หยางเฟิงหรี่ตาแล้วพูด “ไม่น่าล่ะ!เรื่องเล็กเล็กในจงโจวตระกูลอันดับสามก็กล้าที่จะกำเริบเสิบสานขนาดนี้ ดูท่าตระกูลเย่แห่งจงโจวนี่คงอยากรนหาที่ตาย!ได้ถือโอกาสนี้กำจัดพื้นที่สีเทาในเมืองเอกทิ้งพอดี!”
เขาตอบด้วยสายตาดุดัน “เสือขาว โยกย้ายองครักษ์มังกรมาอีก 30 คน!”
“ครับ ท่านแม่ทัพ!”
เมื่อเปล่งเสียงออกไป
เสือขาวก็ดำเนินหน้าที่อย่างเฉียบขาดรวดเร็ว รีบหมุนตัวหันออกไปเตรียมการทันที
หยางเฟิงจุดไฟที่บุหรี่หนึ่งมวน สูบแล้วเดินลงไป
เขากลับต้องการดูเสียหน่อย ว่าใครกันที่ไม่กลัวตายขนาดนี้กัน กล้าที่จะมาสร้างเรื่องยุ่งยากให้เขา?
……
หน้าประตู
อ๊า!
อ๊า!
อ๊า!
เสียงร้องอันน่าเวทนา
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสิบกว่าคน ทั้งหมดถูกเจี้ยนเฟิงจู่โจมจนล้มลงบนพื้น ต่างร้องโหยหวนกันไม่หยุด
สายตาเหยียดหยามของเจี้ยนเฟิงมองไปแล้วพูด “กล้าที่จะขวางทางฉัน ช่างไม่เจียมตัวเลยจริง ๆ!”
พูดประโยคนี้จบ
เขาก็เตรียมพาคนบุกเข้าไป
“หยุด พวกนายเป็นใคร?กลางวันแสก ๆ ก็กล้ามาต่อยตีคน ไม่กลัวว่าฉันจะแจ้งตำรวจเหรอ?”
ในเวลานี้ เย่เมิ่งเหยียนก็เดินออกมา ตวาดถามด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
เจี้ยนเฟิงมองไปยังเย่เมิ่งเหยียน ถามด้วยใบหน้าเย็นชา “เธอเป็นใคร?”
เย่เมิ่งเหยียนพูด “ฉันคือคนของตระกูลเย่แห่งตงไห่ เป็นผู้ดูแลสำนักงานสาขาเฟิงเมิ่งกรุ๊ปของเมืองเอก นายเป็นใคร?”
“ที่แท้เธอก็คือคนของตระกูลเย่แห่งตงไห่”
เจี้ยนเฟิงทำเสียงหัวเราะเยาะ “เธอฟังให้ดีนะ ฉันคือคนของท่านสาม ในครั้งนี้ก็คือต้องการให้พวกเธอตระกูลเย่แห่งตงไห่ไปให้พ้นเมืองเอก!”
“ท่านสาม?”
เย่เมิ่งเหยียนขมวดคิ้ว
เย่ซานที่อยู่ด้านข้าง อธิบายด้วยสีหน้าตื่นตระหนกทันที “ท่านประธาน ท่านสามคนนี้เป็นตัวพ่อของพื้นที่สีเทาเมืองเอก ในเมืองเอกไม่มีใครกล้ายุ่ง ดูท่าครั้งนี้พวกเราคงยุ่งยากแล้ว!”
เย่เมิ่งเหยียนได้ยินคำพูดนี้ ภายในใจก็กังวล
ฝ่ายตรงข้ามมีท่าทางข่มขู่ ไม่มีอะไรดีแน่นอน!
อีกทั้งคนของพื้นที่สีเทา ทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยการที่ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล เกิดขึ้นทีละอย่าง ตนเองควรจะทำอย่างไรดี?
หรือว่าเพิ่งจะตั้งหลักที่เมืองเอกได้ ก็ต้องกลับตงไห่แล้วเหรอ?
ในใจเย่เมิ่งเหยียน ไม่ยอมอย่างยิ่ง
“อยากให้ฉันไปให้พ้นเมืองเอก ได้สิ!แต่ก็ไม่รู้ว่านายจะมีความสามารถนี้ไหม?”
ในเวลานี้
หยางเฟิงพ่นควันบุหรี่ออกมากลุ่มหนึ่ง แล้วเดินเอ้อระเหยออกมาช้าช้า มองไปยังเจี้ยนเฟิงแล้วพูดเฉื่อยชา
มองเห็นหยางเฟิงออกมา
เย่เมิ่งเหยียนก็สบายใจขึ้น
หยางเฟิงอยู่ เย่เมิ่งเหยียนก็รู้สึกปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
“นายเป็นใคร?”
เจี้ยนเฟิงหรี่ตา ราวกับงูพิษจ้องมองไปยังหยางเฟิง
แต่ทว่า สีหน้าของหยางเฟิงกลับไม่เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย พูดอย่างเฉื่อยชา “ฉันชื่อหยางเฟิง!”
ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของเจี้ยนเฟิงก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
“นายก็คือเขยแต่งเข้าคนนั้นของตระกูลเย่แห่งตงไห่!”
หยางเฟิงยิ้มแล้ว “ทำไม?ตอนนี้ชื่อเสียงฉันดังขนาดนั้นเลยเหรอ!”
ชั่วพริบตาเดียว สีหน้าเจี้ยนเฟิงก็ดูไม่ได้กว่าปกติ ขี่หลังเสือแล้วลงไม่ได้
ตามการตรวจสอบของเขา
การตายของหวางหลง
การล่มสลายของตระกูลเย่แห่งเมืองเอก
ล้วนเกี่ยวข้องส่วนใหญ่กับหยางเฟิง
แม้แต่ท่านดำ ก็ถูกเขาทำร้ายจนบาดเจ็บไปแล้ว
นี่คือคนที่โหดเหี้ยมคนหนึ่ง!
หลังจากไตร่ตรอง เจี้ยนเฟิงก็พูดด้วยเสียงเย็นชา “หยางเฟิง ฉันเป็นตัวแทนของท่านสาม!นายรู้ไหมว่าท่านสามเป็นใคร!ฉันแนะนำนายทางที่ดีที่สุดให้นายไปให้ไปพ้นเมืองเอกอย่างเชื่อฟังซะ!”
“หึหึ ฉันคนนี้ เกลียดที่สุดคือการถูกคนอื่นใช้อำนาจคุกคามฉัน”
เสียงเปล่งออกไปแล้ว
หยางเฟิงก็ปล่อยหมัดออกไป
เจี้ยนเฟิงสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก
เขาคาดไม่ถึง
หยางเฟิงความเห็นไม่ตรงกัน ก็ลงมือทันที
“ไปตายซะ!”
เจี้ยนเฟิงเปล่งเสียงคำราม
เสียงเอะอะโวยวาย!
แสงสะท้อนของดาบสาดแวบมา
ดาบเล่มยาวด้านหลังของเขาจับอยู่ในมือ ใช้พละกำลังฟาดฟันลงไป
อีกอย่างเจี้ยนเฟิงไม่กล้าประมาท
แค่ลงมือก็ใช้พละกำลังทั้งหมด!
เสียงปัง ดังมากมายมหาศาล!
หยางเฟิงยังยืนอยู่ที่เดิมโดยสภาพสมบูรณ์ไร้บาดแผล
ดาบในมือของเจี้ยนเฟิง หล่นลงบนพื้น
ในขณะเดียวกัน ตัวเขาทั้งคนก็กระเด็นลอยออกไป
“แก……”
เจี้ยนเฟิงสีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
ยังพูดไม่ทันจบประโยค เลือดสด ๆ ก็พุ่งออกมาจากปาก