บทที่ 192 พวกสารเลว

The king of War

ผู้หญิงคนนี้เหยียดหยามฉินซีครั้งแล้วครั้งเล่า หยางเฉินเกิดแรงอาฆาตแค้นมาตั้งนานแล้ว

บนโลกใบนี้ ฉินซีและเสี้ยวเสี้ยวคือคนที่สำคัญที่สุดของเขา

สำหรับเฝิงเจียผู้หญิงประเภทนี้ ถ้าอดกลั้นมาโดยตลอด หล่อนคงจะได้คืบจะเอาศอก แม้กระทั่งทำเรื่องที่ยิ่งเกินกว่าเหตุออกมาอีก

หยางเฉินตบหน้าลงไปทีหนึ่ง ทุกคนต่างตกใจค้างแล้ว

ถึงแม้ในใจฉินซีจะรู้สึกตื้นตัน แต่กลับเป็นกังวลอย่างมาก โดยเฉพาะหยางเฉินลงมือตบเฝิงเจียไปแล้ว ถ้าเรื่องราวปลายบาน งั้นคงไม่ดีแน่

“แก แกกล้าตบฉัน!”

เฝิงเจียถลึงดวงตาโต ในลูกตาเต็มไปด้วยความโกรธเคือง

หยางเฉินรู้ว่าฉินซีกังวล จึงไม่ได้ถือสาหาความกับเฝิงเจียต่อ หยิบบัตรธนาคารใบหนึ่งออกมายื่นให้พนักงานที่รับผิดชอบบริการพวกเขาคนนั้น “เสื้อโค้ตตัวนั้น พวกเราซื้อแล้วกัน!”

เดิมทีฉินซีคิดจะซื้อให้หยางเฉิน แต่ก่อนหน้านี้เธอไม่รู้ว่าเสื้อโค้ตกันลมตัวนี้แพงขนาดนี้ ที่ตัวเธอรวบรวมขึ้นมาทั้งหมดก็ซื้อเสื้อโค้ตกันลมตัวนั้นไม่ไหว จึงได้แต่ให้หยางเฉินจ่ายเงิน

ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นผู้จัดการใหญ่ของซานเหอกรุ๊ป แต่ขึ้นมารับตำแหน่งได้ไม่ทันไร และพูดถึงเมื่อก่อน เงินเดือนของเธอส่วนมากถูกโจวยู่ชุ่ยรีดไถไปเกลี้ยง เดิมทีจึงมีเงินเก็บไม่มากนัก

ตอนที่ผู้จัดการร้านมองเห็นหยางเฉินหยิบบัตรทองดำใบหนึ่งออกมา หน้าตาตื่นตกใจเต็มที่

เขาในฐานะผู้จัดการร้านของแบรนด์Versaceที่Wanda สายตาแหลมคมจุดนี้ยังพอใช้ได้ ชายหนุ่มที่สามารถหยิบบัตรทองดำออกมาได้ เป็นไปได้หรือที่จะเหมือนเฝิงเจียบอกว่าไร้ความสามารถ?

“คุณผู้ชายครับ นี่คือบัตรสมาชิกทั่วโลกระดับสูงสุดของแบรนด์Versaceของพวกเรา ใช้บัตรสมาชิกใบนี้ซื้อสินค้าใดของแบรนด์Versace ลดได้สิบเปอร์เซ็นต์ครับ”

ทันใดนั้นผู้จัดการร้านหยิบบัตรสมาชิกสีทองอร่ามใบหนึ่งออกมา ยื่นให้หยางเฉินด้วยสองมืออย่างเคารพนอบน้อม

และไม่ใช่เพราะหยางเฉินซื้อเสื้อโค้ตที่ราคาเกือบสี่แสนตัวหนึ่ง แต่เป็นเพราะบัตรทองดำใบนั้นในมือของหยางเฉิน

หยางเฉินหัวเราะเล็กน้อย เก็บบัตรสมาชิกเอาไว้แล้ว “ขอบคุณครับ!”

“เชอะ!”

ในเวลานี้ เฉาเจี้ยนหัวเราะเยาะขึ้นทันที “หยิบบัตรใบหนึ่งออกมา คิดว่าแกจ่ายเสื้อเกือบสี่แสนได้จริงเหรอ?”

เขาไม่ได้มีตาแหลมคมขนาดนั้นเหมือนกับผู้จัดการร้าน อย่าพูดถึงเคยเห็นเลย แม้แต่ได้ยินยังไม่เคยได้ยินบัตรทองดำเลย ดังนั้นตอนมองเห็นหยางเฉินหยิบบัตรทองดำออกมา จึงคิดเอาเองว่าเดิมทีนั่นไม่ใช่บัตรธนาคาร

“ถ้าฉันเดาไม่ผิด เดี๋ยวรอตอนที่มาเตือนนายว่าวงเงินไม่พอ นายต้องพูดว่าขอโทษด้วยครับ ผมลืมบัตรเอาไว้ในบ้าน ครั้งหน้าค่อยมาซื้อ”

“หรือไม่ก็บอกว่าขอโทษจริงๆ ครับ ผมนึกขึ้นมาได้กะทันหัน เสื้อโค้ตตัวนี้ไม่ใช่แบบที่ผมชอบ พวกเราไปดูร้านอื่นดีกว่า”

“ฉันพูดไม่ผิดสินะ?”

เฉาเจี้ยนทำหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง เหมือนมองหยางเฉินทะลุปรุโปร่ง

ในใจเขาหงุดหงิดอย่างยิ่ง หยางเฉินมาเปิดโปงความจริงที่ทั้งตัวของเขาใส่เป็นของลอกเลียนแบบ แม้กระทั่งยังตบหน้าคู่หมั้นของเขาต่อหน้าสาธารณชนด้วย

ทุกอย่างนี้ เขาอยากให้หยางเฉินชดใช้คืนเป็นสองเท่า

เพียงแต่เดิมทีหยางเฉินไม่สนใจเขา ส่วนพนักงานในร้านเหมือนกำลังมองคนโง่อยู่ มองเขานิ่งๆ แวบหนึ่ง

เฉาเจี้ยนเพิ่งพูดจบ พนักงานขายที่รับผิดชอบบริการหยางเฉินและฉินซีเมื่อสักครู่นี้ก็ถือเสื้อโค้ตกันลมที่ห่อเรียบร้อยเดินเข้ามาแล้ว ยิ้มด้วยท่าทางเป็นมืออาชีพ มือทั้งคู่นำถุงใส่ของและบัตรทองดำยื่นให้หยางเฉิน

“คุณผู้ชายคะ จ่ายเงินสำเร็จแล้วค่ะ ภรรยาของคุณทั้งสวยทั้งสายตาเฉียบแหลม เสื้อโค้ตตัวนี้เหมาะสมกับคุณมากค่ะ เชื่อว่าคุณใส่ขึ้นมา ต้องหล่อมากแน่นอนค่ะ”

พนักงานขายพูดเป็นมาก หยางเฉินและฉินซีฟังขึ้นมา ในใจเบิกบานอย่างมาก

“นี่เป็นไปไม่ได้!”

ในเวลานี้เอง เฉาเจี้ยนร้องตะโกนด้วยหน้าตาโกรธเคือง “เขาเป็นแค่ลูกเขยสวะของตระกูลรั้งท้ายคนหนึ่ง จะซื้อเสื้อโค้ตราคาเกือบสี่แสนได้อย่างไรกัน?”

“ต้องเป็นนายแน่ พวกนายรู้จักกันมาก่อน เป็นพวกนายรวมหัวกันเอาไว้ จงใจแสดงละครต่อหน้าพวกฉัน ความจริงเดิมทีเขาไม่ได้จ่ายสักแดงเดียว ใช่หรือไม่?”

เฉาเจี้ยนยื่นมือชี้ผู้จัดการร้าน และชี้ไปยังหยางเฉิน จากนั้นสอบถามเสียงดัง

คนที่มุงดูเหล่านั้นมองเฉาเจี้ยนเหมือนกำลังมองคนโง่ มาถึงเวลานี้แล้ว ยังจะสงสัยฝ่ายตรงข้าม คือคนที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่กลัวโดยแท้จริง

ชั่วขณะนั้นสีหน้าผู้จัดการร้านอึมครึมมาก เอ่ยปากบอกโดยตรง “ผมเคยเจอคนที่ไม่รู้เรื่อง แต่ไม่เคยเจอคนที่ไม่รู้เรื่องและโง่เง่าขนาดนี้แบบคุณ เชิญคุณออกไปจากร้านพวกเราด้วย ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ!”

“นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? กล้าไล่ฉันออกไปเหรอ!”

เฉาเจี้ยนอับอายจนโมโห ตะโกนเสียงดัง “ฉันคือผู้จัดการฝ่ายโครงการของกวนเจิ้งกรุ๊ป บริษัทของพวกฉันร่วมงานการค้ากับWanda Plaza นายกล้าไล่ฉันไป เชื่อหรือเปล่าขอเพียงฉันพูดมาคำเดียว ก็สามารถทำให้ Wandaไล่ร้านแบรนด์Versaceของพวกนายออกไปได้?”

เฉาเจี้ยนในเวลานี้ ท่าทีก้าวร้าวถึงที่สุด

หยางเฉินมองคนโง่ที่ไม่รู้อะไรเลยคนนี้แบบตลกอยู่บ้าง เขาเคยเจอคนที่ฟุ้งเฟ้อ แต่ไม่เคยเจอคนที่ฟุ้งเฟ้อหนักขนาดนี้มาก่อน

แม้กระทั่งเขารู้สึกสงสัยว่าเดิมทีเฉาเจี้ยนคงไม่ใช่ผู้จัดการฝ่ายโครงการของกวนเจิ้งกรุ๊ป

กวนเจิ้งกรุ๊ป คือกิจการของตระกูลกวน

ส่วนตระกูลกวนได้ยอมอยู่ใต้อำนาจหยางเฉินแล้ว และพูดได้ว่าถ้าเฉาเจี้ยนเป็นคนของกวนเจิ้งกรุ๊ปจริง หยางเฉินโทรศัพท์เพียงแค่กริ่งเดียว ก็สามารถทำให้เขาสูญเสียทุกอย่างได้

สีหน้าผู้จัดการร้านดูแย่มาก เขาย่อมรู้เรื่องที่กวนเจิ้งกรุ๊ปร่วมงานกันกับWandaเป็นธรรมดา ถ้าWandaอยากให้แบรนด์Versaceออกไปจากที่นี่จริง ขอเพียงหาเหตุผลอะไรมาสักอย่าง ย่อมสามารถทำได้

เขาเป็นเพียงพนักงานเล็กๆ คนหนึ่ง ถ้าถูกไล่ออกไปจากWandaเพราะเหตุนี้ ถึงแม้สำหรับแบรนด์Versaceนั้น อาจจะไม่ถือว่าเสียหายอะไร แต่กลับเกี่ยวข้องถึงปัญหาศักดิ์ศรีของกิจการชื่อดังระดับนานาชาติ เขาคงแบกความรับผิดชอบไม่ไหว

“ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วสิท่า?”

เฉาเจี้ยนเห็นพนักงานร้านไม่พูดจา ชั่วขณะนั้นยิ่งมีท่าทีโอหังขึ้นอีก มองหยางเฉินด้วยหน้าตาได้ใจแล้วพูดว่า “ไอ้หนุ่ม นายกล้ามาตบผู้หญิงของฉัน ถ้านายไม่คุกเข่าลงมาขอโทษยอมรับผิด งั้นนายจะต้องเสียใจแน่นอน!”

“ฉันจะเสียใจอะไร?”

หยางเฉินถามอย่างเย็นชา

เฉาเจี้ยนมองฉินซีด้วยท่าทางมีเลศนัยแวบหนึ่ง และมองหยางเฉินอีกทีก่อนจะบอกว่า “นายน่าจะรู้ กวนเจิ้งกรุ๊ปเป็นกิจการของตระกูลกวน ฉันอยู่ที่บริษัท มีสิทธิ์พูดอยู่นิดหน่อย”

“พวกนายไม่ใช่คนของตระกูลฉินเหรอ? ถ้านายไม่คุกเข่าลงขอโทษ แค่ฉันโทรศัพท์ ก็ทำให้ตระกูลฉินพินาศย่อยยับได้!”

มองเฉาเจี้ยนดูท่าทางมั่นใจ หยางเฉินส่ายหน้า และไม่เสียเวลาอยู่กับพวกโง่เขลาคนหนึ่ง ต่อสายโทรศัพท์แล้ว

ไม่นานอีกฝ่ายรับสาย

“เจ้าบ้านกวน ผมอยากสอบถามหน่อย กวนเจิ้งกรุ๊ปของพวกคุณมีผู้จัดการฝ่ายโครงการที่ชื่อเฉาเจี้ยนหรือเปล่า?” หยางเฉินเอ่ยปากถาม

พอได้ยินดังนั้น กวนเจิ้งซานรีบบอกทันที “คุณหยางครับ ท่านรอสักครู่ ผมจะค้นหาให้ท่านเดี๋ยวนี้เลย ภายในห้านาที จะให้คำตอบท่านแน่นอนครับ!”

“ดี งั้นผมจะรอโทรศัพท์คุณ!”

หยางเฉินบอกไป

กำลังจะวางสายโทรศัพท์ กวนเจิ้งซานถามขึ้นฉับพลัน “คุณหยางครับ ไม่ทราบว่าคนคนนี้ที่ท่านพูดถึง ล่วงเกินท่านเข้าแล้วหรือเปล่าครับ?”

หยางเฉินหัวเราะนิ่งๆ “ไม่มีอะไร ก็แค่ที่ร้านVersaceของWandaทางนี้ เขาข่มขู่ให้ผมคุกเข่าขอโทษ ไม่อย่างนั้นจะให้ตระกูลกวนไปพังตระกูลฉิน!”

“ไอ้สารเลว!”

หลังจากกวนเจิ้งซานได้ยิน ชั่วขณะนั้นเข้าใจทันที เกือบโมโหจนแทบตาย พูดอย่างหงุดหงิด “คุณหยางครับ ถ้าเขาเป็นคนของกวนเจิ้งกรุ๊ปจริงๆ ขอเพียงเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับเขา ผมจะไล่ออกให้หมดเลย!”

“ดี!”

หยางเฉินพูดจบก็วางสายโทรศัพท์

“ฮ่าๆ ไอ้หนุ่ม นายไม่ไปเป็นนักแสดงเลยล่ะ น่าเสียดายจริงๆ ยังมาเจ้าบ้านกวน ทำไม่นายไม่บอกว่ารู้จักคนของแปดตระกูลแห่งเย็นตูด้วยล่ะ?”

เฉาเจี้ยนหน้าตาเย้ยหยันเต็มที่