ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 276
หนี่หรงหมุนตัวกลับออกไป และมิรู้ว่าไปเอาเครื่องแต่งกายสตรีจากที่ใดมาให้นางกัน “นี่เป็นชุดของแม่นางโหรวเอ๋อ คุณหนูใหญ่ลองสวมดูก่อนได้ขอรับ”
มู่หรงเจี๋ยเรียกสาวใช้นางหนึ่งเข้ามา ออกคำสั่งไป “เจ้าช่วยใส่ยาแก้น้ำร้อนลวกให้นาง”
จื่ออันเอ่ย “ไม่ ไม่ต้องให้นางช่วยข้า”
มู่หรงเจี๋ยใบหน้าโกรธจัด “ไม่ให้นางช่วยเจ้า หรือต้องการให้ข้าเป็นคนช่วยเจ้ารึ? ข้าไม่แตะต้องสตรี ทางที่ดีเจ้าอย่าพยายามเลยดีกว่า”
บนหน้าผากจื่ออันปรากฏเส้นสีดำ กัดฟันเอ่ยตอบ “ข้าทำเอง!”
พูดจบจึงหันหลังกลับเข้าไปหลังฉากบังลม เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยตนเองอย่างไม่เร่งรีบ ถอดออกแล้วจึงวางลงบนพื้น
หนี่หรงหน้าแดงก่ำแล้วเดินออกไป!
หน้าท้องปรากฏรอยแดง โชคยังดีที่มีเสื้อผ้าปกคลุมอยู่ น่าจะไม่เกิดแผลพุพองขึ้น แต่ที่หลังมือนั้นไม่ได้โชคดีเช่นนั้น ผิวหนังเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงดำคล้ำ มองดูคล้ายจะพุพองขึ้นมา
“เป็นยังไงบ้าง?” จู่ ๆ ก็มีเงาคนปรากฏขึ้นอีกด้านของฉากบังลม จื่ออันตกใจจนต้องนำเสื้อมาปิดปังทรวงอก มองไปยังเขาอย่างหวาดกลัว
“เอะอะโวยวายอะไรกัน? บาดแผลหนักหนาหรือ?” มู่หรงเจี๋ยยื่นมือออกไปดึงฉากกั้นแต่งตัวของนางออกมา สายตาตกลงที่ด้านหน้าของกายนาง ดวงหน้าเขาดูตกตะลึง หลังจากนั้นจึงเอื้อมมืออกไปราวกับต้องการจะค้นหาอะไรบางอย่าง “สิ่งนี้ของเจ้า ดูแปลกจริง”
ใบหน้าจื่ออันดูไร้อารมณ์มองมายังเขา ตอนนี้ยังคงปลอดภัยอยู่ ยังไม่ได้เดินเข้าไปในที่สายตาสามารถมองเห็นได้
“โอ้ แดงแล้วหรือ?” มู่หรงเจี๋ยหยิบยาทาแผลพุพองมา เอื้อมมือออกไปทาบางส่วนบนมือ แล้วทาไปยังหน้าท้องแดงด้วยใบหน้ารังเกียจ
ปลายนิ้วมือเขาขรุขระหยาบ เดิมแผลพุพองก็เจ็บมากพอแล้ว เขาละเลงลงไปเยี่ยงนี้ ทำให้นางเจ็บยิ่งขึ้นไปอีก
“ใบหน้าซีดเหลือง ผอมบาง หน้าท้องแม้แต่เนื้อสักนิดก็ไม่มี มองดูเพียงแวบช่างน่าอับอาย สตรีจะต้องมีเนื้อกลมสักเล็กน้อยจึงจะดูดี ผอมจนติดกระดูกพาออกไปข้างนอกทำให้ข้าอับอาย เจ้าต่อไปวันนึงกินสักหกมื้อ ทุกมื้อจะต้องมีเนื้อ กลับไปข้าจะคุยกับแม่นมหยางสักหน่อย ให้นางจ้องมองตอนเจ้ากินข้าว”
“ยังมี ผู้หญิงที่ยังไม่ออกเรือน ทั้งเรือนร่างมีแต่รอยแผลเป็น มองดูน่าตกใจ พาออกไปข้างนอกยังจะเจอหน้าผู้คนได้อีกหรือ? กลับไปข้าจะไปสำนักหมอหลวงหายาลดรอยแผลเป็นให้เจ้าสักหน่อย ทักษะการแพทย์ของหมอเหล่านี้ไม่ค่อยเท่าไหร่นัก แต่ทำของพวกนี้ออกมายังพอใช้ได้อยู่”
จื่ออันใบหน้ายังคงไร้ซึ่งอารมณ์ “ข้าปกติออกไปข้างนอกนั้นสวมใส่เสื้อผ้า ไม่มีผู้ใดมองเห็นรอยแผลบนกายข้าได้”
“ไม่แน่ว่าวันนึงเจ้าอาจจะโดนคนของจวนมหาเสนาบดีบีบบังคับจนบ้า มีเพียงแค่ร่างเปล่าก็วิ่งออกไปยังท้องถนนซะแล้ว รอยแผลบนกายเจ้ามิทำให้ข้าขายหน้าไปด้วยรึ?” มู่หรงเจี๋ยหยุดพูดไปครู่นึง นิ้วมือก็มิได้หยุด ค่อย ๆ ทาไปทีละชั้น ราวกับรู้ว่านางเจ็บ แรงก็ลดน้อยลงมาก
จื่ออันอยากจะกระชากปากของเขานัก ทำไมถึงได้มีคนพูดจาทำร้ายคนยิ่งนัก? ช่างทำลายบรรยากาศซะจริง!
“เจ้าอย่าทำหน้าไม่ยินยอมเยี่ยงนี้ เรื่องในวันนี้ เป็นเจ้าที่ก่อเรื่องขึ้น!”
จื่ออันโมโหเป็นอย่างมาก “เป็นข้าที่ก่อเรื่องรึ?ข้ารอท่านกลับมาอยู่ในห้องนี้ดี ๆ จนทำข้าบาดเจ็บทั้งกาย เป็นข้าที่หาเรื่องเองรึ?”
ดวงตาของมู่หรงเจี๋ยเผยแสงส่องประกาย เริ่มต้นพูดออกมาในแบบฉบับของผู้สำเร็จราชการแทนองค์จักรพรรค์ “บาดแผลพุพองบนกายเจ้านั้นมีสาเหตุสองประการด้วยกัน สาเหตุแรกเป็นเพราะข้าแน่นอน ดังนั้นข้าจะข้ามไปพูดถึงสาเหตุที่สองเลย พระสนมซุนมาหาเจ้าที่นี่ เจ้าใช้สะโพกผอมแห้งของเจ้าคิดก็คิดได้ว่านางคงจะไม่ได้มาดีเป็นแน่ หากเจ้าไม่อยากเผชิญหน้ากัน เจ้าหลบซ่อนไม่ได้หรือ? หากเจ้าหลบซ่อนไม่ได้ แล้วเจ้าไม่รู้จักป้องกันหรือ? ป้องกันไม่ได้ยังไม่รู้จักโต้กลับ? นางสาดชาถ้วยแรกให้เจ้านั้น เจ้าก็ควรจะโยนกาน้ำชากลับไป เจ้ายังโง่รอนางโยนถ้วยชามาแล้วโยนกาน้ำชาต่ออีก ในสมองเจ้าคงจะมีแต่หญ้า? เจ้าโง่เยี่ยงนี้ ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเจ้ามีชีวิตรอดอยู่ในจวนมหาเสนาบดีได้เยี่ยงไร”
จื่ออันรู้สึกว่าเขาที่เงียบงันเย็นชายังจะดีกว่าคนที่พูดบ่นพล่ามเหมือนดังคนแก่ชราอย่างไรอย่างนั้น ช่างทำให้ผู้คนโกรธเคือง แต่ระบายออกมามิได้
เมื่อทายาเสร็จแล้ว เขาเช็ดมือแล้วเช็ดมืออีก ใบหน้าแสดงความไม่ชอบใจพร้อมเอ่ย “ยังไม่รีบใส่เสื้อผ้าอีก รอข้ามองเจ้าหรือไร?ไม่มีอะไรน่ามองเลย ผอมแห้งเกินไป!”
จื่ออันเร่งรีบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย เหลือบตามองเขาแวบนึง ภายในใจคิดว่าต้องมีวันนึงที่จะเอาความภาคภูมิใจของเขา เอามันโยนลงพื้นแล้วเหยียบมันซะ
หลังงจากออกไปแล้ว จื่ออันถือกล่องยานั้นอยากที่จะออกไป มู่หรงเจี๋ยก็ส่งเสียงคำราม “เจ้าจะไปไหนกัน ยังไม่รีบมาช่วยข้าจัดการบาดแผลอีก?”
หลิวหลิ่วเจ้าอยู่ที่ไหนกัน? รีบมา ข้าอยากเรียนรู้กลเม็ดจากเจ้า!