บทที่ 38 มันจบแล้ว
หวังเถิงเฟยในเวลานี้เสียสติสัมปชัญญะไปหมดแล้ว
เขาไม่อยากอยู่ต่อหน้าเพื่อนร่วมคลาสแล้วถูกไอ้ขยะเย่เฉินนั่นบดขยี้
จากนั้นเขาก็มุ่งมั่น เอาชุดประทัดจากมือของหวังเต้าคุน แล้วโยนมันเข้าไปในรถของตัวเอง
หลังจากนั้น เขาหยิบไฟแช็กขึ้นมา จับฟิวส์ของประทัด แล้วพูดเสียงเย็นชาว่า “พวกนายดูฉันให้ดี! ฉันไม่ใช่คนที่แพ้ไม่เป็น! ไม่ต้องขอความเห็นใจจากเย่เฉิน!”
พูดอย่างนั้นแล้วเขาก็จุดไฟทันที!
ประทัดระเบิดในฉับพลัน ระเบิดกระจุยกระจายในรถ!
ตอนแรกยังสามารถเห็นแสงไฟในรถ แต่ในไม่ช้า ในรถก็เต็มไปด้วยควันสีขาว เสียงประทัดระเบิดดังต่อเนื่อง ทำให้ในหัวใจของหวังเถิงเฟยกระอักเลือด แต่ทำให้นักเรียนที่มุงดูสนุกสนานตื่นเต้นกันมาก
นักเรียนหลายคนเอาโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่ออัดคลิปวิดีโอไว้อยู่นานแล้ว เตรียมรอจะโพสต์ทุกขั้นตอนลงติ๊กต็อกในไม่ช้า เพื่อให้ชาวเน็ตได้เห็นการแสดงที่หาดูได้ยากนี้
ประทัดสามหมื่นนัดยังคงระเบิดอยู่อย่างต่อเนื่อง ระเบิดเบาะที่นั่ง BMW540 อย่างรวดเร็ว ที่นั่งภายในเต็มไปด้วยฟองน้ำจำนวนมาก ทุกอย่างล้วนเป็นวัตถุไวไฟ ด้วยการเผาไหม้ของประทัดดินปืน เปลวไฟก็สว่างวาบขึ้นทันที
ทุกคนไม่คาดคิดว่าประทัดจะทำให้รถติดไฟได้ และควันสีขาวคละคลุ้งเต็มไปหมด ไม่มีวี่แววว่าจะเกิดไฟไหม้เลย
แต่ว่าจนเมื่อประทัดเกือบจะระเบิด เมื่อควันเริ่มกระจาย เปลวไฟภายในก็ปะทุขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทันใดนั้นรถทั้งคันก็จมในทะเลเพลิง!
เพื่อนร่วมคลาสในเหตุการณ์ต่างส่งเสียงร้องตกใจ หวังเถิงเฟยโพล่งออกมาด้วยความหวาดกลัว “แม่งเอ๊ยดับไฟสิ ดับไฟเร็ว!”
เขาคิดว่าอย่างมากประทัดก็ระเบิดแค่เบาะที่นั่ง ภายในถูกระเบิด ตนเสียค่าใช้จ่ายไม่กี่หมื่นมันก็ไม่มาก ถึงขั้นหลายแสนเอาไปฟื้นฟูรถก็สามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้
แต่ไม่คิดเลยสักนิดว่าประทัดจะทำให้ไฟไหม้รถ!
เขาตะโกนให้ดับไฟ แต่ไม่มีใครมีวิธีช่วยเขาดับไฟในรถได้ เขารีบโทรหา 119 เอง จากนั้นก็มองรถคันโปรดไฟลุกโชนโหมกระหน่ำขึ้นเรื่อยๆ อย่างสิ้นหวัง จนในที่สุดก็จมลงไปในทะเลเพลิง
เมื่อรถดับเพลิงมาถึง BMW540 ก็ไหม้จนเหลือแต่โครงแล้ว
จากโครง ถึงขั้นมองไม่ออกด้วยซ้ำว่ามันเคยเป็น BMW
หวังเถิงเฟยล้มลงกับพื้น มอง BMW ที่รักของเขากลายเป็นขี้เถ้าด้วยความสิ้นหวัง หัวใจเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเหลือคณานับ
ถ้ารู้ก่อนว่าจะเป็นแบบนี้ ให้ตายยังไงก็จะไม่เริ่มไปท้าทายเย่เฉินและขอแข่งกับเขา
มันไม่เพียงแต่จะเสียหน้า แต่ยังเสียรถด้วย…
บนใบหน้าหวังเต้าคุนไม่มีการแสดงออก แต่ในใจรู้สึกขำมาก ยกนิ้วโป้งให้เย่เฉินเงียบๆ
จากนั้นเขาก็พูดกับหวังเถิงเฟยว่า “เถิงเฟย คุณก็อย่าเศร้าไปเลย ใกล้ถึงเวลาแล้ว ทำไมเราไม่ไปทานอาหารกันก่อนล่ะ”
ตอนแรกหวังเถิงเฟยคิดหาเหตุผลที่จะจากไป แต่ลองคิดดูดีๆ แบบนี้มันง่ายเกินไปสำหรับไอ้สารเลวเย่เฉิน!
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เพราะเย่เฉินรถของตนถึงได้เป็นขยะ ดังนั้นสนามนี้ ตนต้องเอาคืนถึงจะพอ!
ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นยืน และแสร้งพูดอย่างใจเย็นว่า “ฉันมีอะไรที่ต้องเศร้า ยินดีเล่นพนันก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ่เท่านั้น”
เพื่อนร่วมคลาสหลายคนก็ทยอยเข้ามาคล้อยตาม “พี่เฟยรวยขนาดนี้ BMW จะสำคัญอะไรล่ะใช่ไหม”
“ใช่ อย่างที่พี่เฟยพูดมา มันก็แค่รถขนส่งทั่วไป”
ทุกคนรู้ว่าหวังเถิงเฟยต้องการหน้า จากนั้นจึงไม่พูดถึงเรื่องพวกนี้อีก ตามหวังเต้าคุนไปเตรียมความพร้อมสำหรับพิธีเปิด
……
ที่ร้าน ในห้องโถงมีโต๊ะหลายตัวตั้งไว้ บนเวทีเล็กๆ ข้างหน้า ยังมีแบนเนอร์แขวนปาร์ตี้ฉลองการเลี้ยงรุ่นเพื่อนร่วมคลาส และแบนเนอร์ฉลองการเปิดร้านอาหารด้วย
บรรดาเพื่อนร่วมคลาสมากมายทยอยกันให้ของขวัญ เย่เฉินหยิบภาพวาดโบราณที่เขาซื้อมาด้วย แล้วเดินไปตรงหน้าหวังเต้าคุนและพูดว่า “ยินดีด้วยนะเต้าคุง นี่คือของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากเราทั้งคู่”
เซียวซูหรันก็ยิ้มและพูดว่า “หวังเต้าคุน ยินดีด้วยนะ ขอให้คุณเงินทองไหลมาเทมา”
“ขอบคุณครับขอบคุณมาก” หวังเต้าคุนรีบเอ่ยขอบคุณ จากนั้นก็โน้มตัวเข้าไปข้างหูเย่เฉิน และพูดด้วยสีหน้าเบิกบาน “ฉันเห็นนายกับดาวห้องมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทแนบแน่นกันมาก ไม่เหมือนอย่างที่คนภายนอกพูดกัน เมื่อไรจะมีลูกล่ะ”
เซียวซูหรันได้ยินที่ทั้งสองคนกระซิบกัน จึงหน้าแดงอย่างช่วยไม่ได้ เย่เฉินจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นายหยุดนินทาได้แล้ว มีเมื่อไรฉันจะบอกนาย นายไม่ให้เงินไม่ได้นะ!”
“ได้เลยๆ” หวังเต้าคุนรีบพยักหน้าและพูดว่า “ถึงตอนนั้นฉันจะเอาซองแดงใหญ่ๆ ให้เด็กเลย!”
ขณะนี้ ดอกไม้ดอกหนึ่งที่แต่งหน้าเข้มจัด หญิงสาวหน้าตาธรรมดามาข้างๆ หวังเต้าคุน เปิดปากถามว่า “เต้าคุน สองคนนี้ใครเหรอ”
“คนนี้คือเพื่อนซี้มหาวิทยาลัยของผม เพื่อนสนิท เย่เฉิน! คนนี้เป็นดาวประจำมหาวิทยาลัยเราเซียวซูหรัน ตอนนี้เป็นภรรยาเย่เฉิน”
หลังจากหวังเต้าคุนแนะนำทั้งสองคนจบ มีการแนะนำผู้หญิงข้างกายด้วยว่า “คนนี้คือคู่หมั้นของฉัน หลิวลี่ลี่”
“ฮะ? เขาก็คือคนที่เกาะผู้หญิงกิน…”
หลิวลี่ลี่โพล่งออกมา แต่ในไม่ช้าก็ได้สติว่าพูดไม่ดีไป จึงรีบเปลี่ยนคำพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันได้ยินหวังเต้าคุนพูดถึงพวกคุณ ทั้งสองคนทั้งสวยทั้งหล่อเลยค่ะ!”
เย่เฉินแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ส่งภาพวาดโบราณให้หลิวลี่ลี่และพูดว่า “นี่คือน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากเรา”
หลิวลี่ลี่พูดด้วยรอยยิ้ม “โอ้ มาก็พอแล้ว ยังต้องให้ของขวัญอะไรล่ะคะ”
พูดแบบนั้นแต่กลับรีบยึดของขวัญไป
เย่เฉินพูดว่า “พวกคุณสองคนกำลังยุ่ง พวกเราไปหาที่นั่งก่อน”
“ได้” หวังเต้าคุนพูดขอโทษ “ขอโทษด้วยนะเย่เฉิน มีเพื่อนร่วมคลาสมากมายที่ต้องทักทาย”
ฝ่ายเย่เฉินกับเซียวซูหรันเพิ่งเดินไป หลิวลี่ก็รีบเปิดของขวัญของเย่เฉินทันที เมื่อพบว่าเป็นม้วนภาพวาดก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “ที่เพื่อนร่วมคลาสของคุณให้มาคืออะไร”
หวังเต้าคุนพูดว่า “มองไม่ออกเหรอ ก็ภาพวาดไง!”
“ชิ” หลิวลี่ลี่เบะปากอย่างดูถูก คลี่เปิดแล้วเหลือบตามองดูและพูดว่า “ของเส็งเคร็ง ทั้งเก่าทั้งเน่า ฉันเดาว่ามันมีมูลค่าแค่หนึ่งถึงสองร้อยหยวน”
หวังเต้าคุนพูดอย่างจริงจัง “คุณจะสนใจอะไรกับจำนวนเงิน เพื่อนร่วมคลาสให้มา สิ่งของเบาแต่หนักน้ำใจ”
หลิวลี่ลี่พูดว่า “ให้มันน้อยๆ หน่อย ฉันขอบอกคุณนะ ต่อไปเพื่อนร่วมคลาสแบบนี้สุงสิงให้น้อยลง ทั้งสองคนให้ขยะแบบนี้ ยังไม่พอจ่ายค่าอาหารที่พวกเขากินเลย!”
หวังเต้าคุนสีหน้าไม่พอใจ “หลิวลี่ลี่ คุณเป็นคนหัวสูงเลือกปฏิบัติขนาดนี้เลยเหรอ”
แล้วหลิวลี่ลี่ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “หวังเต้าคุน คุณพูดอะไร ฉันเป็นคนหัวสูงเลือกปฏิบัติงั้นเหรอ ถ้าฉันหัวสูงเลือกปฏิบัติจริง ยังจะหาคนยากจนอย่างคุณเหรอ คุณอย่าลืมนะ เงินส่วนใหญ่ในร้านอาหารนี้เป็นพ่อฉันลงทุน”
หวังเต้าคุนมีท่าทางค่อนข้างกระอักกระอ่วน แต่ฉับพลันก็ไร้คำพูดไร้คำตอบ
ตอนนี้ หวังเถิงเฟยเดินไปหาทั้งสองคน เขาฟื้นตัวจากเรื่องรถไหม้เมื่อครู่นี้มากแล้ว เริ่มแสดงท่าทางกร่างขึ้นมาอีกแล้ว
มาถึงหน้าทั้งสองคน เขายื่นส่งซองแดงหนาเตอะให้ตรงๆ และพูดเสียงบางเบาว่า “เต้าคุน นายเปิดร้านอาหาร ฉันก็ไม่รู้ว่าให้อะไรนายถึงจะเหมาะ จึงให้แค่ซองแดงซองใหญ่ง่ายๆ แก่นาย”
หลิวลี่ลี่ขอบคุณพร้อมกับรับมันไปด้วย มือบีบดูก็รู้ว่าอย่างน้อยต้องเป็นหมื่นหรือน้อยกว่าไม่เท่าไร จึงรีบพูดสอพลอทันที “พระเจ้า ขอบคุณจริงๆ ค่ะ”
หวังเถิงเฟยโบกมือและถามเธอว่า “ผมเห็นเมื่อครู่เย่เฉินก็มาให้ของขวัญแล้วเหรอ เขาให้อะไรครับ”
หลิวลี่ลี่ยิ้มเยาะและพูดว่า “ภาพวาดค่ะ ไม่รู้ว่ามันมาจากตลาดมือสองไหม เดาว่าก็แค่หนึ่งหรือสองร้อยหยวนล่ะมั้ง!”
หวังเถิงเฟยยิ้มอย่างเย็นชา “สุดท้ายยาจกก็คือยาจก!”