บทที่ 377 : สะดุดตอ!
“……….”
คนฝั่งหลิงหยุน.. ไม่ว่าจะเป็นถังเมิ่ง เหลียงเฟิงอี้ หลงหวู่ หลงคุน และตู้กู่โม่ ต่างก็เดินขึ้นมาข้างหน้า และมาหยุดยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับหลิงหยุน ทำให้บรรยากาศในสนามหญ้าดูน่าเกรงขาม และเป็นภาพที่น่าประทับใจอย่างมาก!
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนที่พากันมามุงดูนั้นเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ คลื่นแห่งความไม่พอใจทวีความรุนแรงมากขึ้น และบางคนก็เริ่มสาปแช่ง
เดิมทีหลัวจ้งคิดว่าตนเองเป็นฝ่ายได้เปรียบ จึงรีบนำกำลังตำรวจพร้อมอาวุธมาจับกุมหลิงหยุนด้วยความตื่นเต้นดีใจ พร้อมกับคิดว่าหลิงหยุนคงหนีเงื้อมือตนไม่พ้นอย่างแน่นอน
แต่เมื่อเขาได้เผชิญหน้ากับหลิงหยุนจริงๆ หลิงหยุนกลับสร้างความอัปยศให้กับเขา และยังสามารถชี้แจงข้อเท็จจริงได้อย่างแจ่มแจ้งจนแม้แต่หลัวจ้งเองก็ไม่อาจโต้แย้งได้ แต่ที่น่าตกใจที่สุดก็คือตอนที่เขารู้ตัวว่า ตนเองไม่ใช่ผู้ควบคุมสถานการณ์อีกต่อไป..
และเมื่อเขารู้ตัวว่ากำลังเสียท่าให้กับหลิงหยุน และต้องการจะหลบหนีไปจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ เขากลับคิดไม่ถึงว่า หลิงหยุนจะปล่อยระเบิดลูกใหญ่โจมตีเขาทันที!
หลัวจ้งที่ตอนนี้อยู่ท่ามกลางสายตาที่นับไม่ถ้วน และกำลังถูกสาธรณชนตัดสินอยู่ฝ่ายเดียว!
หลัวจ้งตกใจ และตื่นตระหนกถึงขีดสุด!
เขาไม่คาดคิดว่าหลิงหยุนไม่เพียงไม่ใช้กำลังตอบโต้ แต่กลับใช้คำพูดที่ชาญฉลาดไม่กี่คำ ประกอบกับตัวแปรอื่นๆที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว พลิกกลับมาเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ และยังสามารถตอบโต้เขากลับอย่างรุนแรงได้ จนกระทั่งตัวเขาเองแทบไม่อยากทนอยู่ที่นี่ต่อไป!
ตอนนี้ในหัวของหลัวจ้งมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ.. การหาข้ออ้างออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วค่อยหาทางแก้แค้นหลิงหยุนต่อไป
แต่ตอนนี้ฝ่ามือขนาดใหญ่ของหลิงหยุนที่วางอยู่บนไหล่ของเขานั้น ทั้งแข็งและหนักราวกับแท่งเหล็ก ไม่เพียงทำให้หลัวจ้งก้าวขาไปข้างหน้าต่อไม่ได้ แต่ยังไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อีกด้วย!
“หลิงหยุน.. ก็.. ก็บอกแล้วไงว่าพวกเรากำลังสอบสวนเรื่องนี้อยู่ และยังไม่มีข้อสรุป..”
หลัวจ้งสัมผัสได้ถึงความหนักหน่วงและแข็งแกร่งของฝ่ามือที่วางอยู่บนไหล่ ขาของเขาทั้งสองข้างเริ่มสั่นจนไม่อาจควบคุมได้ และตัวเขาเองก็เริ่มพูดติดอ่าง
หลิงหยุนยิ้มให้อย่างเยือกเย็น ก่อนจะเพิ่มแรงกดลงบนไหล่ของหลัวจ้งเพียงเล็กน้อย พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“งั้นเหรอ? ยังจะต้องสอบสวนอะไรอีกล่ะ? ทำไมไม่ใช้วิธีเดียวกับที่ใช้กับฉัน? ทีกับฉัน.. ไม่เห็นว่าแกต้องสอบสวนอะไรก่อนเลย แถมยังออกโรงนำกำลังตำรวจมากมายมาจับฉันด้วยตัวเองซะอีก!”
“ถ้าอยากจะสอบสวนนัก ก็สอบสวนตอนนี้เลยสิ! ในเมื่อตอนสั่งยึดบ้านและอายัดบัญชีของฉัน แกยังทำทุกอย่างได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว?!”
หลิงหยุนพูดจบ.. ก็หันกลับไปมองหลงหวู่พร้อมกับถามขึ้นว่า “ทนายหลง.. ไม่ทราบว่าทางราชการมีอำนาจสั่งยึดบ้านและอายัดบัญชีของผมได้ง่ายๆแบบนี้เลยเหรอครับ?”
หลงหวู่ยิ้มสดใส เธอถอนหายใจแล้วตอบกลับไปว่า “แน่นอน.. ทำไม่ได้อยู่แล้ว ก่อนจะสั่งการอะไร ก็ต้องมีข้อสรุปพร้อมหลักฐาน ไม่เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมายเหมือนกัน!”
หลิงหยุนยิ้มสบายๆ ก่อนจะหันกลับไปมองหลัวจ้งด้วยสายตาเย็นชา “แกได้ยินชัดแล้วใช่ไม๊ว่า สิ่งที่แกทำมันผิดกฏหมาย!”
“เอ่อ..”
หลัวจ้งโกรธจนหน้าเขียว เขาไม่สนใจหลิงหยุนอีก แต่ร้องสั่งคนของตัวเองว่า “เร็วเข้า.. เข้ามาห้ามนักข่าวไว้ อย่าให้พวกเขาถ่ายอะไรได้อีก บางคนกำลังถ่ายทอดสดอยู่..”
ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปว่าตัวเขาเอง.. หากทุกอย่างในที่นี้ถูกถ่ายทอดออกไป หลัวจ้งรู้ดีว่าหน้าที่การงานของเขาก็คงต้องจบลงด้วยเช่นกัน!
หากไม่มีศัตรูที่มีอำนาจและแข็งแกร่งอย่างหลี่ยี่เฟิงกับถังเทียนห่าว เวลานี้หลัวจ้งคงจะไม่สนใจอะไรทั้งนั้น หลังจากเหตุการณ์นี้เขาก็แค่หาโฆษกออกมาแถลงอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็เท่านั้นเอง!
หากทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ออกอากาศไป ชีวิตของเขาคงต้องมีรอยด่างพร้อยขึ้นอย่างแน่นอน
แม้ว่าหลี่ยี่เฟิงและถังเทียนห่าวจะไม่มีอำนาจเหมือนก่อน แต่พวกเขาทั้งคู่ก็กำลังหาทางรับมือเสียเจิ้นติง และแก้ไขปัญหาต่างๆอยู่ เพื่อรอเวลาเอาคืน!
เดินหมากผิดตาเดียว ล้มทั้งกระดาน!
ความจริงแล้ววันนี้หลัวจ้งไม่จำเป็นต้องมาด้วยตัวเองก็ได้ เพราะไม่ใช่เหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญอะไร แต่เพราะวันนี้เป็นวันจับกุมตัวหลิงหยุน! และหลิงหยุนก็คือปัญหาใหญ่ของเมืองจิงฉู!
หลัวจ้งและเสียเจิ้นติงจึงต้องระมัดระวังอย่างมาก อีกทั้งหลิงหยุนก็เป็นเหตุที่ทำให้หลี่ยี่เฟิงต้องถูกสอบสวน และถังเทียนห่าวต้องถูกกักบริเวณ!
ตราบใดที่หลัวจ้งสามารถจับกุมตัวหลิงหยุนกลับไปได้ นั่นก็หมายความว่าเขาได้แก้ปัญหาเรื่องหลิงหยุนได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงค่อยจัดการหลี่ยี่เฟิงกับถังเทียนห่าวต่อไป..
ดังนั้น..ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ การจับกุมหลิงหยุนจึงเป็นเรื่องของการต่อสู้ระหว่างขั้วอำนาจสองขั้วของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในเมืองจิงฉู!
เพราะความสำคัญของหลิงหยุน ทำให้หลัวจ้งที่มีตำแหน่งสูงถึงกับต้องเดินทางมาที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง และมาถึงก็ไม่พูดพล่ามอะไร จ้องแต่จะจับกุมหลิงหยุนเพียงอย่างเดียว
เพราะสำหรับเขา นี่คือขั้นตอนที่สำคัญอย่างที่สุด!
ไม่เช่นนั้น.. หลัวจ้งคงไม่เสียเวลามาใส่ใจกับคดีเรื่องรื้อบ้านเล็กๆเพียงไม่กี่หลังหรอก แต่เขาตั้งใจนำทีมมาเพื่อจับหลิงหยุนต่างหาก!
แต่หลัวจ้งกลับคิดไม่ถึงว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้น เป็นแผนที่เนียบเนียนของหลิงหยุน ที่ใช้ล่อเขาให้ออกมา!
เขาคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะไม่มีความเกรงกลัวเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เขานำมาด้วยแม้แต่น้อย ไม่เพียงไม่เกรงกลัว แต่ยังสามารถพูดคุยหัวเราะได้อย่างปกติ อีกทั้งยังทำให้เขาอับอายได้อย่างที่สุดด้วย
ไม่เพียงหลัวจ้งจะไม่สามารถทำให้หลิงหยุนหวั่นไหวได้ แต่ตัวเขาเองกลับตกหลุมพรางของหลิงหยุน และกลายเป็นตัวตลกต่อหน้าผู้คนมากมาย!
เมื่อนึกถึงผลกระทบรุนแรงที่จะตามมา หลัวจ้งจึงต้องสั่งคนของเขาให้จัดการหยุดนักข่าวไว้ก่อน
แต่น่าเสียดาย.. เพราะทุกอย่างสายเกินไปแล้ว! ไม่เพียงสายเกินไป แต่ยังไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีก นั่นเพราะคนที่อยู่ต่อหน้าเขาไม่ใช่ตาสีตาสา แต่คือหลิงหยุน!
ทันทีที่ได้รับคำสั่งของหลงคุน คนของแก๊งมังกรเขียวหลายร้อยคนก็เข้าขัดขวาง ไม่ให้เจ้าหน้าที่กีดกันนักข่าวได้..
หลงคุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ทำไมล่ะหลัวจ้ง? ตอนที่คุณจะจับกุมคน คุณกลับให้สื่อถ่ายรูป แต่เมื่อสถานการณ์พลิกผลัน คุณกลับไม่ยอมให้นักข่าวถ่ายงั้นรึ?!”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับรับช่วงต่อทันที “นี่แกคิดว่าจะสามารถปิดหูปิดตาผู้คนในเมืองจิงฉูได้งั้นรึ?”
พูดจบ.. หลิงหยุนก็ยกมืออีกข้างขึ้นจับไหล่อีกข้างของหลัวจ้ง พร้อมกับพูดว่า “เอาล่ะ.. ถึงเวลาที่ต้องจัดการกับข้อร้องเรียนของฉันได้แล้ว?”
ไหล่ทั้งสองข้างของหลัวจ้งที่ถูกหลิงหยุนกดไว้นั้นเริ่มบวมเปล่ง หลัวจ้งเหลือบมองไหล่ที่ปวดร้าวของตนเอง และกำลังครุ่นคิดว่าจะหาวิธีออกจากสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ได้อย่างไร?
หลัวจ้งรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะออกจากที่นี่ได้ หากปัญหาของหลิงหยุนไม่ถูกจัดการแก้ไขในตอนนี้
หลัวจ้งคิดว่าเขาคงต้องหาทางทำให้หลิงหยุนใจเย็นลงก่อน เพื่อที่ตัวเขาเองจะได้ออกจากที่นี่ได้เร็วที่สุด และหลังจากที่ออกไปได้แล้ว ค่อยคิดหาหนทางกลับมาแก้แค้นหลิงหยุนคืน
“หลิงหยุน.. ฉันคิดว่าเธอคงจะเข้าใจผิดในหลายๆเรื่อง ความจริงแล้ว เรื่องที่เกิดกับเธอนั้น เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของฉันทำกันเองโดยพละการ ฉันเองไม่ได้รู้เห็นในเรื่องพวกนั้นด้วย..”
หลังจากที่ใคร่ครวญสถานการณ์อยู่ในใจ หลัวจ้งคิดว่าก่อนอื่นเขาคงต้องโยนความผิด และความรับผิดชอบให้ผู้อื่นก่อน
“แต่ในเมื่อเธอมาร้องเรียนด้วยตัวเอง ฉันก็คิดว่าเป็นไปได้ที่เจ้าหน้าที่อาจจะทำงานกันเถรตรงจนเกินไป..”
“ฉันเองก็เพิ่งจะได้ยินเรื่องนี้จากปากของเธอ..”
หลิงหยุนกับถังเมิ่งต่างก็หันมายิ้มให้กัน แต่ก็ไม่คิดโต้แย้งหลัวจ้ง หลิงหยุนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาๆ “ฉันไม่ได้ต้องการฟังคำอธิบายของแก ฉันแค่อยากฟังว่าแกจะจัดการเรื่องนี้ยังไง?”
หลิงหยุนต้องการผลลัพธ์! เขาต้องการพลิกสถานการณ์ให้ตนเป็นฝ่ายได้เปรียบให้มากที่สุด!
สีหน้าของหลัวจ้งเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาทันที พร้อมกับพูดอย่างจริงจังว่า “เรื่องบ้านของเธอนั้น ฉันจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ก่อนเรื่องอื่น จะรีบกลับไปสอบสวนหาต้นสายปลายเหตุอย่างละเอียด และผู้ที่กระทำความผิดจะต้องได้รับบทลงโทษที่รุนแรง และต้องได้รับคำอธิบายจนกว่าเธอจะพอใจ!”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับร้องเตือนว่า “อย่าลืมว่าเรื่องนี้มีข้าราชการระดับสูงของเมืองจิงฉูเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนะ!”
ใบหน้าของหลัวจ้งชะงักงันขึ้นทันทีและดูเหมือนทำอะไรไม่ถูก จากนั้นจึงพูดต่อว่า
“ส่วนเรื่องที่มีคนไปบุกรุกและทำลายคลินิกของเธอนั้น เรื่องนี้สำนักงานยังไม่ได้รับรายงาน แต่ในเมื่องเธอร้องเรียนเข้ามาแล้ว ฉันก็จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ..”
หลิงหยุนรู้ดีว่าตอนนี้หลัวจ้งกำลังเล่นบทผู้บริสุทธิ์อยู่ แต่เขาก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ทัน และยังคงพยักหน้าต่อไป “แล้วยังไงต่อ?!”
เรื่องคลินิกนั้นหลิงหยุนได้จัดการด้วยตัวเองจนเรียบร้อยไปแล้ว แน่นอนว่าเขาไม่ได้ต้องการให้หลัวจ้งไปจัดการอะไรอีก แต่เรื่องต่อไปต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญ..
หลัวจ้งพ่นลมหายใจออกทางปากก่อนจะพูดต่อว่า “ส่วนเรื่องเพื่อนของเธอที่ชื่อตี้เสี่ยวอู๋นั่น?”
หลิงหยุนกำลังรอว่าหลัวจ้งจะจัดการอย่างไร?
หลังจากที่หลัวจ้งสามารถสงบจิตใจได้บ้างแล้ว เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ช้าไปและไม่เร็วจนเกินไป
“เรื่องนี้ฉันเองได้รับรายงานมาเหมือนกัน ดูเหมือนว่าเพื่อนของเธอจะถูกจับในข้อหาเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีข่มขู่และขูดรีดทรัพย์จากบริษัทแห่งหนึ่ง..”
หลิงหยุนฟังแล้วได้แต่แสยะยิ้ม “อย่าพล่ามให้มากนักเลย! แล้วก็ไม่ต้องพยายามดึงเวลาด้วย ฉันจะบอกอะไรให้ ฉันกับถังเมิ่งก็อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น บริษัทนั่นติดหนี้เรา เราก็แค่ไปทวนหนี้ ก็เท่านั้นเอง!”
หลิงหยุนเห็นหลัวจ้งกำลังจะเริ่มเยิ่นเย้อและชักแม่น้ำทั้งห้า เขาจึงรีบขัดขึ้นเสียก่อน!
หลัวจ้งขมวดคิ้วพร้อมกับตอบไปว่า “แต่ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่น ให้ปากคำว่าบริษัทไม่ได้เป็นหนี้คุณ แต่คุณบังคับให้เขาเซ็นต์เอกสารกู้ยืม..”
หลิงหยุนตอบกลับไปว่า “อ่อ.. หมายความว่าแกฟังความข้างเดียวสินะ? สิ่งที่พวกเขาพูดเป็นความจริง แต่สิ่งที่ฉันพูดไม่จริงหรือยังไง? ทางเรามีเอกสารกู้ยืมที่บริษัทชิงหยุนเป็นผู้ลงนาม แต่เมื่อเราไปเก็บเงิน ทางเรากลับเป็นฝ่ายผิด?”
หลัวจ้งไม่สามารถโต้แย้งได้ เขาได้แต่เช็ดเหงื่อที่หน้าผากพร้อมกับพูดต่อว่า “เรื่องนี้.. ฉันจะสอบสวนอีกที..”
หลิงหยุนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “สอบสวนงั้นรึ? มีเอกสารกู้ยืม ยังจะเรียกว่าขูดรีดอีกรึไง?”
ยังไม่ทันที่หลัวจ้งจะพูดจบประโยค หลิงหยุนก็พูดขัดขึ้นมา พร้อมกับออกแรงกดลงบนไหล่ของหลัวจ้งอีกครั้ง
หลิงหยุนเริ่มเบื่อหน่ายและไม่อยากเสียเวลากับหลัวจ้งมากนัก เขาคิดในใจว่าคนอย่างหลัวจ้งไม่เห็นโลงศพคงจะไม่หลั่งน้ำตา ครั้งนี้เขาจะไม่ปรากณีมันแน่
หลัวจ้งรู้สึกเจ็บจี๊ดที่ไหล่ขึ้นมาทันที เขาได้แต่กรีดร้องออกมา และสีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด!
ทางด้านกู่เหลียนซันและเถียนป๋อเตาที่มองดูหลัวจ้งกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอยู่นั้น ทั้งคู่แทบอยากจะร้องบอกให้เขาอย่าได้โยกโย้อีก เพราะไม่มีประโยชน์อะไร!
ก่อนที่หลิงหยุนจะเอาคำสารภาพที่บันทึกไว้ออกมาเปิดเผย นับว่าเรื่องราวยังเล็กพอที่จะสามารถจัดการได้ หลัวจ้งควรจะรีบหาทางออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด..
ใบหน้าของหลัวจ้งซีดเผือด และมองหลิงหยุนอย่างอัศจรรย์ใจ ‘ทำไมเด็กนี่ถึงได้มีพละกำลังมากมายขนาดนี้?’
หลิงหยุนจ้องมองหลัวจ้งด้วยสายตาเยือกเย็น และเต็มไปด้วยรังสีของฆาตกร พลังหยินในร่างกายของเขาก็เริ่มหมุนเวียน!
หลัวจ้งรู้สึกว่าจู่ๆอุณหภูมิรอบตัวเขาก็ลดลงอย่างกะทันหัน ทำให้เขารู้สึกเย็นยะเยือกเข้าไปถึงกระดูก
เขารู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่สามารถอธิบายได้ และถึงกับพูดออกมาอย่างไม่รู้สึกตัว “ในเมื่อมีเอกสาร ก็ต้องไม่ใช่การขูดรีด..”
หลัวจ้งพูดจบก็ได้แต่บอกกับตัวเองว่า.. ครั้งนี้เขาสะดุดตอต้นใหญ่มากเข้าแล้วจริงๆ!