บทที่ 955 มนุษย์ประหลาดในท่อน้ำทิ้ง

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

“ฉันก็เคยโดนไล่ตามมาหลายครั้งแล้วเหมือนกัน” ซน่าน่าบอก แล้วก็ใช้ปลายมีดชี้ไปที่ช่องท้องของมนุษย์ตะขาบ บอกว่า “แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีมีวิธีฆ่าพวกมันให้ตายในครั้งเดียวหรอกนะ…เห็นนี่ไหม? ถ้าโจมตีตรงนี้ ก็จะทำให้พวกมันตายได้ในทันที”

“อย่างนั้นเองหรอ…” หลิงม่อฝืนใจหันไปมอง เมื่อมองตามปลายมีดที่ชี้ลงไป เขามองเห็นอวัยวะภายในที่เบียดรวมกันเป็นก้อนตั้งแต่แวบแรก ถึงแม้จะมันจะดูไม่เหมือนของจริง แต่เมื่ออวัยวะภายในมากมายมากองรวมกันอยู่อย่างนี้ ก็ยังให้ความรู้สึกค่อนข้างน่าสะอิดสะเอียนอยู่ดี แต่ในขณะที่หลิงม่อกำลังจะเบนสายตาออกไป อยู่ๆ เขากลับสังเกตเห็นจุดที่ผิดปกติ

ตรงกลางอวัยวะกองนั้น เหมือนมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่…

“นี่มัน…”

อวัยวะภายในชิ้นหนึ่งที่ขนาดเท่ากำปั้นเด็กทารก แต่ข้างนอกกลับถูกห่อหุ้มไปด้วยของเหลวหนืดอย่างแน่นหนาหนึ่งชั้น กำลังเต้นอยู่ตรงนั้น…แต่เนื่องจากความถี่ในการเต้นห่างมาก ดังนั้นอาจมองข้ามไปได้ง่ายๆ หากไม่สังเกตดีๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ ว่านั่นต้องเป็นหัวใจของมนุษย์ตะขาบแน่นอน…

ถ้าไม่ได้เห็นกับตา หลิงม่อคงไม่เชื่อว่าหัวใจของคนสามารถวิวัฒนาการมาจนถึงขั้นนี้ได้…ส่วนในทรวงอกของมนุษย์ตะขาบ กลับมีอวัยวะอย่างอื่นอยู่แทน และเห็นชัดว่ามันไม่ใช่อวัยวะที่สามารถทำให้บาดเจ็บถึงตายได้…ดูจากสายตาของหลิงม่อ เขาไม่รู้กระทั่งว่าอวัยวะภายในพวกนี้มีหน้าที่อะไรบ้าง…

“เดี๋ยวก่อน…แล้วหัวของมันไม่ใช่จุดอ่อนหรอ?” หลิงม่อได้สติกลับคืนมาจากความตะลึงอย่างรวดเร็ว และนึกถึงฟางอิ๋งขึ้นมาทันที ซอมบี้ร่างแม่ตัวนั้นก็ไม่ได้มีหัวใจที่ปกติทั่วไปเหมือนกัน แต่หลังจากถูกระเบิดหัว เธอก็ตายทันทีทันใดเลยไม่ใช่หรอ?

ซย่าน่าส่ายหัว บอกว่า “น่าเสียดาย หัวไม่จุดอ่อนของมันจริงๆ แทนที่จะบอกว่าศีรษะของมันคือ “ส่วนหัว” สู้บอกว่าเป็น “ส่วนปาก” จะเหมาะกว่า”

เธอดึงเคียวดาบออกมา ยื่นมันเข้าไปในปากของมนุษย์ตะขาบแล้วกดสองสามที

คางที่หลุดออกจากตำแหน่งเดิมของมันพลันเคลื่อนไหวขึ้นมา ท่ามกลางสายตาทั้งสามคู่ ปากที่น่ากลัวสุดๆ อยู่แล้วของมันก็ยิ่งกว้างขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็อ้ากว้างจนถึงขั้นที่เหลือเชื่อ…พูดได้เลยว่า ถ้าหากถูกปากของมันกัดหัวเข้า เกรงว่าวินาทีถัดไปคงเหลือหัวอยู่แค่ครึ่งเดียวแล้ว

“เห็นแล้วใช่ไหมล่ะ” ซย่าน่าบอก

“ว้าว…” หลี่ย่าหลินยื่นมือของเธอออกไปและทำท่าเหมือนกำลังเปรียบเทียบ ฝ่ามือของเธอดูเล็กจิ๋วไปเลยเมื่อเทียบกับปากของมัน

ส่วนหลิงม่อได้แต่ปากอ้าตาค้าง พลางอุทาน “ฉิบหาย…”

“แต่ไม่ใช่ว่าพวกมันจะไม่มีจุดอ่อนเลยนะ” ซย่าน่าเงยหน้ายิ้ม บอกว่า “ไม่มีสติปัญญา นี่คือข้อเสียที่แย่สุดของพวกมัน พวกมันเป็นสัตว์ประหลาดที่อาศัยแค่สัญชาตญาณ ถึงจะแกร่งอีกแค่ไหน แต่ก็ยังถูกฉันจับเป็นได้ตัวหนึ่งแล้วไม่ใช่หรอ? และเพียงแค่ทำลายการตอบสนองทางจิตอันอ่อนแอของพวกมันซะ ก็ผ่าอกเปิดท้องพวกมันได้โดยที่พวกมันไม่สามารถขัดขืนอะไรได้เลย”

“ก็จริงนะ…” หลิงม่อเองก็เหมือนเพิ่งนึกได้ เขามัวแต่สังเกตโครงสร้างประหลาดของมัน แต่กลับไม่ทันได้คิดถึงจุดนี้…

“แต่ก็อย่าเพิ่งประมาทเชียวล่ะ…ที่ฉันต้องทำอย่างนี้ เพื่อให้พวกพี่เข้าใจและรู้จักมันให้มากที่สุด ฉันอุตส่าห์ทิ้งคำใบ้ไว้ให้ระหว่างทาง ทำไมพวกพี่ยังมุดเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้าอีกล่ะ?” ซย่าน่าเงื้อเคียวดาบและฟันฉับปลิดชีพมนุษย์ตะขาบตัวนั้น เสร็จแล้วก็หันมากลอกตาขาวใส่หลิงม่อ

“เธอบอกใบ้เรื่องแบบนี้ไว้ตอนไหนกัน!” หลิงม่อพูดไม่ออก

“เฮ้อ…แม้แต่เรื่องที่พวกมันสามารถเข้าออกได้ตามใจชอบก็ดูไม่ออกหรอ?” ซย่าน่าเองก็เบิกตากว้างด้วย เธอถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“เรื่องนี้ดูออก” หลี่ย่าหลินยกมือตอบอย่างดีอกดีใจ

“ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะรู้สิว่าพวกมันเก่งเรื่องการอำพรางตัว ดังนั้นทันทีที่มาถึงสถานที่อย่างนี้…”

“มันคนละเรื่องเลยเหอะ!”

หลังจากมั่นใจว่ามนุษย์ตะขาบตายแล้วจริงๆ หลิงม่อก็เงยหน้ามองไปยังสุดสายทางเชื่อมเส้นนี้

ทางเชื่อมอันยาวเหยียดดูมืดมิดและวังเวง มนุษย์ตะขาบพวกนั้นหายเข้าในทางเชื่อมเส้นนี้ตั้งนานแล้ว

“เร็วเข้า ถ้าหากพวกมันตามหาเหยื่อไม่เจอ ไม่นานพวกมันก็จะย้อนกลับมา” ซย่าน่ายืดตัวยืนค่อม พลางบอก

“ถ้าอย่างนั้นพวกเรา…”

“ตามฉันมา”

หลังจากที่ซย่าน่าพาพวกเขาวิ่งไปข้างหน้าระยะหนึ่ง ก็หันหน้ามุดเข้าไปในหลุมซีเมนต์มืดๆ หลุมหนึ่ง

หลุมซีเมนต์นั้นสูงประมาณครึ่งหนึ่งของมนุษย์ ความยาวน่าจะไม่เกิน 5 – 6 เมตร หลังจากที่ทั้งสามมุดเข้าไป พวกเขาก็เจอทางเชื่อมที่กว้างและสูงกว่าเดิม และปากหลุมซีเมนต์นั้นก็อยู่สูงจากพื้นทางเชื่อมเส้นดังกล่าวประมาณหนึ่งเมตร

ที่นี่มีแต่กลิ่นแปลกประหลาดตลบอบอวลไปทั่ว ท่ามกลางความเงียบมีเสียง “ติ๋ง” ดังขึ้นเป็นครั้งคราว หลังจากที่กระโดดออกจาหลุมซีเมนต์ หลิงม่อก็รู้สึกเหมือนตัวเองเหยียบอยู่บนพื้นที่มีน้ำขัง เมื่อมองไปรอบๆ ก็ค้นพบว่าทางเชื่อมเส้นนี้เต็มไปด้วยโคลนตม

“ฉันเจอที่นี่ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่เพื่อรอพวกพี่ ฉันเลยสำรวจได้แค่ส่วนหนึ่งและย้อนกลับไปตรงเมื่อกี้” ซย่าน่ากระโดดลงมาอย่างระมัดระวัง ขณะเดียวกันก็พึมพำอย่างรู้สึกโชคดี “ดีที่ใส่รองเท้าพื้นหนาไว้…รุ่นพี่ใส่ส้นสูงใช่ไหม? ดีแล้ว…”

“ฉันใส่…”

หลิงม่อเพิ่งจะอ้าปาก ก็ถูกซย่าน่าพูดแทรกด้วยรอยยิ้มหวาน “ไม่ใช่ร่างจริงก็ไม่ต้องถือสาเรื่องเล็กๆ แค่นี้หรอกเนอะ…บอกไว้ก่อน ว่าที่นี่เป็นท่อน้ำทิ้ง”

“…ขอบใจที่บอก” หลิงม่อตอบพร้อมมุมปากที่กระตุกยิกๆ พลางลอบคิดบัญชีในใจ… “รอให้ออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ คอยดูว่าฉันจะสั่งสอนเธอยังไง!”

“ตอนแรกฉันนึกว่าตัวเองอยู่ชั้นบนสุด ไม่คิดว่าปีนไปๆ จะมาอยู่ที่ท่อน้ำทิ้งอย่างนี้…”

ซย่าน่ายกมือทัดผมไว้หลังหู เผยให้เห็นดวงหน้าอ่อนเยาว์งามละเอียด รอยยิ้มของเธอสดใส “ถ้าเดินจากตรงนี้ไป ก็จะหนีสัตว์ประหลาดฝูงนั้นไปได้ แต่ว่า บนทางเส้นนี้จะมีสัตว์ประหลาดอยู่มากน้อยแค่ไหน ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ…” เธอหันไปมองหน้าหลิงม่อ แล้วพูดต่อว่า “พวกเราอาจค้นพบสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่เข้าแล้วก็ได้นะ…”

“สัตว์ประหลาด…”

“สาวงามในท่อน้ำทิ้ง…อ๊ะ ไม่ใช่สิ มนุษย์ประหลาดต่างหากล่ะ!” ซย่าน่าพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นสุดขีด “ความจริงถ้าคิดดูดีๆ พวกเราน่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วนะ! สำหรับซอมบี้ สถานที่มืดๆ อย่างนี้ให้ทั้งความรู้สึกปลอดภัย แถมยังสามารถไปโผล่ที่ไหนในเมืองก็ได้ด้วย! ถึงแม้ซอมบี้ส่วนใหญ่ล้วนใช้ชีวิตอยู่บนดิน แต่ก็ยังมีซอมบี้ที่เข้ามาอยู่ใต้ดินด้วยเหมือนกัน…ขอเพียงมีซอมบี้ตัวแรกตกลงมาในท่อที่ไม่มีฝาปิด มันก็สามารถกลายเป็นซอมบี้ร่างแม่ได้แล้ว!”

“รู้สึกเหมือนมันทะแม่งๆ อยู่นะ…”

แต่ตอนนี้ซย่าน่ากลับเดินนำหน้า “ไม่ว่าพวกพี่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ…หลังจากที่ค้นพบที่นี่ ฉันก็มีความรู้สึกนี้ขึ้นมา” น้ำเสียงของเธอค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นสุดขีด “บางทีใต้พื้นดินของโลกนี้ อาจถูกสิ่งมีชีวิตประเภทนี้ยึดครองไปหมดแล้วก็ได้ ไม่ใช่แค่เมือง X และไม่ใช่แค่มณฑลนี้ด้วย…พวกพี่รู้ไหมว่ามันหมายความว่าอะไร?”

อยู่ๆ ซย่าน่าก็หันหน้ามา ดวงตาของเธอเปลี่ยนสีไปอย่างเงียบงัน “ซอมบี้ไม่ใช่สัตว์ประหลาดเพียงหนึ่งเดียวอีกต่อไปแล้ว”

—————————————————————————–