ตอนที่ 252: ตระกูลเซีย
ทันทีที่รถม้าของตระกูลเซียหายไปจากสายตา ผู้บัญชาการทหารก็ร้องบอกทหารอีกคน “ไปรายงานท่านเจ้าเมือง ตระกูลเซียมาถึงที่เมืองเวคแล้ว!”
“ขอรับ ! ” ทหารขึ้นหลังม้าทันทีหลังจากที่ได้รับคำสั่งและมุ่งตรงไปที่คฤหาสน์
กลุ่มคนของตระกูลเซียเดินทางต่อเข้าไปในเมืองเวคก่อนที่จะมาถึงที่ลานของตระกูลไค่ในที่สุด ชายหนุ่ม 2 คนลงจากหลังสัตว์อสูรแล้วเดินไปที่ประตู หนึ่งในนั้นตะโกนไปที่ยามรักษาการณ์ “ให้หัวหน้าของตระกูลไค่ออกมาเดี๋ยวนี้ ! ” ชายคนนั้นพูดอย่างเย่อหยิ่งและสายตาของเขาก็ดูถูกทุกคน
แม้ว่าชายคนนี้จะมีท่าทีน่าเกลียดเพียงใด ยามรักษาการณ์ของตระกูลไค่ก็ไม่กล้าที่จะหาเรื่องกลุ่มนี้ พวกเขารู้ในใจว่ากลุ่มนี้มีอิทธิพลมากหลังจากที่ได้เห็นรูปแบบของพวกเขา และดังนั้นหนึ่งในยามรักษาการณ์คนหนึ่งจึงตอบกลับมาว่า “ได้โปรดรอสักครู่ ข้าจะไปรายงานหัวหน้าตระกูล”
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มคนนี้ไม่คิดที่รอและยกขาก้าวข้ามประตูไปทันที แต่ก่อนที่เขาจะข้ามเข้าไปในลาน ยามรักษาการณ์คนที่สองก็ขวางทางไว้และพูดออกมาอย่างไม่สนใจ “ท่าน พวกเราได้ไปแจ้งท่านหัวหน้าแล้ว ได้โปรดรอสักครู่”
หลังจากที่ได้ยินแบบนี้ หน้าของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไปทันที เขาจ้องไปที่ยามที่ขวางเขาอยู่และคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าเป็นใครกันถึงได้มาขวางทางข้า หลีกทางไป ! “
ความก้าวร้าวของหนุ่มคนนี้ทำให้ใบหน้าของยามรักษาการณ์เปลี่ยนไป เมื่อมองไปที่รถม้าด้านหลัง ยามก็ไม่รู้ว่าตระกูลเซียเป็นใครและมาจากไหน แต่จากป้ายที่อยู่บนรถม้าแล้ว ยามรักษาการณ์ก็รู้ดีว่ากลุ่มคนพวกนี้ไม่ใช่ที่เขาสามารถไปหาเรื่องได้
“ท่านผู้มีเกียรติ ตระกูลไค่ของพวกเรามีกฎอยู่ ถ้าผู้เฒ่าไม่อนุมัติ ข้าก็ไม่สามารถให้ท่านเข้าไปได้ ได้โปรดอย่าทำให้ข้าน้อยต้องลำบากใจเลย”
ชายหนุ่มพ่นลมออกมาทางจมูก “เจ้าสุนัขเฝ้าบ้านกล้ามาขวางทางข้า รนหาที่ตายแล้ว” ชายหนุ่มยกแขนขึ้นทันทีด้วยความเย้ยหยันเพื่อที่จะตบไปที่หน้าของยามรักษาการณ์
ยามรักษาการณ์เตรียมตัวอยู่นานแล้วและป้องกันการตบไว้ด้วยแขนของเขา
“ช่างโอหังนัก ! ที่กล้าต่อต้านตระกูลเซีย เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วงั้นหรือ ! ” ชายหนุ่มอีกคนคำรามออกมาในขณะที่เขาถีบไปที่ท้องของยามรักษาการณ์
ยามรักษาการณ์เจ็บปวดในขณะที่ใบหน้าของเขาซีดจากลูกเตะ ชายหนุ่มทั้งสองไม่คิดจะหยุดแค่นั้น พวกเขาพุ่งออกไปและเตะเข้าไปที่หัวของยามรักษาการณ์อีกครั้ง
“ปัง ! “
ยามลอยผ่านประตูและกลิ้งไปกับพื้นพร้อมกับหัวที่โชกไปด้วยเลือดก่อนที่จะหมดสติไป
“หืม สุนัขเฝ้าบ้านของตระกูลเล็ก ๆ กล้าที่จะขวางตระกูลเซียของพวกเรางั้นหรือ ? นั่นเป็นความผิดแม้แต่ความตายก็ชดใช้ไม่ได้” หนึ่งในชายหนุ่มทั้งสองคนมองไปที่ยามรักษาการณ์อย่างดูถูก
“ฮืม เจ้ากล้าที่จะมาสร้างความวุ่นวายให้ตระกูลไค่ของพวกเราและยังทำร้ายยามรักษาการณ์ของพวกเราอีกหรือ ? ” เสียงตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยวดังมาจากลาน ในขณะที่ไค่เอ้อและคนหลายคนเดินออกมาด้านหน้า
“เจ้าเป็นใครกัน ? ” หนึ่งในชายหนุ่มจ้องไปที่ไค่เอ้อด้วยความเหยียดหยาม
“หืม ข้าคือไค่เอ้อ หัวหน้าตระกูลของตระกูลไค่ เจ้าทั้งสองเป็นใคร ? ” ไค่เอ้อถามออกไป
“ถ้างั้นเจ้าก็เป็นหัวหน้าตระกูล พวกเรามาจากตระกูลเซีย ! ” ชายหนุ่มหัวเราะออกมา
“ตระกูลเซีย ! ” หน้าของไค่เอ้อเปลี่ยนไปทันทีก่อนที่จะถามออกไป “ตระกูลเซียไหน?”
“หัวหน้าตระกูล เจ้าตาบอดหรือ ? เป็นไปได้ว่าจะมีตระกูลเซียที่สองอยู่ที่ไหนอีกหรือในรัศมีพันไมล์นอกจากพวกเรา ? ” ชายหนุ่มพูดออกมาอย่างเย่อหยิ่ง
ในขณะที่พวกเขาพูดออกมา ชายที่มาพร้อมกับไค่เอ้อที่อยู่ด้านหน้าก็เห็นป้ายที่ไสวอยู่กับสายลมทันที และสายตาของเขาก็เคร่งเครียดขึ้นมา
ไค่เอ้อประสานมือพร้อมทักทายอย่างเคารพ “ถ้าเช่นนั้น พวกเจ้าก็มาจากตระกูลเซีย ข้าช่างหยาบคายจริง ๆ ” ถ้าตระกูลเซียมาที่ตระกูลไค่เมื่อสัปดาห์ก่อน ไค่เอ้อคงจะต้องเคารพอย่างมากแน่ แต่ในตอนนี้ เขาไม่กลัวพวกนั้นแล้ว เมื่อตระกูลไค่ในวันนี้ไม่เหมือนกับตระกูลไค่ก่อนหน้านี้แล้ว
“หัวหน้าตระกูล เร็วเข้า คารวะนายน้อยของพวกเราซะ” ชายหนุ่มพูดออกมาอย่างเหยียดหยาม
เมื่อได้ยินดังนั้น ไค่เอ้อก็มองไปที่รถม้าและประสานมือออกไป “ไค่เอ้อแห่งตระกูลไค่ขอต้อนรับนายน้อยของตระกูลเซีย นายน้อยมีจุดประสงค์ใดที่มาที่ตระกูลไค่ของพวกเรา”
เมื่อเห็นว่าไค่เอ้อทำตัวปกติ ยามรักษาการณ์ตรงรถม้าก็หรี่ตามองเขา แม้ว่าพวกเขาจะไม่ประทับใจที่ไค่เอ้อทำกับนายน้อยของพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไร
“ไค่เอ้อ ข้าได้ยินมาว่า มีชายหนุ่มชื่อเจี้ยนเฉินอยู่ในตระกูลของเจ้า จริงหรือไม่ ? ” มีเสียงชายหนุ่มพูดออกมาจากรถม้า
“ถูกต้อง” ไค่เอ้อไม่ได้ปฏิเสธ
“ไปเรียกเจี้ยนเฉินมา ข้ามีเรื่องที่จะต้องคุยกับเขา” ชายหนุ่มพูดออกมา
เมื่อได้ยินแบบนี้ คิ้วของไค่เอ้อก็ขมวดเพราะเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธกับคำสั่งนี้ ในตอนนี้เจี้ยนเฉินเป็นหัวหน้าของเขาและเป็นคนที่ทรงพลังด้วย แม้ว่าตระกูลเซียจะมีอำนาจมากมาย แต่ไค่เอ้อก็ไม่เชื่อว่าตัวตนของเจี้ยนเฉินที่ลึกลับนี้จะด้อยไปกว่าตระกูลเซียเลย ดังนั้นในตอนที่คนหนุ่มในรถม้าบอกให้เขาไปเรียกเจี้ยนเฉินมา ไค่เอ้อก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่พอใจในเรื่องนี้
ไค่เอ้อยิ้มเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดออกมา “นายน้อยเซีย ข้าจะไปบอกหัวหน้าเจี้ยนเฉิน แต่การที่เขาจะตัดสินใจออกมาเจอท่านหรือไม่ ข้าก็รับรองไม่ได้”
“น่าไม่อาย ! “
“ช่างโอหังยิ่งนัก!”
ในตอนที่ไค่เอ้อพูดออกไป ชายที่คุ้มกันรถม้าก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา “ตัวตนของนายน้อยของพวกเราเป็นอะไรที่แม้แต่ท่านเจ้าเมืองเวคยังต้องเคารพ เจี้ยนเฉินนี้เป็นเพียงทหารรับจ้างธรรมดาซึ่งแตกต่างจากนายน้อยของพวกเราราวฟ้ากับเหว ! ไม่จำเป็นต้องไปบอกเขา เอาตัวเขามาที่นี่เลย ! “
“แค่ต้นหญ้าที่กระจอกกระจอกกล้าที่จะมาทำให้นายน้อยของตระกูลเซียต้องรองั้นหรือ ? หืม ช่างไร้มารยาทยิ่งนัก ! “
“เรียกเจี้ยนเฉินออกมาเดี๋ยวนี้และอย่าทำให้พวกเราเสียเวลา ! เจ้าเสี่ยงที่จะทำให้พวกเราโกรธมากขึ้นถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป”
ชายขี่สัตว์อสูรอีกคนตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวออกมา
หลังจากได้ยินเสียงตะโกนด้วยความไม่พอใจเช่นนี้ ใบหน้าของไค่เอ้อก็มืดคล้ำลง
“ให้สักคนไปตามเจี้ยนเฉินมา” นายน้อยตะโกนออกมา
“ขอรับนายน้อย” ชายสองสามคนลงจากหลังสัตว์อสูรและกำลังจะพุ่งเข้าไปในลาน
“หยุด ! นี่คืออาณาเขตของตระกูลไค่ ถ้าไม่มีการอนุญาตจากผู้นำ ไม่มีใครจะเดินเข้ามาได้ง่าย ๆ ! ” ในตอนนี้ เสียงก็ดังมาจากลาน ทุกคนหันไปและเห็น เต้าคัง ชาร์คัส และฉิงเฟิงเดินมาทางประตูช้า ๆ