหมด นางรังเกียจผู้ชายทุกคนเว้นแต่ตัวเขาโม่เจ้า! ไม่พูดไม่จากับชายอื่น แต่กลับทำดีกับตี้ฝูอีอย่างหาได้ยาก…
ความจริง จิตใต้สำนึกของนางยังคงลืมตี้ฝูอีไม่ลงกระมัง?!
ถ้าหากให้นางใกล้ชิดกับตี้ฝูอีนานกว่านี้อีกสักนิด เกรงว่าถ่านไฟเก่าจะปะทุ…
เคราะห์ดีที่วันมะรืนจะมีพิธีวิวาห์ระหว่างตัวเองกับนางแล้ว เขาจึงไม่เกรงกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสอง
นิ้วมือของเขากระชับแน่น ดวงตาฉายความโหดเหี้ยม
เก็บตี้ฝูอีผู้นี้ไว้ไม่ได้แล้ว!
รอให้พิธีวิวาห์ของตัวเองผ่านพ้นไปก่อน ค่อยกำจัดเขาให้สิ้นซาก ถอนรากถอนโคน…
สายตาของเขามองไปที่กู้ซีจิ่วอีกครั้ง ก่อนหน้าที่นางจะสูญเสียความทรงจำ เขาทำให้นางไม่พอใจยิ่งนัก บัดนี้นางกลายเป็นคนใหม่ เขาพยายามสร้างความประทับใจที่ดีในใจนาง จึงไม่อยากลงโทษนางให้นางเกลียดชังอีก
รอให้เขากำจัดตี้ฝูอีให้สิ้นซากแล้วเข้าสวมรอย จิตใจของเด็กสาวคนนี้ย่อมหันกลับมามองตัวเขาโม่เจ้าแต่เพียงผู้เดียว ไม่ชายตามองชายใดอีก…
เมื่อเหลือบมองตี้ฝูอีอีกแวบหนึ่ง จิตใจก็พลันเบิกบานเมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามทนทุกข์ทรมาน ผู้หญิงที่รักที่สุดเข้าพิธีวิวาห์กับศัตรู ยังจะมีสิ่งใดรุนแรงไปกว่าการโจมตีจิตใจเช่นนี้อีก?
———————————————