แต่เป็นเพราะตอนนี้ในบ้านมีลิงน้อยเพิ่มขึ้นมาหนึ่งตัว หล่อนจึงไม่กล้ามาแล้ว เพราะกลัวว่าลูกชายของตนจะถูกลิงน้อยโจมตีเข้าใส่ จึงทำให้เย่ฉูฉู่มีเวลาว่าง เธอเองก็ไม่อยากเห็นสายตาที่พี่สะใภ้สี่จ้าวเปิดเผยออกมาประมาณว่า ‘ผู้ชายค้างคืนอยู่ข้างนอกเธอกลับไม่เป็นกังวล ไม่กลัวว่าเขาไปอยู่ข้างนอกแล้วจะทำให้เธอต้องเจอปัญหายุ่งเหยิงเหรอ’

อีกอย่างไม่เพียงแค่เดาส่งเดชเท่านั้น แต่ยังพูดจาพล่อย ๆ ด้วย คนที่ไม่รู้ก็คงคิดว่าหล่อนเห็นจ้าวเหวินเทาออกไปทำเรื่องที่ผิดต่อเย่ฉูฉู่ข้างนอก

ดังนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเบื่อเกินไป เย่ฉูฉู่ก็ไม่ยินดีที่จะคุยกับหล่อนหรอก

เมื่อลิงน้อยอยู่ที่นี่ มันก็ไม่ได้กินเปล่า ๆ มันช่วยให้อาหารกระต่ายและไก่ได้ นอกจากนี้ยังจับหนอนในสวนผักด้วย หนอนที่จับได้ก็จะโยนให้ไก่กิน

มันได้สร้างความหมายของการมีอยู่ของมันภายในบ้าน จ้าวเหวินเทาเพียงแค่หัวเราะกับเรื่องเหล่านี้ มีลิงน้อยอยู่สาเหตุหลัก ๆ ก็เพราะภรรยาของเขาชอบ ในเมื่อภรรยาชอบ จะเก็บมันไว้ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร

อากาศเดือนมิถุนายนร้อนมาก แต่ยังดีที่อยู่ทางภาคเหนือ แค่อยู่ใต้ร่มเงาก็เย็นสบายแล้ว

ตอนนี้พืชผลแต่ละอย่างก็เก็บเกี่ยวได้แล้ว และในช่วงฤดูนี้เฮ่อซงจือก็คลอดลูก ท้องนี้หล่อนได้ลูกสาว

หล่อนคลอดที่คลีนิคสุขภาพในเมือง ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่สามวันสามคืนกว่าจะคลอดลูกออกมา

การพยายามเช่นนี้ ถ้าได้ลูกชายทุกคนย่อมรู้สึกคุ้มค่า แต่การได้ลูกสาวกลับทำให้คนแอบผิดหวัง

ในชนบทก็แบบนี้แหละ ต่างคนต่างก็ชอบลูกชายกัน!

โชคดีที่จ้าวเหวินจื้อไม่ใช่คนที่รักลูกชายมากกว่าลูกสาว ในทางตรงกันข้ามเขากลับคิดว่าลูกสาวสิถึงจะดี เขารักลูกสาวที่เพิ่งคลอดมาก ทั้งยังปลอบใจเฮ่อซงจือที่รู้สึกเสียใจเพราะไม่สามารถคลอดลูกชายออกมาเป็นคนแรกได้

แม้จะคลอดออกมาแล้วได้ลูกสาว แต่ก็เป็นลูกคนแรกของจ้าวเหวินจื้อ เป็นธรรมดาที่ต้องรับประทานบะหมี่มงคล

เย่ฉูฉู่มาพร้อมกับพี่สะใภ้สามจ้าว เธอถือเส้นบะหมี่ไข่แห้งที่มัดด้วยผ้าสีแดงมาเยี่ยมเฮ่อซงจือ

เฮ่อซงจือมีใบหน้าซีดเผือดเพราะความทรมานจากการคลอดลูก ตอนที่เย่ฉูฉู่มาถึง หล่อนกำลังให้นมลูกอยู่พอดี

พี่สะใภ้สามจ้าวรู้ว่าเย่ฉูฉู่สนิทกับเฮ่อซงจือ หลังจากคุยสองสามคำก็ออกไปช่วยทำอาหาร เพื่อให้พวกเธอสองคนได้คุยกัน

เย่ฉูฉู่นั่งลงที่ขอบเตียง เธอมองลูกน้อยที่กำลังดื่มนมอยู่

“เด็กคนนี้พอคลอดออกมาก็เป็นแบบนี้เลยเหรอ?” เย่ฉูฉู่มองคิ้วอ่อน ๆ และขนตาหนา ๆ ของเด็กน้อยขณะเอ่ยถาม

“ใช่ที่ไหนกันล่ะ เด็กตอนแรกคลอดหน้าตาน่าเกลียดจะตายไป ตัวเหี่ยวย่นอย่างกับหนูเลย” เฮ่อซงจือรู้สึกได้ว่าลูกกินอิ่มแล้ว แม้จะเป็นคุณแม่มือใหม่ แต่ก็ตบหลังลูกอย่างชำนาญ หลังจากลูกเรอออกมาแล้วจึงวางลง กล่าวว่า “เด็กโตเร็ว หน้าตาเปลี่ยนทุกวัน ตอนนี้ก็เพิ่งจะดูดีขึ้นมาหน่อย”

เย่ฉูฉู่ลูบฟูกที่เด็กกำลังนอน สิ่งนี้ในชนบทเรียกว่ากระเป๋านอน ข้างในยัดไว้ด้วยแกลบบัควีท เพราะเตียงแข็งเกินไป ปูมากเกินไปก็ร้อน จึงต้องเย็บกระเป๋าแบบนี้

ความจริงแล้วมันคือหมอนยัดแกลบบัควีทที่เพิ่มความยาว แบบนี้จะทำให้นุ่มและนอนสบาย

หมอนเป็นหมอนเด็กที่ยัดด้วยข้าวฟ่าง ในชนบทต่างให้ความสำคัญกับศีรษะตอนนอน ถ้าจะให้ศีรษะได้รูปขณะนอน ก็จำเป็นต้องมีหมอนพิเศษแบบนี้

ขาทั้งสองข้างของทารกจะถูกพันด้วยผ้า นี่ก็เป็นเพราะกลัวว่าโตขึ้นแล้วขาจะโก่ง พวกเขาจึงหวังว่าลูกจะมีขายาวและตรง

นี่เป็นสามอย่างที่ต้องเตรียมให้เด็ก

ส่วนที่เหลือก็คือผ้าอ้อมจำนวนหนึ่ง ล้วนเป็นผ้าที่ตัดมาจากเสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วง

เฮ่อซงจือกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อย่ามองว่าเจ้าตัวเล็กจะดูตัวไม่ใหญ่นะ บนเตียงนี้มีแต่ของยัยหนูทั้งนั้นเลย”

เย่ฉูฉู่มองของชิ้นเล็กและชิ้นใหญ่ที่วางกองอยู่ตรงนั้นและตรงนี้บนเตียง จึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ยัยหนูโชคดีนะ ได้มาเจอกับพ่อแม่ที่ถูกต้องแล้ว คลอดออกมาก็มีของเยอะแยะเลย”

เฮ่อซงจือก็หัวเราะ “พ่อของยัยหนูรักยัยหนูมากเลย รักมากกว่าฉันอีก ตอนนี้กลับมาทีไรก็ต้องอุ้มลูก อุ้มแบบไม่ยอมปล่อยเลยด้วย”

เป็นเพราะจ้าวเหวินจื้อรักลูกสาวเช่นนี้ ทั้งยังเอนเอียงมาทางหล่อน ดังนั้นแม้ว่าแม่สามีจะไม่พอใจอย่างมาก แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรที่ไม่น่าฟัง

เย่ฉูฉู่ทราบดีว่าหล่อนอยากมีลูกชาย “แหงแหละ ลูกสาวถือเป็นเสื้อนวมน้อยแนบใจของพ่อกับแม่ ครูเสี่ยวจ้าวไม่รักลูกแล้วจะรักใครล่ะ? หลังจากนี้เธอก็จะพาน้องชายมาด้วย”

เฮ่อซงจือได้ยินคำมงคลของเย่ฉูฉู่ก็รู้สึกมีความสุข กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ในท้องเธอเตะเธอหรือยัง?”

“เตะสิ เตะฉันเป็นครั้งคราว จริงสิ ชื่ออะไร ตั้งชื่อหรือยัง?” เย่ฉูฉู่ถาม

“เหวินจื้อตั้งชื่อเล่นไว้แล้ว ชื่อ ‘นิวนิว’ ส่วนชื่อจริงรอให้เข้าเรียนค่อยตั้ง” เฮ่อซงจือแอบรู้สึกเหนื่อยแล้ว หล่อนจึงเอนตัวลง

เย่ฉูฉู่เห็นหล่อนเป็นแบบนี้ จึงกล่าวว่า “ฉันได้ยินว่าเธอทรมานตั้งสามวันสามคืนเลยเหรอ?”

“อือ ตอนที่เดินอยู่ในบ้านรู้สึกว่าจะคลอดแล้ว ใครจะไปคิดว่าจะทรมานนานขนาดนั้นกว่าจะคลอด คลอดลูกคนนี้ออกมาแทบจะพรากครึ่งชีวิตของฉันไปเลย” เฮ่อซงจือพูดถึงก็ถอนหายใจออกมา หล่อนกล่าวว่า “ตอนนี้ดีขึ้นหน่อยแล้ว ตอนที่เพิ่งคลอดเมื่อ 2-3 วันก่อน หมดคำจะพูดจริง ๆ!”

แม้ว่าเย่ฉูฉู่จะเตรียมใจไว้ก่อนแล้ว แต่เมื่อได้ยินแบบนี้ก็แอบใจสั่นอยู่เหมือนกัน

เฮ่อซงจือไม่ได้อยากทำให้เย่ฉูฉู่กลัว แต่หล่อนก็หวังว่าเย่ฉูฉู่จะเตรียมใจไว้ อย่าให้เหมือนหล่อนที่ตอนนั้นถึงกับหมดสภาพไปไม่น้อยเลย

“ทางที่ดีที่สุดคือเดินให้เยอะ ๆ แบบนี้จะช่วยให้ลูกคลอดเร็วขึ้น แล้วก็อย่ากินของอร่อยมากเกินไปนะ ลูกตัวใหญ่แล้วจะคลอดยากมาก” เฮ่อซงจือเล่าประสบการณ์การคลอดลูกของหล่อนให้เย่ฉูฉู่ฟังจนหมด

เย่ฉูฉู่เองก็นั่งฟังเช่นกัน เธอแอบไม่มีกะจิตกะใจจะรับประทานบะหมี่มงคลมื้อนี้แล้ว

“น้องสะใภ้หกเป็นอะไรไป?” พี่สะใภ้สามจ้าวถามอย่างเป็นกังวล “ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

เย่ฉูฉู่ส่ายหน้า “พี่สะใภ้สาม ฉันไม่เป็นไรค่ะ ก็แค่ได้ยินเรื่องที่ซงจือเล่าให้ฟังเกี่ยวกับความทรมานตอนคลอดลูกน่ะ”

พี่สะใภ้สามจ้าวจึงเข้าใจได้ หล่อนอธิบาย “คลอดลูกก็เป็นแบบนี้แหละ ถึงเวลานั้นแค่ไปโรงพยาบาลก็พอแล้ว ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล เธอก็หาเวลาตอนที่ยังไม่คลอดเดินให้เยอะ ๆ นะ ถึงเวลานั้นจะได้คลอดเร็ว ๆ ซงจือก็แค่ตื่นเต้นน่ะ ดังนั้นกว่าจะผ่านไปถึงได้รอนานขนาดนี้ เธอปล่อยใจให้สบาย จะไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น”

เย่ฉูฉู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยความสับสนว่า “พี่สะใภ้สาม ตอนที่คลอดลูก จะเกิดปัญหากลั้นไม่อยู่อะไรพวกนั้นด้วยใช่ไหมคะ?”

พี่สะใภ้สามจ้าวส่ายหน้า “ไม่นะ ตอนนั้นรู้สึกเจ็บ จะมีเรื่องแบบนี้ได้ยังไงล่ะ? เพราะทุกคนก็ต้องขับถ่ายออกก่อนอยู่แล้ว แต่ตอนที่คลอดก็อาจจะมี เพราะออกแรงมากเกินไป บางคนก็อาจจะขับถ่ายออกมาพร้อมกันด้วย!”

เย่ฉูฉู่ไม่เคยคลอดลูกมาก่อน อันที่จริงเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้จริง ๆ

เธอเองก็ได้ยินเฮ่อซงจือพูดแบบนี้ ตอนที่เฮ่อซงจือพูดดูเขินอายมาก บอกว่าตอนนั้นขายหน้าสุด ๆ เลย

เย่ฉูฉู่ได้ยินก็แอบเป็นกังวล

พี่สะใภ้สามจ้าวปลอบใจ “น้องสะใภ้หก เธออย่าคิดมากเลย คลอดลูกเป็นเรื่องเฉียดตายเรื่องหนึ่งเลยนะ ขอแค่แม่และเด็กปลอดภัย สิ่งนี้ล้วนสำคัญกว่าเรื่องอื่น ๆ ไม่มีใครหัวเราะทั้งนั้นแหละ อีกอย่างแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ตอนแรกฉันก็ไม่ได้มีปัญหานั้น ตอนที่คลอดหม่าต้านกับเอ้อร์หยาก็คลอดออกมาได้อย่างราบรื่น ส่วนพี่สะใภ้ใหญ่กับสะใภ้สี่ก็ไม่ได้มีปัญหานี้เหมือนกัน ทุกคนต่างก็คลอดในบ้าน ฉันเองก็อยู่ช่วย ฉันคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือต้องเดินเยอะ ๆ เรื่องนี้สำคัญนะ”

เย่ฉูฉู่พยักหน้า เพราะคำพูดของพี่สะใภ้สามจ้าวจึงทำให้เธอได้รับคำปลอบใจไปไม่น้อย

……………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

การคลอดลูกนี่มันก็ทรมานอยู่เหมือนกันนะคะ แม่ของผู้แปลเคยเล่าว่าก่อนจะคลอดก็เจ็บท้องยาวข้ามวันข้ามคืนเหมือนกัน

ฉูฉู่ทำใจให้สบาย ๆ อย่าไปกังวลค่ะ เดินออกกำลังกายเยอะๆ จะได้แข็งแรงมีแรงเบ่งคลอด

ไหหม่า(海馬)