“พวกเจ้าเป็นบ้าไปแล้วกันหรือ!” ซูหวานหว่านกระโดดลงจากคันนาหลบก้อนหินที่พุ่งเข้ามา!

ทว่านางเหยียบลงไปที่ต้นพริกของหวังเซียนซูอย่างไม่ตั้งใจ หวังเซียนซูที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มชาวบ้านตะโกนออกมาอย่างโกรธเคือง “ต้องเป็นซูหวานหว่านที่เป็นคนทำอย่างแน่นอน เพราะน้องสาวของนางเพิ่งจะตายไป นางไม่สมควรได้รับความเห็นอกเห็นใจจากพวกเรา! นางเป็นคนทำลายต้นพริกอันมีค่าของพวกเรา เราต้องตีนางให้ตาย!”

“ตีนางให้ตาย!”

“…”

บรรดาชาวบ้านหยิบก้อนหินขึ้นมา ส่วนซูหวานหว่านก็ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น “ในเมื่อพวกเจ้าจะตีข้า เช่นนั้นก็บอกเหตุผลมาหน่อยเถิดว่าเพราะเหตุใดถึงมาทำร้ายข้า ช่วยอธิบายให้ชัดเจน แล้วข้าจะยอมรับผิด!”

ซูหวานหว่านกำลังร้องขอความประนีประนอมอย่างงั้นหรือ! ทุกคนยิ้มเยาะเย้ยและรู้สึกว่าตัวเองเดาถูก

หวังเซียนซูพูดออกมาอย่างโกรธเคือง “ตั้งแต่เมื่อวาน ข้าพบว่าต้นกล้าพริกของข้ามีคนเหยียบย่ำมันจนแหลกลาญ! อีกทั้งยังถูกดึงทิ้งอีกด้วย! ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาก็มีแต่เจ้าคนเดียวที่มาดูบริเวณผืนนาแถวนี้เสมอ หากไม่ใช่เจ้าเป็นคนทำแล้วใครจะทำ!”

“พวกชาวบ้านที่ถูกโค่นต้นพริกก็มีแต่พวกที่ใช้ต้นพริกของฮวงต้าถง เจ้าเองก็เกลียดเขาที่สุดในหมู่บ้าน ไม่เช่นนั้นแล้วจะเป็นใครกันที่ทำเรื่องพวกนี้?!”

“…”

เหล่าชาวบ้านต่างโกรธจนทนไม่ไหว ทว่าซูหวานหว่านกลับพูดออกมาอย่างใจเย็น “พวกเจ้าต้องลงรายละเอียดให้มากกว่านี้ ว่าเรื่องมันเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อใด”

“เมื่อ 3 วันก่อน!” ทุกคนต่างพูดออกมาพร้อมกัน ดูเหมือนว่าต้นพริกของพวกชาวบ้านจะเริ่มถูกทำลายตั้งแต่วันนั้น

ทว่าเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวข้องกับนางเลย!

เด็กสาวเอ่ยต่อ “เมื่อ 3 วันก่อนข้าไปที่หมู่บ้านหยางหลิวพร้อมกับท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ข้าและทางนั้นได้พูดคุยเรื่องการร่วมมือกันทางการค้า ข้าได้สอนให้พวกเขาปลูกพริกและเพิ่งกลับมายังแปลงนาของหมู่บ้านพวกเรา เรื่องนี้มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้าเลย”

ทุกคนตื่นตระหนก “จะไม่ใช่เจ้าได้อย่างไรกัน!”

“หากพวกเจ้าไม่เชื่อก็ลองไปถามชาวบ้านที่หมู่บ้านหยางหลิวว่าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาข้าอยู่ที่นั่นหรือเปล่า! ส่วนเรื่องแปลงพริกที่เจ้ากล่าวหาว่าโดนข้าทำลายมันไม่ได้เกี่ยวกับข้าเลย!” ซูหวานหว่านหันหลังกลับ เมื่อก้าวเท้าออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าวและหันกลับมาอีกครั้งก็พบว่าพวกชาวบ้านกำลังจะปาหินใส่นาง

เมื่อครู่นางก็บอกไปแล้วว่าไม่ได้เป็นคนทำ เหตุใดยังจ้องทำร้ายนางอีก!

ซูหวานหว่านกวาดสายตามองคนเหล่านั้นแล้วก็เข้าใจคำว่า ‘เตี้ยวหมิน[1]’ จึงพูดออกมาอย่างโกรธเคือง “หากใครกล้าปล่อยข่าวลือเสีย ๆ หาย ๆ หรือลงมือทำร้ายข้า อย่าหาว่าข้าไม่เตือนหากข้าลงมือทำอะไรลงไปแบบไม่ไว้หน้าพวกเจ้า!”

หลังจากนั้นซูหวานหว่านก็เดินจากไป

หวังเซียนซูกระทืบเท้าของตัวเองด้วยความโกรธที่ไม่สามารถเรียกค่าชดเชยใด ๆ ได้ และปลุกระดมคนให้ไปที่บ้านของซูหวานหว่าน

ทันทีที่ซูหวานหว่านกลับมาถึงบ้าน นางก็เดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อล้างมือและเตรียมตัวที่จะทำน้ำแกง แต่พลันใดนั้นก็มีเสียงเอะอะดังโวยวายดังมาจากหน้าบ้าน

“ซูต้าเฉียง! แม่เจิ้น! ลูกสาวของเจ้าจงใจทำลายแปลงพริกของเรา เจ้าต้องมีคำอธิบายให้พวกเรา! ถ้าไม่อย่างงั้นพวกเราจะมาทำลายข้าวของในบ้านเจ้าให้พังไปเลย!”

“เฮอะ? ข้ากลัวจังเลย!” ซูหวานหว่านหัวเราะและเดินออกมา ทำให้หวังเซียนซูพลันเกิดอาการตื่นตระหนกเมื่อเห็นสายตาเย็นชาของซูหวานหว่าน และก้าวถอยหลังไปโดยที่ไม่รู้ตัว

แม่เจิ้นและซูต้าเฉียงพากันเดินออกมา พวกเขาต่างผงะกับคำพูดและถามหวังเซียนซูเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีชาวบ้านจำนวนมากที่มาบ้านและเริ่มด่าลูกสาวของตน

ซูหวานหว่านไม่ใช่คนประเภทนั้น นางจึงพูดขึ้นมาว่า “พวกเจ้ากล้าเดิมพันกับข้ากันหรือไม่? หากข้าจับคนผิดมาลงโทษได้ พวกเจ้าจะต้องขอโทษข้า!”

“เฮอะ! หากจับคนทำได้ แสดงว่าเจ้าไม่ได้เป็นทำ เราจะไม่ทำเพียงขอโทษเจ้าแต่พวกเราจะก้มกราบเจ้าด้วย!” หวังเซียนซูตะโกนออกมา

“ย่อมได้” ซูหวานหว่านยิ้ม เด็กสาวพึมพำบางอย่างออกมาสองประโยค และพวกชาวบ้านก็พากันเดินออกไป

อันที่จริงซูหวานหว่านได้ตกลงกับพวกชาวบ้านเอาไว้ ให้มาพบกันตอนกลางดึกและบอกให้พวกเขาออกไปแบบเงียบ ๆ แล้วห้ามพูดเรื่องนี้เด็ดขาด หากว่านางไม่สามารถจับคนทำผิดได้ในวันนี้ นางยินดีจ่ายค่าชดเชยให้ทุกคน คนละ 10 ตำลึง

ชาวบ้านต่างมั่นใจว่าพวกเขาจะได้รับเงินชดเชยอย่างแน่นอน พวกเขาจึงยอมรับข้อตกลงและกลับไปอย่างมีความสุข

พวกเขาไม่รู้เลยว่าจริง ๆ แล้ว ซูหวานหว่านนั้นมีวิธีการหาคนผิดในเรื่องนี้

นางอาจจะไม่เห็นว่าใครเป็นคนลงมือทำ ทว่าไม่ได้หมายความว่าแมลงในทุ่งนาจะไม่เห็น!

เมื่อถึงเวลาเวลานัดหมาย ชาวบ้านก็ปรากฏตัวกันอย่างพร้อมเพรียงที่ลานบ้านของซูหวานหว่าน

ซูหวานหว่านพาพวกเขาไปยังทุ่งนา ทว่าก็ยังไม่มีใครเชื่อซูหวานหว่านเท่าไรและต่างพูดกันออกมาว่า “ซูหวานหว่าน ข้าว่าเจ้าควรให้เงินตามที่ตกลงเอาไว้เสียดีกว่าจะได้ไม่ต้องเสียเวลา เมื่อถึงเวลาจับคนทำผิดไม่ได้เจ้าจะเสียหน้าเปล่า ๆ!”

“หุบปากซะ!” ซูหวานหว่านจ้องมองชายคนนั้น “เจ้าควรสงบปากสงบคำเอาไว้ หากข้าจับคนร้ายไม่ได้เพราะเสียงพูดของพวกเจ้า ข้าจะจับเจ้าไปทำปุ๋ยเสีย!”

จำนวนคนพวกเขามีเยอะกว่าซูหวานหว่าน เหตุใดต้องกลัวนางที่มีตัวคนเดียว! ชายผู้คนนั้นโกรธเป็นอย่างมากและเริ่มชักชวนให้คนอื่นมาพูดเกลี้ยกล่อมซูหวานหว่าน ทว่าไม่ทันไรก็เห็นเปลวไฟปรากฏอยู่ไม่ไกล

“นั่นผีใช่หรือไม่! ทำไมในท้องนาถึงมีไฟ!”

“เจ้าควรมองให้ดีกว่านี้” ซูหวานหว่านเดินนำชาวบ้านเข้าไป ทว่ามีบางส่วนที่ไม่เต็มใจจะเดินเข้าไป

“ต้องเป็นผีแน่ ๆ! ข้าไม่กล้าเดินเข้าไปหรอก พวกเจ้าไปดูกันเองเถอะ!”

เมื่อชาวบ้านอีกคนได้ยินก็เกิดอาการหวาดกลัว “ข้าเคยได้ยินคนรุ่นก่อนบอกว่าเคยเห็นผีโพงมาก่อน เจ้าลองมองดูเปลวไฟในท้องนาที่กำลังเคลื่อนตัวไปรอบ ๆ สิ ข้าคิดว่ามันเป็นผีแน่ ๆ!”

“อ๊ะ!” ทุกคนตกอยู่ในอาการตื่นตระหนก หวังเซียนซูซึ่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มชาวบ้านร้องตกใจเสียงดังจนซูหวานหว่านโกรธมากจนอยากตบหน้านางสักที

แสงไฟเคลื่อนตัวไปรอบ ๆ ทำให้ชาวบ้านแตกตื่นร้องโวยวายออกมา จากนั้นแสงไฟก็เริ่มห่างออกไปทุกทีและเล็กลงเรื่อย ๆ ก่อนจะหายไป

ซูหวานหว่านอดทนไม่ไหวจนต้องตระโกนออกมาด้วยความโกรธ “นั่นไม่ใช่ผี! นั่นเป็นแสงไฟจากตะเกียงน้ำมันของคนร้ายที่จะทำลายต้นพริกของพวกเจ้าต่างหาก! มันคงรู้ตัวแล้วว่าจะโดนจับจึงวิ่งหนีไป! พวกเจ้ายังไม่รีบตามมันไปอีก! ไม่ได้เรื่องจริงๆ !!”

พวกเขาโดนตำหนิจนไม่กล้าขยับตัวไปไหน

ต่างยืนนิ่งด้วยความขี้ขลาด

ซูหวานหว่านจึงนำดวงอาทิตย์ดวงน้อยออกจากมิติฟาร์มอย่างเงียบ ๆ ขอให้หลิงเชอช่วยยกดวงอาทิตย์ดวงน้อยขึ้นสู่ท้องฟ้าไม่ให้ใครรู้

ทันใดนั้นท้องฟ้าก็สว่างขึ้น ทำให้ชาวบ้านตกใจกับการปรากฏของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์พร้อมกัน!

มันช่างเป็นเวลาที่ยอดเยี่ยม ทุกคนต่างตกตะลึง! พลันชาวบ้านก็มองเห็นชายร่างสูงในชุดดำ เมื่อรู้ว่าไม่ใช่ผีจึงทรุดตัวคุกเข่า “ขอบคุณสวรรค์!”

คนร้ายตกใจกลัวจนฉี่รดกางเกง มันกลับมาตั้งสติได้อีกครั้งแล้ววิ่งหนีไป

ชาวบ้านต่างก็รีบวิ่งไล่ตามออกไปทันที

“เร็วเข้า หยุดเขาเอาไว้!”

ชายคนนั้นรีบวิ่งเร็วขึ้นไปอีก ซูหวานหว่านคิดอยู่ครู่หนึ่ง มันเหนื่อยเกินกว่าจะวิ่งตามแบบนั้น นางจึงได้แอบสื่อสารกับหลิงเชอและปล่อยให้หลิงเชอคอยควบคุมดวงอาทิตย์ ทำให้แสงสว่างของดวงอาทิตย์ดวงน้อยถูกบดบังและท้องฟ้าก็มืดลง!

ชาวบ้านตกตะลึงไม่รู้ว่าจะวิ่งไล่ชายคนนั้นต่อที่ไหน ชายคนนั้นเองก็หยุดวิ่งเช่นเดียวกัน อยากจะจุดตะเกียงแต่ไม่กล้าจุด

ทันใดนั้นข้อมือของซูหวานหว่านก็ขยับ เด็กสาวขวางหินก้อนหนึ่งพุ่งออกไปโดนชายคนนั้นจนล้มลง!

นางอยากจะรู้แล้วว่าคนนั้นเป็นใคร!

ท้องฟ้าก็สว่างอีกครั้ง

พวกชาวบ้านทุกคนต่างก็วิ่งเข้าไปดู และเมื่อเห็นว่าคน ๆ นี้เป็นใคร พวกชาวบ้านทุกคนก็ต่างพากันถอนหายใจ คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเขาที่ทำเรื่องแบบนี้ได้!

[1] 刁民diao1 min2 ความหมายคือคนที่มีเล่ห์ลับจัดชอบลอบกัดทำร้ายคนอื่นลับหลัง