บทที่ 179 รังประหลาด!
เย่เทืยนกล่าว
เดิมทีเขาแค่ถามไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นไม่ได้คาดหวังว่าจะได้อะไรจากเสวียนเฟิงคิดไม่ถึงว่า
เสวียนเฟิงจะมีหนทางจริงๆ
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกสนใจขึ้นมา
“หากเป็นเวลาปกติฉันคิดว่ามันคงยากที่จะยืมตําราดาบของจักรพรรดิขวานสงครามได้แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาพิเศษ หากว่าสามารถทําผลงานมากมายแล้วละก็บางทีเขาอาจตอบรับคําขอของนายแต่เรื่องนี้ฉันคิดว่าเป็นไปได้ยากฉันว่านายเลิกคิดเถอะ”
เสวียนเฟิงเงียบไปครู่หนึ่งและกล่าวต่อ”อีกทางคือหากนายมีสมบัติที่ช่วยเพิ่มพลังวิญญาณได้อย่าว่าแต่ยืมเลย แม้แต่แลกเปลี่ยนกับทักษะดาบเล่มนั้นโดยตรงก็อาจจะทําได้หรือไม่ก็นํา
ตาราทักษะขวานระดับทองซักสองสามเล่มไปขอยืมแต่ทักษะขวานระดับทองนั้นหายากกว่า
ทักษะดาบจึงไม่ใช่เรื่องง่ายอีกวิธีคือการเป็นศิษย์ส่วนตัวของจักรพรรดิขวานสงครามหากทําได้นายย่อมมีสิทธิ์ที่จะยืมทักษะดาบเล่มนั้นแต่ตั้งแต่สามสิบปีก่อนหลังจากที่ศิษย์ส่วนตัวของ
จักรพรรดิขวานสงครามได้เสียชีวิตไปจักรพรรดิขวานสงครามก็ไม่ยอมรับศิษย์ส่วนตัวอีกเลยวิธี
สุดท้ายคือยาอายุวัฒนะใครก็ตามที่มีโอสถที่ช่วยเพิ่มอายุได้ก็สามารถแลกเปลี่ยนวิชาดาบเล่มนั้นไดโดยตรง ”
“อะไรนะยาอายุวัฒนะ?จักรพรรดิขวานสงครามต้องการยาอายุวัฒนะไปเพื่ออะไร?ระดับศักดิ์สิทธิ์ที่มีรากฐานที่สมบูรณ์แบบสามารถมีชีวิตอยู่ได้ 1,500 ปีและระดับจักรพรรดิมีอายุขัยอย่างน้อย 10,000 ปีจักรพรรดิขวานสงครามมีอายุยืนยาวมากทําไมเขาถึงต้องการเม็ดยาเพิ่มอายุขัย?”
เย่เทียนรู้สึกสับสนมาก
“เพื่อภรรยาของเขา!”เสวียนเฟิงอธิบายว่า”นี่เป็นความลับที่หลายคนไม่รู้แต่คนระดับสูงของ
ฐานจงไห่ต่างรู้กันดีภรรยาของจักรพรรดิขวานสงครามเป็นภรรยาที่แต่งงานก่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แต่น่าเสียดายแม้จักรพรรดิขวานสงครามจะมีพรสวรรค์อย่างมาก แต่ภรรยาของเขาไม่ได้โชคดีเช่นนั้นในตอนแรกมันเป็นเรื่องยากมากที่มนุษย์จะได้รับสมบัติเพื่อยกระดับพรสวรรค์จน กระทั่ง 50 ปีก่อนมนุษย์ค่อยๆได้รับสมบัติมากมายที่สามารถเพิ่มพรสวรรค์ได้ ด้วยเหตุนี้คนรุ่นใหม่เช่นเราถือว่าโชคดีมากแล้ว เราสามารถยกระดับพรสวรรค์หรือแม้แต่เพิ่มพรสวรรค์ได้ แต่สําหรับคนรุ่นเก่าแล้วมันยากเกินไป ดังนั้นเมื่อ 50 ปีก่อนผู้ฝึกยุทธที่มีพรสวรรค์ระดับไม่สูงมากนัก ค่อยๆหมดอายุขัยลงแต่จักรพรรดิขวานสงครามได้จ่ายเงินเป็นจํานวนมากเพื่อให้ภรรยาของเขามีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับปานกลางและในเวลานั้นภรรยาของเขาก็อายุมากแล้วความเร็วในการฝึกฝนของพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับกลางเจ้าก็รู้ดีว่ามันช้าเพียงใดในระหว่างนั้น
จักรพรรดิขวานสงครามได้มอบสมบัติล้ำค่ามากมายเพื่อยืดอายุของภรรยาของเขาจนถึงทุกวันนี้
ตอนนี้แม้ว่าพรสวรรค์ของภรรยาของเขาจะถึงระดับดาราแล้วแต่เธอยังคงอยู่ในขีดจํากัดของจอมยุทธ์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นไม่มีทางที่จะทะลวงเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ได้เพราะร่างกายของเธอนั้นแก่เกินไปหากเธอทะลวงเข้าสู่ระดับปรมาจารย์เส้นชีพจรลมปราณจะแตกเป็นเสี่ยงๆเธอจึงไม่ สามารถทะลวงผ่านได้นอกเสียจากว่าจะได้รับสมบัติที่พลิกผันความเยาว์วัยมิเช่นนั้นแล้วชีวิตนี้คงจะไร้ความหวัง ”
“เป็นเช่นนี้เอง!”
เย่เทียนรู้สึกเสียดายแทนจักรพรรดิขวานสงคราม
อายุที่มากเกินไปนั้นยากที่จะฝึกฝน แม้ว่าพรสวรรค์ของจะสูงส่งแค่ไหน แต่หากเขาอายุมากแล้วเขาไม่มีอนาคต ตัวอย่างเช่นเขาเองเคยพบชายชราคนในย่านพลเรือน
ชายชราคนนี้มีพรสวรรค์พิเศษมากมาย แต่เย่เทียนก็ไม่ได้ชักชวนเขาเพราะแม้ว่าชายชราคนนี้จะเข้าร่วมกับหอสวรรค์แต่ก็ไม่สามารถบ่มเพาะได้พลังชีวิตของชายชราคนนี้ใกล้จะหมดลงแล้วการฝึกยุทธ์ไม่เพียงแต่ไม่สามารถเพิ่มพูนพลัง ได้เท่านั้นแต่ยังบีบคั้นพลังชีวิตอีกด้วยทําให้พวกเขาต้องตายก่อนกําหนด
อายุเป็นข้อจํากัดที่ไม่อาจก้าวข้ามยิ่งอายุมากเท่าใดการฝึกฝนก็จะยิ่งยากขึ้นเท่านั้นหากไม่สามารถก้าวเข้าสู่ปรมาจารย์ในวัยเยาว์ได้ในอนาคตก็จะไม่มีศักยภาพอะไรแล้วรอจนแก่เฒ่าค่อยยกระดับพรสวรรค์มันก็สายไปแล้ว
จักรพรรดิที่แข็งแกร่งเช่นจักรพรรดิขวานสงครามยังไม่สามารถทําอะไรได้
แน่นอนว่าโลกนี้เต็มไปด้วยสมบัติมากมายบางทีเขาอาจจะมีสมบัติที่ช่วยพลิกผันความอ่อนเยาว์ได้แต่จักรพรรดิขวานสงครามก็ไม่เคยพบมันแต่สําหรับเย่เทียนนี่เป็นโอกาส
เพราะเขามียาอายุวัฒนะเม็ดหนึ่งที่ได้มาจากมิติวิหารแห่งแสงมันสามารถยืดอายุได้ 100 ปีเหตุผลที่จักรพรรดิขวานสงครามต้องการยืดอายุขัยของภรรยาของเขาไม่เพียงแต่ต้องการที่
จะอยู่กับภรรยาของเขาต่อไปแต่เขาต้องการเวลาเพื่อที่จะหาวิธีทําให้ภรรยาของเขาเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ในอนาคต
แม้ตอนนี้จักรพรรดิขวานสงครามไม่สามารถทําเช่นนั้นได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจักรพรรดิขวานสงครามจะไม่สามารถทําเช่นนั้นได้ในอีก 100 ปีข้างหน้า
“เมื่อภารกิจนี้เสร็จสิ้น เราจะไปหาจักรพรรดิขวานสงคราม!”
เย่เทียนตัดสินใจทันที
สําหรับเรื่องยาอายุวัฒนะ เขาไม่ได้กล่าวให้เสวียนเฟิงฟัง
ถึงแม้เสวียนเฟิงจะมีคุณธรรมไม่เลว ดูได้จากตอนที่อยู่ในมิติวิหารแห่งแสงเขาได้ไล่ล่าซุนชิง
เหอเพื่อราชาที่ถูกสังหาร แต่เย่เทียนก็ไม่ได้ไว้ใจเขา
เพียงไม่นาน
เย่เทียนและเสวียนเฟิงก็มาถึงเขตที่ 13
“เย่เทียนระวังตัวด้วย แม้ว่าความแข็งแกร่งของนายจะแข็งแกร่งกว่าฉันแต่นายอาจจะได้พบกับสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิได้ทุกเวลาหากเป็นระดับจักรพรรดิทั่วไปพวกเราสามารถรับมือได้แต่หากพวกเราต้องเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิที่มีพรสวรรค์พิเศษพวกเราจะต้องจบสิ้น
แน่!” เสวียนเฟิงกล่าวเตือนอย่างจริงจัง
“วางใจเถอะ มีฉันอยู่ พวกเราจะไม่เป็นไร!”
เย่เทืยนกล่าวด้วยความมั่นใจ
เสวียนเฟิงไม่รู้ว่าทําไมเย่เทียนถึงมั่นใจขนาดนี้ แต่เขาก็ยังกล่าวเตือนอีกครั้ง “ยังไงก็ต้องระวังเราจะตรวจสอบอย่างไร? จะไปพร้อมกันหรือแยกกันตรวจสอบ?”
“แยกกัน!”
เย่เทียนกล่าว
“ก็ดี หนึ่งคนหรือสองคนยังไงก็ไม่แตกต่างกันมากนักหากเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิที่ทรงพลังจริงๆการแยกกันเป็นเรื่องที่ดีกว่า!”
เสวียนเฟิงพยักหน้าเห็นด้วย
เย่เทียนรู้ว่าคําพูดของเสวียนเฟิงมีความหมายอย่างไร หากเขาได้พบกับสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิที่ทรงพลังจริงๆ อย่างน้อยเขาก็สามารถหนีรอดคนเดียวได้
แต่เย่เทียนมีแผนของเขาเขามีความลับมากเกินไป ถ้าแยกกันอย่างน้อยเขาก็สามารถใช้ทักษะของเขาได้อย่างเต็มที่
ฟุบ!
เย่เทียนและเสวียนเฟิงแยกทางกันสํารวจพื้นที่หมายเลข 13 ในสองทิศทาง
ภารกิจการสํารวจคือการยืนยันระดับและจํานวนสัตว์อสูรในภูมิภาคนี้ไม่ใช่การต่อสู้สิ่งแรกที่ควรทําคือการเก็บซ่อนกลิ่นอายแม้ว่าต้องเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรระดับต่ำเขาก็ไม่สามารถฆ่าพวกมันได้
“สัตว์อสูรชั้นยอดมากกว่า 100 ตัว!”
“สัตว์อสูรระดับราชาสามตัว!””พบสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์!”
สัตว์อสูรชั้นยอดและสัตว์อสูรระดับสูงนับหมื่นตัว!”
“พบรังสัตว์อสูรมีสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ประมาณสิบตัว และสัตว์อสูรระดับราชาหลายร้อยตัว
เย่เทียนรายงานข้อมูลที่เขารวบรวมมาทีละน้อย และเหตุผลที่เขาตรวจสอบมันได้อย่างรวดเร็ว
ก็เพราะเขาใช้การรับรู้มิติแม้แต่สัตว์อสูรที่หลับใหลอยู่ใต้ดินก็ไม่สามารถมันหลบการรับรู้มิติของเย่เทียนได้
วันเวลาผ่านไป พื้นที่ที่รับผิดชอบของเย่เทียนในบริเวณนี้ล้วนถูกตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วตอนนี้เอง
เสวียนเฟิงก็ส่งข้อความมา “เย่เทียน ฉันพบรังสัตว์อสูรที่แปลกประหลาด จิตสํานึกของฉันไม่สามารถรับรู้สถานการณ์ภายในได้สถานการณ์ในตอนนี้ยังไม่ชัดเจน นายมีวิธีอะไรไหม?”
“มี!”
เย่เทียนตอบ
จากนั้นเสวียนเฟิงก็บอกตําแหน่งของเขา เย่เทียนรีบตามไปทันที
หลังจากนั้นไม่นาน เย่เทียนก็มาถึงตําแหน่งที่เสวียนเฟิงอยู่
ในเวลานี้เสวียนเฟิงซ่อนตัวภายในต้นไม่ใหญ่และสายตาของเขาจ้องมองไปยังถ้ำตรงภูเขาอย่างเงียบ ๆ
ภายในถ้ำนี้มืดสนิท มีหินก้อนใหญ่ที่อยู่ตรงทางเข้าถ้ำมันปิดกั้นจิตสํานึกของพวกเขาได้แต่มักจะมีสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์เข้าและออกจากถ้ำของภูเขาลูกนี้อยู่บ่อยครั้ง
จากที่เห็น รังในถ้ำนี้ต้องไม่ธรรมดา
เมื่อเสวียนเฟิงเห็นว่าเย่เทียนมาถึงก็รีบส่งเสียงผ่านจิตสํานึกออกมา “อย่าเปิดกลิ่นอายรังนี้ไม่ธรรมดา!”