บทที่ 57.1 ไม่ช้าก็เร็วเจ้าต้องเป็นของข้าอยู่ดี! (1)

สวินหยาง ยอดหญิงไร้พ่าย ภาค 2

ซูอี้มองนางอย่างลึกซึ้งและสัมผัสได้ถึงความแคลงใจในดวงตาของนาง แต่กลับไม่พูดอะไรทั้งนั้น เขาเพียงแค่บีบปลายนิ้วของนางกล่าวว่า “ไปเถอะ! หากช้ากว่านี้จะไม่ทันเวลาแล้ว!”

 

พอเอ่ยจบก็จูงมือนางเดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว โดยไม่รอให้ซื่อหรงตอบกลับอีก

 

ถึงแม้ฝนด้านนอกจะหยุดไปแล้ว แต่ความชื้นยังคงฟุ้งกระจายอยู่ทั่วพื้นที่ อีกทั้งฟ้ายังไม่สว่างมากนัก ทำให้บรรยากาศดูมืดครึ้มไปหมด

 

ซูอี้เดินเร็วมากและไม่หันกลับมามองสีหน้าของหญิงสาวอีกแม้แต่นิดเดียว

 

และเพราะว่าห้ามเข้าออกทางประตูใหญ่ ทั้งสองคนจึงยังต้องปีนกำแพงออกไปเหมือนเดิม

 

พวกเขาเพิ่งจะถึงพื้น โม่เสว่ที่รออยู่ใต้ชายคาประตูก็รีบก้าวเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว

 

นางรีบกวาดตามองหน้าซื่อหรงผ่านๆ แล้วก็คารวะซูอี้ว่า “คุณชาย!”

 

“อื้ม!” ซูอี้ยื่นมือไปหยิบกล่องผ้าไหมห่อด้วยผ้าสีดำที่นางถืออยู่ในมือมาและเลิกคิ้วส่งสายตาถาม

 

“ของที่ท่านต้องการเจ้าค่ะ!” โม่เสว่เอ่ย พลางอดที่จะมองหญิงสาวที่ตามอยู่ข้างหลังเขาอีกครั้งไม่ได้ แล้วถึงจะเอ่ยเสริมอีกว่า “ใต้เท้าเหยียนหลิงกลับจวนเฉินไปก่อนแล้วเจ้าค่ะ ก่อนไปสั่งว่าหากท่านต้องการอะไรก็ค่อยไปหาเขาอีก”

 

“ไม่ต้องแล้ว” ซูอี้เอ่ย พลางเอียงกล่องไปมา แล้วเขาก็จูงมือซื่อหรงจากไปอย่างรวดเร็วอีกครั้ง “เจ้าก็กลับไปก่อนเถอะ ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว”

 

——————————–

 

ตอนที่ฉู่สวินหยางตามเจี๋ยหงกลับมาถึงจวนเฉินนั้นก็ใกล้จะถึงยามสี่เกิงแล้ว ทุกคนจึงพานางไปที่เรือนของ

 

เหยียนหลิงจวินเลย โดยไม่รบกวนเฉินเกิงเหนียน

 

ออกไประหกระเหินในคืนฝนตกมาครึ่งคืน ถึงแม้จะไม่เปียกฝนโดยตรง แต่เสื้อผ้าก็ชื้นไปหมด เจี๋ยหงกับเฉี่ยนลวี่เตรียมน้ำให้ฉู่สวินหยางอาบแล้วก็จะหอบเอาเสื้อผ้าของฉู่สวินหยางออกไป

 

ฉู่สวินหยางเพิ่งจะวักน้ำล้างหน้า พลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงเรียกนางไว้ “รอเดี๋ยว!”

 

“หืม?” เจี๋ยหงหันกลับมาส่งสายตาถามนาง

 

ฉู่สวินหยางหันตัวมาพิงขอบอ่างอาบน้ำและกวักมือเรียก

 

เจี๋ยหงหอบเสื้อผ้าเดินเข้าไปหา นางยื่นมือมาค้นเองอยู่พักหนึ่ง แล้วเอาถุงเงินและถุงหอมที่ปนอยู่ข้างในออกมา พลางยิ้มตาหยีว่า “เรียบร้อย!”

 

เจี๋ยหงยิ้มแล้วหอบเสื้อผ้าเดินออกไป

 

ฉู่สวินหยางโยนของไว้บนตั่งข้างๆ ก่อน แล้วหลับตาพักผ่อนเแช่ตัวในอ่างน้ำอุ่นอย่างสบายใจ จนกระทั่งน้ำเริ่มเย็นจึงลุกออกมา

 

เจี๋ยหงวางเสื้อคลุมยาวสีขาวตัวใหญ่แบบผู้ชายที่พับซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยไว้ให้บนโต๊ะ ดูท่าทางน่าจะไม่เคยใส่มาก่อน

 

ยามฉุกเฉินเช่นนี้ฉู่สวินหยางก็ไม่ถือสาที่จะสวมเสื้อคลุมหลวมโพรกเหมือนกัน

 

เสียงฝนด้านนอกเดี๋ยวดังเดี๋ยวเบา ทำให้คืนนี้แลดูเงียบเหงาเล็กน้อย

 

เหยียนหลิงจวินไปตามหาซูอี้และยังไม่กลับมาทั้งคู่ นางรู้สึกเบื่อหน่ายเช่นกัน จึงเดินเล่นรอบห้องตามใจชอบ

 

ทั้งห้องด้านในและด้านนอกมีของตกแต่งไม่มากนัก แต่ต่างเก็บกวาดเรียบร้อยและสะอาดมาก ฉู่สวินหยางหยิบจับของตกแต่งในห้องทุกชิ้นตามแนวกำแพง แล้วนั่งเท้าคางบนเตียงใต้หน้าต่าง หยิบหมากรุกหลายตัวมาวางลงไปบนกระดานหมากรุกที่ยังเล่นไม่จบ ทว่ารอไปเกือบครึ่งชั่วยามแล้วก็ยังไม่เห็นเหยียนหลิงจวินกลับมา จึงห่มผ้านอนบนเตียงเสียเลย

 

พลิกตัวไปมาหลายครั้งก็ยังไม่รู้สึกง่วงสักนิด ทันใดนั้นนางนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงลุกขึ้นวิ่งไปหยิบถุงเงินกับถุงหอมของตนเองมาจากข้างหลังฉากกั้นในห้องข้างนอกอีก นางมุดเข้าไปในผ้าห่มอีกรอบ แล้วล้วงของชิ้นหนึ่งออกมาจากในถุงเงินมาถือในไว้มือและดูแล้วดูอีก

 

นั่นเป็นถุงเงินพื้นสีน้ำเงินอ่อนเข้าคู่กับพู่ห้อยสีน้ำเงินอ่อนอันใหม่ที่ปักลวดลายสีแดงเพลิงอย่างเรียบง่ายมาก หากมองผ่านๆ จะเห็นไม่ค่อยชัดนัก แต่ถ้าสังเกตดีๆ ก็จะเห็น…

 

ใบไม้สีแดงใบใหญ่และใบเล็กสองใบซ้อนทับอยู่ด้วยกันอย่างชัดเจน รอยเย็บถือว่าประณีตใช้ได้ แต่เพราะว่าเลาะออกและปะซ่อมหลายครั้ง จึงทำให้ผ้าใหม่เอี่ยมทั้งผืนดูเก่าไปบ้างและดูไม่ค่อยเรียบเสมอกัน แต่ว่าพู่นั้นกลับผูกไว้อย่างละเอียดงดงามมากทีเดียว ทำให้ของทั้งชิ้นแลดูน่ามองมากขึ้น

 

นางทำของชิ้นนี้เป็นครั้งแรก ถึงแม้ชิงเถิงจะไม่ชอบมันเป็นร้อยเป็นพันครั้ง แต่ฉู่สวินหยางกลับไม่รู้สึกว่ามันขี้เหร่ตรงไหน…

 

ถึงอย่างไรก็แค่ไม่ค่อยสวยนักเท่านั้น

 

หลังจากดูถุงเงินที่ถืออยู่ในมือจนเบื่อหน่ายไปรอบหนึ่งแล้ว ฉู่สวินหยางก็เริ่มรู้สึกง่วงเล็กน้อย จึงเก็บของกลับเข้าไปใหม่ให้เรียบร้อยแล้วยัดเข้าไปใต้หมอน แต่คิดไม่ถึงว่ามือจะเผลอลูบไปโดนหนังสือเล่มหนึ่งเข้า

 

ปกติเหยียนหลิงจวินมักจะวางตัวสบายๆ เวลาอยู่ต่อหน้าคน ดังนั้นฉู่สวินหยางก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะยังมีนิสัยศึกษาและอ่านตำราแพทย์ก่อนนอนด้วย นางจึงดึงติดมือออกมา ทว่าตอนที่กำลังจะเปิดอ่านนั้นก็ได้ยินเสียงเชินหลานดังมาจากข้างนอกว่า “นายท่านกลับมาแล้ว!”

 

“อืม!” เหยียนหลิงจวินขานรับอย่างเฉยชา พลางเดินเข้าไปข้างในโดยไม่หยุดพัก “ท่านหญิงล่ะ?”

 

“อยู่ในห้องของท่านเจ้าค่ะ ตอนนี้น่าจะหลับไปแล้ว” เชินหลานเอ่ย

 

“รู้แล้ว” เหยียนหลิงจวินตอบ พลางเปิดประตูห้องไปพร้อมกับกดเสียงต่ำสั่งว่า “ตอนอาหารเช้าไม่ต้องมารอเรียกให้ตั้งโต๊ะแล้ว ให้ห้องครัวเตรียมไว้ได้เลย แล้วคอยฟังข่าวจากในวัง”

 

“เจ้าค่ะ!” เชินหลานขานรับเสียงใส แล้วถือร่มเดินออกไปจากเรือน

 

เหยียนหลิงจวินหุบร่มแล้วเข้าไปข้างใน เขาเพิ่งจะวางร่มไว้หลังประตูก็ได้ยินเสียงฉู่สวินหยางดังมาจากด้านในว่า “เป็นอย่างไรบ้าง?”

 

เหยียนหลิงจวินชะงักไป เขาสะบัดหยดน้ำที่เกาะพราวอยู่บนเสื้อคลุมแล้วหันกลับไป พอเห็นว่านางยังไม่หลับก็ปลดสายคาดเอวและเดินเข้าไปหา พลางเอ่ยว่า “ไม่เป็นไรแล้ว ซูอี้รับมือเองได้”

 

“อ้อ!” ทีแรกฉู่สวินหยางขยับตัวจะลุกขึ้นแล้ว แต่พอรู้แล้วก็วางใจ จึงเอนหลังนอนบนเตียงและหยิบหนังสือที่ตกอยู่ข้างตัวขึ้นมาใหม่อีกครั้ง พลางถามไปอย่างไม่ทันคิดว่า “นี่ตำราแพทย์เกี่ยวกับอะไรหรือ? เจ้าน่าจะมีตำราเกี่ยวกับการฝังเข็มโดยเฉพาะใช่หรือไม่? เดี๋ยว…”

 

นางคีบหนังสือไว้ด้วยปลายนิ้ว แต่นึกไม่ถึงว่าตอนที่เพิ่งจะเปิดกระดาษแผ่นนั้นได้แค่มุมเดียว เหยียนหลิงจวินกลับเดินปราดเข้ามาดึงหนังสือเล่มนั้นไปจากมือนาง

 

“อ๊ะ…” พอมือของฉู่สวินหยางว่างก็เผลอยื่นมือไปแย่งอย่างลืมตัว

 

แต่เหยียนหลิงจวินกลับเร็วกว่า เขายกหนังสือเล่มนั้นสูงไปทางด้านหลังอย่างไวพร้อมกับโน้มตัวต่ำลงมาด้วย แขนของฉู่สวินหยางจึงพาดตรงซอกคอของเขาพอดี

 

ฉู่สวินหยางคิดจะหยอกเขาเล่น จึงถือโอกาสคล้องแขนรอบคอเขา แล้วโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยจะแย่งหนังสือในมือของเขาอีก “ดูหน่อย!”

 

เดิมทีเหยียนหลิงจวินก็โน้มตัวไปข้างหน้าอยู่ตรงนั้นโดยที่มือไม่มีที่ค้ำยันอยู่แล้ว พอถูกนางโถมตัวมาคล้องคอจึงล้มทับลงไปบนตัวนาง

 

ฉู่สวินหยางโดนเขาทับจนเกือบจะวูบหมดสติไป นางหายใจไม่ออกจนหน้าแดงก่ำ

 

ขณะที่เหยียนหลิงจวินรีบใช้มือข้างหนึ่งยันตัวขึ้นมานั้น ก็ชูมืออีกข้างขึ้นและโยนหนังสือที่ถือไว้ในมือทิ้งไปไกลๆ จนไปตกลงบนหลังชั้นวางหนังสือตรงมุมห้องข้างนอกและเปิดมาให้เห็นแค่มุมเดียว

 

ฉู่สวินหยางมองตามไปก็ขมวดคิ้ว พลางยิ้มและถามว่า “เป็นหนังสือที่เขียนด้วยลายมือของอาจารย์ปู่เจ้าหรือ? ดูหน่อยก็ไม่ได้รึไง?”

 

“เล่มนั้นไม่ใช่ตำราฝังเข็ม ถ้าเจ้าอยากอ่าน เดี๋ยวข้าไปหามาให้” เหยียนหลิงจวินเอ่ย พอตอนนี้ตั้งสติได้แล้วถึงรู้สึกตัวว่านางกอดคอเขาอยู่และสองคนอยู่ใกล้กันเกินไป

 

“ทำไมยังไม่นอน?” เหยียนหลิงจวินเอ่ยถาม

 

“ยังไม่ได้ข่าวซูอี้ก็นอนไม่หลับน่ะสิ!” ฉู่สวินหยางเอ่ยโดยไม่คิดว่าตนเองทำตัวไม่เหมาะสมตรงไหน นางแค่เบ้ปากและหยิบผมที่ปรกไหล่ของเขาขึ้นมาดูด้วยมืออีกข้างหนึ่ง

 

—————————————————–