ตอนที่ 677

Elixir Supplier

677 คนไข้แปลกๆ

 

“ผมว่า ผมน่าจะเริ่มจ่ายเงินค่าจ้างให้พี่ได้แล้วนะ” หวังเย้าพูดขึ้นมาในตอนที่เขาและพันจวินกำลังดื่มชากันอยู่

 

เมื่อพันจวินมาฝึกที่คลินิกก็ได้ช่วยงานหวังเย้าเยอะมาก ทำให้งานในมือของหวังเย้าลดลง โดยเฉพาะในช่วงสองวันที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่คนไข้มากันเยอะมาก

 

“อาจารย์พูดจริงเหรอ?” พันจวินถาม “ฉันไม่เห็นจะได้จ่ายค่าเรียนกับอาจารย์เลยสักหยวน! แล้วงานที่ฉันช่วยก็ไม่ได้มากมายอะไรเลยด้วย”

 

พันจวินได้รับประโยชน์จากการฝึกฝนอยู่ภายในคลินิกของหวังเย้าอย่างมาก เขาได้เรียนรู้เทคนิคการรักษาจากหวังเย้า มีคนไข้หลายคนไปที่คลินิกพี่สาวของเขาเพื่อให้ได้รักษากับเขา พันจวินได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในหมู่คนไข้ของคลินิกพี่สาวเขาด้วยเทคนิคการนวดที่เรียนรู้มาจากหวังเย้า ดังนั้น เขาจึงรู้สึกขอบคุณหวังเย้าจากหัวใจ

 

“แล้วฉันก็อ่านหนังสือที่อาจารย์ให้มาคราวที่แล้วจบแล้วด้วย” พันจวินพูด “คราวหน้าจะเอามาคืนให้นะ รอบนี้ฉันก็ยืมไปอ่านอีกสักสองเล่มได้ไหม?”

 

“ได้สิ หนังสือวางอยู่บนโต๊ะนั่นน่ะ” หวังเย้าพูด

 

เขาหยิบหนังสือแพทย์แผนจีนสองเล่มยื่นให้กับพันจวิน หนังสือเหล่านี้สามารถหาซื้อได้จากในร้านหนังสือและร้านหนังสือออนไลน์ แต่เนื้อหาในหนังสือที่หวังเย้ามีนั้นมีความต่างอยู่ หวังเย้าได้อ่านหนังสือที่เขาซื้อมาแล้วทุกเล่ม และได้เขียนรายละเอียดเพิ่มเติมลงไป ทั้งยังปรับแก้เนื้อหาในส่วนที่เขาคิดว่าไม่ถูกต้องอีกด้วย หนังสือที่เขาซื้อมาจากร้านมีเนื้อหาและข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริงอยู่บ้าง

 

พันจวินไม่ได้อยู่ทานอาการเย็นด้วยกันกับเขา และกลับไปตอนห้าโมงเย็น

 

หวังเย้าเก็บกวาดภายในคลินิกและปิดประตู ก่อนที่จะกลับบ้าน เขาบังเอิญเจอกับจงหลิวชวนและจงอันซินในระหว่างทางกลับบ้าน สองพี่น้องกำลังเดินเล่นด้วยกันอยู่ภายในหมู่บ้าน  จงอันซินดูแข็งแรงดีมาก

 

“สวัสดีค่ะ หมอหวัง” จงอันซินพูด

 

“สวัสดี กินข้าวเย็นกันรึยังครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ค่ะ เรากำลังออกมาเดินย่อยอาหารกันน่ะค่ะ” จงอันซินพูด “หมอทำงานเสร็จแล้วเหรอคะ?”

 

“อืม วันนี้ยุ่งมากเลยล่ะ” หวังเย้าพูด

 

จางซิหยิงทำอาหารเสร็จในตอนที่หวังเย้ากลับไปถึงที่บ้านพอดี หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว หวังเฟิงฮวาก็บอกเรื่องเกี่ยวกับหมู่บ้านหลี่ให้หวังเย้าบอก

 

“ตอนนี้ พวกเขาปิดรีสอร์ทเป็นการชั่วคราวอยู่” หวังเฟิงฮวาพูด

 

“จริงเหรอครับ? ทำไมล่ะ?” หวังเย้าถาม

 

“มีคนไปเที่ยวที่นั่นแล้วเกิดตายขึ้นมาน่ะสิ” หวังเฟิงฮวาพูด

 

“พวกเขาตายเพราะไปเที่ยวที่น้ำพุร้อนเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

“พ่อได้ยินเขาพูดกันเมื่อตอนกลางวันนี้เอง” หวังเฟิงฮวาพูด “คนที่ตายไม่ค่อยสบายอยู่ก่อนแล้ว เขาปวดหัวเรื้อรังมานาน แล้วอยู่ๆอาการก็มากำเริบตอนที่มาแช่น้ำพุร้อนพอดี แล้วก็ตายระหว่างทางที่ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลน่ะ ลูกชายของเขาพอมีเส้นสายอยู่บ้าง เขาก็เลยจะเอาเรื่องกับทางรีสอร์ท เขาส่งทนายไปจัดการเรื่องขอค่าสินไหมและสร้างปัญหาให้กับทางนั้นไม่เว้นวันเลยล่ะ ตอนนี้ เจ้าของรีสอร์ทเขาก็เลยต้องปิดกิจการชั่วคราวไปก่อน”

 

“พ่อเคยไปที่นั่นมาแล้วนี่ครับ” หวังเย้าพูด “พ่อคิดว่าเป็นยังไงบ้าง?”

 

“พ่อว่ามันเป็นที่ที่ดีทีเดียว ถ้าต้องปิดตัวไปเลยก็คงจะน่าเสียดายมาก” หวังเฟิงฮวาพูด

 

หลังจากกลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชานแล้ว หวังเย้าก็วิดีโอคอลคุยกับซูเสี่ยวซวี และใช้เวลาที่เหลือไปกับการท่องคัมภีร์เต๋าที่ไม่ได้แตะมาพักหนึ่งแล้ว

 

บนเขามีลมพัดแรงจนต้นไม้ส่ายไปมา ซานเซียนที่พักผ่อนอยู่ภายในบ้านสุนัขกระดิกหูของมัน ต้าเซี่ยที่เกาะอยู่บนต้นไม้เริ่มตื่นตัว ดวงตาของมันเปล่งประกายท่ามกลางความมืด

 

ซี่ๆๆ!ซี่ๆๆ! เสี่ยวเฮยเคลื่อนตัวไปที่ใต้หน้าต่าง มันขดตัวเป็นวงและชูคอขึ้น ทั้งหมดดูคล้ายกับกำลังฟังเสียงท่องบทสวดของหวังเย้าอยู่

 

หวังเย้าหยุดท่องตอนประมาณห้าทุ่ม หลังจากนั้นสักพัก ซานเซียนก็นอนลง, ต้าเซี่ยหุบปีกของมัน, และเสี่ยวเฮยก็เลื่อยไปที่อื่น ค่ำคืนผ่านไปอย่างสงบเงียบ

 

มันเป็นเช้าวันใหม่ที่เจิดจ้า หวังเย้าเริ่มทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ เขาตรวจคนไข้ในตอนเช้าไปเจ็ดคน, พักทานอาหารเที่ยง, และเริ่มงานอีกครั้งในตอนบ่าย พร้อมกับพันจวินที่มาช่วยงาน

 

“ไง วันนี้ไม่ทำงานที่โรงพยาบาลเหรอครับ?” หวังเย้าถาม

 

“เมื่อคืนฉันเข้าเวรแทนหมออีกคน แล้วก็กลับมานอนตอนเช้า ตอนบ่ายกับพรุ่งนี้ก็เลยว่างน่ะ” พันจวินพูด

 

“อ่อ เข้ามานั่งดื่มชากันก่อนสิครับ” หวังเย้าพูด

 

ยังไม่มีคนไข้มาในตอนนี้ ดังนั้น หวังเย้าและพันจวินจึงเวลาได้พักผ่อน หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง คนไข้ก็เริ่มทยอยมากัน

 

“เสี่ยวเย้า เธอมียาพาราสำหรับให้เด็กกินไหม?” ชายวัยประมาณ 40 ถาม

 

เขาและหวังเย้าเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ทั้งๆที่หวังเย้ากำลังตรวจคนไข้อยู่ เขาก็ยังเข้าไปถามโดยที่ไม่คิดจะรอคิว

 

“ไม่มีครับ” หวังเย้าพูด

 

“อ้อ ขอบคุณนะ” เขาหมุนตัวและเดินออกไปจากคลินิก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนเข้ามาขอซื้อยาโดยที่ไม่คิดจะปรึกษากับหมอก่อน

 

“พาราคืออะไรเหรอ?” คนไข้คนหนึ่งถาม

 

“ยาสามัญที่ช่วยลดไข้กับหวัดน่ะครับ” หวังเย้าพูด

 

เขาตรวจคนไข้ทั้งหมดเสร็จตอนประมาณบ่ายสี่โมง

 

“วันนี้ มีคนไข้ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่นะ” พันจวินพูด

 

“ใช่ ถ้ามากันเยอะๆทุกวัน ผมก็คงจะรับไม่ไหว” หวังเย้าพูด

 

เขาคิดว่า เป็นเพราะเขาไม่ได้อยู่หลายวัน จึงทำให้มีคนไข้หลายคนที่รอจะมาตรวจกับเขา หลังจากผ่านสองวันแรกไป ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ

 

“มีคนมา” หวังเย้าพูอพร้อมกับมองไปที่ประตู

 

มีคนสองคนเดินเข้ามาในคลินิก หนึ่งในพวกเขาเป็นชายหนุ่มแต่งตัวดี  อีกคนเป็นชายวันประมาณ 50 ที่อยู่ในเสื้อผ้าเก่าๆ ชายวัย 50 ดูป่วยหนัก ผมของเขากลายเป็นสีขาวทั้งหมด ใบหน้าของเขาดูเศร้าหมอง ร่างกายของเขาผอมแห้งและมีหลังโก่งโค้งเล็กน้อย การเดินของเขาก็ดูไม่ค่อยมั่นคง มันดูราวกับว่า เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเดินตามชายหนุ่มอีกคนให้ทัน

 

“พ่อ ค่อยๆเดินนะ” ชายหนุ่มพูด

 

หวังเย้ามองออกทันทีว่าอาการของชายชราอยู่ในขั้นวิกฤต ตั้งแต่ที่ชายหนุ่มและพ่อของเขาเดินเข้ามา หวังเย้าก็ได้เริ่มสังเกตดูอาการของชายชราแล้ว

 

ชายชราป่วยหนักมาก ใบหน้าของเขามีเงาของความตายปกคลุมอยู่ เขาหายใจเอาอากาศเข้าไปมากกว่าหายใจออก หวังเย้ามองออกทันทีว่า ชายชรากำลังจะตายในไม่ช้า

 

“หมอ ช่วยตรวจพ่อของผมให้หน่อยได้ไหม?” ชายหนุ่มถาม

 

“ช่วยพยุงเข้าให้นั่งลงด้วยครับ” หวังเย้าเข้าไปจับชีพจรของชายชรา

 

“เฮ้อ!” อยู่ๆชายชราก็ถอนหายใจออกมา

 

“คุณรู้สึกไม่สบายที่หน้าอกรึเปล่าครับ?” หวังเย้าถาม

 

“ใช่ ฉันรู้สึกเหมือนมีหินกดอยู่ตรงหน้าอก” ชายชราพูด

 

หัวใจและปอดของเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก

 

ไม่นะ! หวังเย้ารับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง

 

แค่ก! แค่ก! อยู่ๆชายชราก็เริ่มไอออกมาอย่างรุนแรง แล้วร่างกายของเขาก็มีอาการชักกระตุก

 

“พ่อเป็นอะไรไปนะ?” ชายหนุ่มถามด้วยท่าทีดูกังวล

 

หวังเย้ารีบหยิบเข็มของเขาออกมาและแทงลงไปที่หน้าอกของชายชรา

 

“พ่อ” ชายหนุ่มพูด

 

มีเลือดสีดำไหลออกมาจากปากของชายชรา

 

“พ่อ อย่าทำให้ผมกลัวแบบนี้สิ หมอ ช่วยพ่อด้วยที!” ชายหนุ่มจับมือหวังเย้าเอาไว้แน่น

 

“ระวัง!” หวังเย้าตะโกน

 

“อะไรเหรอ?” ชายหนุ่มตกใจ

 

หวังเย้ารีบส่งพลังฉีเข้าไปในร่างกายของชายชราและเอาเม็ดยาจิ่วเฉาให้ชายชรากินเข้าไป จากนั้น เขาก็ลงมือนวดด้วยเทคนิคพิเศษเพื่อยื้อชีวิตของชายชราเอาไว้

 

“พ่อ พ่อของผมเป็นยังไงบ้าง?” ชายหนุ่มถาม

 

“ตอนนร้ ถือว่าพ้นอันตรายแล้วครับ” หวังเย้าพูด “แล้วพวกคุณมาจากที่ไหนกันเหรอครับ?”

 

“เราไม่ใช่คนแถวยี้หรอก” ชายหนุ่มพูด

 

“แล้วพ่อของคุณป่วยมานานแค่ไหนแล้วครับ?” หวังเย้าถาม

 

“เป็นมาได้สองปีแล้ว” ชายหนุ่มพูด

 

“สองปีงั้นเหรอ?” หวังเย้าถาม “เขาป่วยหนักขนาดนี้ ทำไมคุณไม่พาเขาไปรักษาที่โรงพยาบาลล่ะ?”

 

“ผมพาไปมาแล้ว แต่หมอที่นั่นช่วยอะไรไม่ได้เลย” ชายหนุ่มพูด

 

แค่ก! แค่ก! ชายชราเริ่มไปออกมาอีกครั้ง

 

แบบนี้ไม่ดีแล้ว! หวังเย้าคิด ชายชราคงจะไม่ได้ป่วยหนักแบบนี้ในตอนแรก ที่อาการของเขาแย่ลงจะต้องเป็นเพราะทิ้งช่วงการรักษาไว้นานเกินไป

 

“ผมต้องทำยังไงต่อดีครับ?” ชายหนุ่มถาม

 

หวังเย้ามองดูชายหนุ่มที่แต่งตัวดี และเริ่มเกิดคำถามขึ้นในใจ

 

“ผมแนะนำให้คุณพาพ่อของคุณไปตรวจที่โรงพยาบาล พ่อของคุณจำเป็นต้องได้รับการรักษาในระยะยาว” หวังเย้าพูด

 

“ให้เขารักษากับหมอที่นี่ไม่ได้เหรอครับ?” ชายหนุ่มถาม

 

หวังเย้าส่ายหน้า

 

“แต่ผมได้ยินมาว่า คุณเป็นหมอที่เก่งมากนี่” ชายหนุ่มพูด

 

“คุณดูกระวนกระวายนะครับ” อยู่ๆหวังเย้าก็พูดขึ้นมา

 

“หา?” ชายหนุ่มถามด้วยความแปลกใจ “หมอหมายความว่ายังไง?”

 

“อ้อ ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมก็แค่เห็นว่าคุณมีเหงื่อออกเยอะมากเท่านั้น” หวังเย้าพูด

 

“เพราะผมเป็นห่วงพ่อผมมากเกินไปเท่านั้นเองครับ” ชายหนุ่มพูด

 

“งั้นก็พาเขาไปตรวจที่โรงพยาบาลเถอะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ได้ๆ ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มพูด “แล้วเรื่องค่ารักษาล่ะครับ?”

 

“ไม่คิดเงินครับ ผมยังไม่ได้รักษาเขา” หวังเย้าพูด

 

“ขอบคุณมากครับ” ชายหนุ่มพูด

 

เขาพาชายชราออกไปจากคลินิก

 

“อาจารย์ ผู้ชายคนนั้นเขาป่วยเป็นอะไรเหรอ?” พันจวินถาม

 

ที่ด้านนอกคลินิก อยู่ๆชายหนุ่มก็พบว่าพ่อของเขามีอาการผิดปกติ “พ่อ พ่อเป็นอะไรไปน่ะ? พ่อ!”

 

เขาอุ้มพ่อของเขากลับเข้าไปในคลินิก ในตอนที่เดินเข้าไป ก็มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของชายชราด้วย ชายชราได้เสียชีวิตลงแล้ว