ตอนที่ 981 คุณไม่รู้จักระวังคู่กรณีของตัวเองไว้บ้างเลย

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

งานแต่งงานของหลินเหว่ยเซินจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่พร้อมคนดังมากมายที่ตบเท้าเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ถังหนิงคงไม่ใช่คนที่น่าสนใจที่สุด กระนั้นการเข้าร่วมงานของเธอย่อมถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง

 

 

อย่างไรก็ตามคนนอกไม่รู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของความบาดหมางระหว่างถังหนิงกับประธานฟ่าน จึงไม่มีใครคาดคิดว่าสงครามจะปะทุขึ้นที่งานแต่งงานนี้

 

 

อีกไม่นานงานแต่งงานของหลินเหว่ยเซินจะถูกจัดขึ้นที่โบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในปักกิ่งพร้อมนางแบบนายแบบและนักแสดงมากหน้าหลายตาที่เข้าร่วมงาน

 

 

เพื่อให้สมฐานะของงาน ถังหนิงปรากฏตัวในชุดกระโปรงยาวสีเบจ แม้ว่าเธอจะตั้งท้องได้เจ็ดแปดเดือนแล้ว ส่วนอื่นๆ ของร่างกายกลับไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เธอจึงยังคงดูเย้ายวนเหมือนอย่างเคย

 

 

ในวันนั้นประธานโม่อยู่ในชุดสูทสีดำซึ่งเสริมให้เขายิ่งดูสูงส่งยิ่งขึ้น เมื่อทั้งคู่ยืนเคียงข้างกันและกันจึงสร้างความฮือฮาอย่างไม่ต้องสงสัย

 

 

ลู่เช่อมาส่งทั้งสองที่โบสถ์ ในเวลานี้ด้านนอกคลาคล่ำไปด้วยเหล่าคนดัง

 

 

ถังหนิงแทบจะจำหน้าดาราหน้าใหม่ไม่ได้ แม้ว่าพวกเขาจะทำงานและประสบความสำเร็จในวงการนี้ก็ตาม

 

 

ทว่าเพียงเพราะเธอไม่ได้มองคนอื่น ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่มองเธอด้วยความอึ้ง

 

 

เธอคือถังหนิง… ถังหนิงผู้เก่งกาจ!

 

 

“ไม่ได้เห็นเธอมาหลายปีแล้วนะ คอยดูเถอะ…วงการนี้เป็นที่สำหรับคนหนุ่มสาวและคนที่อยู่รอด อีกไม่กี่ปีก็คงไม่มีใครจำชื่อเธอได้แล้ว” ศิลปินคนหนึ่งพูดกับคนข้างๆ “ตอนนี้เธอก็ได้แต่ใช้จู้ซิงมีเดียเพื่อรักษากระแสของตัวเองเอาไว้เท่านั้นแหละ”

 

 

“ไม่ว่าถังหนิงจะอยู่รอดไปได้อีกนานแค่ไหน เขาก็ยังดังกว่าเธออยู่ดีนั่นแหละ” น้ำเสียงเย็นเยียบดังก้องขึ้นด้านหลังพวกเธออย่างเย้ยหยัน

 

 

เมื่อหันไปมองก็พบกับซย่าหันโม่ก่อนหัวเราะขึ้น “ทำไมเธอยังออกตัวปกป้องถังหนิงอยู่ล่ะ ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะแฉเรื่องที่น่าอายที่สุดทุกอย่างของถังหนิงให้สาสมกับความเกลียดของฉันซะ”

 

 

“ฉันไม่เหมือนเธอไงล่ะ” ซย่าหันโม่ตอบ ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้สวนกลับเธอก็เอ่ยสำทับ “อย่างน้อยการโด่งดังได้เพราะเรื่องอื้อฉาวก็ยังนับว่ามีชื่อเสียง แล้วเธอล่ะ ไม่มีใครรู้จักชื่อเธอด้วยซ้ำ”

 

 

ซย่าหันโม่ยังคงปกป้องถังหนิงแม้ว่าเธอจะสูญเสียจู้ซิงมีเดียไปตลอดกาลก็ตาม

 

 

ตราบใดที่เธอยังอยู่ เธอจะทำทุกอย่างสุดความสามารถเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของถังหนิง

 

 

“คอยดูไปเถอะ”

 

 

ซย่าหันโม่ไม่ได้เก็บมาใส่ใจนัก อย่างไรเสียการมีชายผู้มั่งคั่งคอยหนุนหลังเธออยู่ก็นำมาซึ่งอำนาจในการแสดงจุดยืนของเธอ อย่างน้อยมันก็ทำให้กลายเป็นเรื่องง่ายดายเมื่อต้องจัดการกับหัวมันเล็กๆ เช่นนี้

 

 

ในไม่ช้าศิลปินตัวเล็กตัวน้อยก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง ภาพเช่นนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแขกเหรื่อมากมาย และพวกเขาล้วนเป็นคนในวงการบันเทิงทั้งสิ้น วงการที่เต็มไปด้วยกฎที่ใครๆ ก็รู้กันดี ดังนั้นกับคนบางคน การเล่นแง่กับฝ่ายศัตรูจึงเป็นสิ่งที่ทำกันเป็นปกติ

 

 

หญิงสาวที่มีปากเสียงกับซย่าหันโม่ก็เป็นหนึ่งในคนประเภทนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย

 

 

หลังจากลุกขึ้นจากที่นั่ง เธอไม่ได้ไปห้องน้ำอย่างที่หลายคนคิด กลับเดินไปหาบริกรและสั่งบางอย่างเอาไว้ เธอกำลังวางแผนร้ายอยู่

 

 

เธออยากจะเห็นว่าซย่าหันโม่จะยังเข้าข้างถังหนิงอยู่ไหมถ้าตัวเองต้องอับอายต่อหน้าทุกคน

 

 

 

 

แน่นอนว่าทุกครั้งที่เหล่าคนดังมารวมตัวในที่เดียวกันจะต้องมีคนที่หิวกระหายอยากได้กระแส แม้แต่หลินเหว่ยเซินยังรู้ในจุดนี้

 

 

ในขณะที่เธอมองหลินเหว่ยเซินโบกมือให้กับแขกพร้อมเจ้าสาวข้างกาย เธอก็อดซาบซึ้งใจไม่ได้

 

 

“ถังหนิง ประธานโม่… มาถึงสักทีนะ” หลินเหว่ยเซินเข้ามาหาหลังสังเกตเห็นหน้าท้องโย้ของถัง

 

 

หนิงที่ทำให้เธอเดินเหินไปมาได้ไม่สะดวกนัก

 

 

ฝ่ายเจ้าสาวดูยังเด็กอยู่มาก น่าจะอายุราวยี่สิบต้นๆ ได้ แต่ถังหนิงดูออกว่าหลินเหว่ยเซินรักหญิงสาวคนนี้มากเพียงไหน

 

 

“คุณเป็นคนเชิญฉันมาทั้งที จะไม่มาได้ยังไงล่ะค่ะ” ถังหนิงเอ่ยขณะที่โม่ถิงพยุงเธอลุกขึ้น

 

 

“คุณไม่รู้หรอกว่าวันนี้มีคนมากมายอยากเห็นคุณที่นี่แค่ไหน”

 

 

“พวกเขาน่าจะอยากเห็นข่าวของฉันมากกว่านะคะ” ถังหนิงว่าเสียดสี

 

 

“อีกอย่าง ผมมีเรื่องสำคัญที่อยากจะคุยกับคุณอยู่” หลินเหว่ยเซินหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋ากางเกงและยื่นให้ถังหนิง “ผมอยากแนะนำผู้ชายคนนี้ให้คุณน่ะ เขาหลงใหลในหนังไซไฟและประสบความสำเร็จด้านนี้มาบ้าง ผมว่าเขาอาจจะช่วยคุณได้”

 

 

ถังหนิงถือนามบัตรไว้ในมือก่อนส่งยิ้มให้หลังจากก้มมอง “ขอบคุณนะคะ คุณกำลังจะแต่งงานแต่ก็ยังคิดเรื่องช่วยฉัน”

 

 

“จากศิลปินทั้งหมดที่ผมเคยร่วมงานมา คุณเป็นคนที่ผมชอบและรู้สึกมีความหวังมากที่สุด ความจริงแล้วปกที่คุณถ่ายให้ทีคิวยังถูกใช้ขึ้นป้ายโฆษณาของเราอยู่เลยนะ เพราะผมอยากให้นางแบบคนอื่นรู้ว่าการเป็นนางแบบที่แท้จริงมันเป็นยังไง”

 

 

“ฉันเองก็ยังจำเรื่องที่คุณทำเพื่อฉันได้เหมือนกันนะคะ” ถังหนิงตอบ

 

 

เวลานี้เองที่หลินเหว่ยเซินพลันเอ่ยขึ้น “ถ้าอย่างนั้นถ้าผมมีเรื่องเดือดร้อนอะไร ผมจะไปขอความช่วยเหลือจากคุณแล้วกันนะครับ”

 

 

ถังหนิงยังคงส่งยิ้มให้เพราะเธอรู้ว่าเขามีบางอย่างที่ต้องการให้เธอช่วย และแน่นอนว่าในเมื่อเขาเคยทำเพื่อเธอ เธอจึงต้องตอบแทนความช่วยเหลือของเขา

 

 

ทว่าอยู่ๆ ถังหนิงก็รู้สึกแย่กับเรื่องนี้ขึ้นมา

 

 

ดูเหมือนโม่ถิงจะมองท่าทีไม่มั่นใจของเธอออกเขาจึงเอ่ย “คนเราเปลี่ยนกันได้ครับ บางทีคุณอาจไม่เคยรู้จักเขาจริงๆ เลยก็ได้”

 

 

“ช่างมันเถอะค่ะ ฉันจะคิดซะว่าเป็นการตอบแทนความช่วยเหลือของเขาแล้วกันค่ะ”

 

 

ด้วยเหตุนี้ งานแต่งงานจึงเริ่มไม่ชอบมาพากลนัก

 

 

เดิมทีเธอคิดว่าหลินเหว่ยเซินเชิญเธอมาเพื่อกระชับความสัมพันธ์

 

 

“คุณไม่รู้จักระวังคู่กรณีของตัวเองไว้บ้างเลย”

 

 

หลินเหว่ยเซินกับเจ้าสาวของเขากลับไปทักทายแขกคนอื่นๆ แต่พวกเขาก็ยังคงคอยวนเวียนรอบถัง

 

 

หนิงและโม่ถิง ก่อนที่เรื่องบางอย่างที่ทำให้ไม่สบายใจจะลอยเข้าหูถังหนิง

 

 

“ฉันได้ยินมาว่าเมื่อก่อนบรรณาธิการหลินสนิทกับถังหนิง นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องจริง”

 

 

“นอกจากคนที่จู้ซิงมีเดีย ฉันคิดว่าคุณคงเป็นคนเดียวที่ใกล้ชิดกับถังหนิงขนาดนี้…”

 

 

เมื่อได้ยินบรรดาแขกพูดเช่นนั้น ท่าทีของถังหนิงก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา ที่แท้หลินเหว่ยเซินก็กำลังใช้สถานะของเธอยกระดับตัวเอง

 

 

“เมื่อก่อนตอนที่คุณไม่ได้ดังและเป็นแค่นางแบบที่ไม่ได้สำคัญอะไร เขาช่วยคุณเพราะชื่นชมในความสามารถ แต่ตอนนี้คุณกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงวงกว้างในวงการ เป็นธรรมดาที่เขาจะเกาะกระแสคุณ เพราะคุณยังคิดเหมือนเมื่อก่อนเลยไม่ได้สังเกตว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว แล้วหลายสิ่งก็ไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก”

 

 

เมื่อได้ยินโม่ถิงเอ่ยแจง ถังหนิงก็พยักหน้ารับ “ฉันเข้าใจค่ะ แค่ยากที่จะยอมรับเท่านั้นน่ะค่ะ”

 

 

“ถ้าคุณไม่อยากอยู่ที่นี่ เราหาข้ออ้างออกไปได้นะครับ”

 

 

“ช่างเถอะค่ะ ในเมื่อฉันให้เกียรติเขามาร่วมงานแล้ว ฉันก็จะพยายามจนถึงที่สุดค่ะ ถ้ามันจะเลวร้ายไปมากกว่านี้ ฉันก็จะไม่ติดต่อกับเขาอีกแล้วกันค่ะ” ถังหนิงตัดสินใจ

 

 

เพียงแค่ก่อนพิธีจะเริ่มก็มีเรื่องยุ่งขนาดนี้แล้ว อะไรจะเกิดขึ้นหลังเริ่มพิธีและระหว่างงานเลี้ยงต้อนรับกันล่ะ

 

 

ว่ากันตามจริงก็ไม่อาจโทษหลินเหว่ยเซินที่ทำเช่นนั้นได้ อย่างไรเสียก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะฉกฉวยผลประโยชน์และหลีกเลี่ยงภัยที่จะเข้าหาตัวอยู่แล้ว

 

 

อย่างไรก็ตามในขณะที่ถังหนิงพยายามสงวนท่าทีของตัวเอง เสียงใครบางคนก็ตะโกนขึ้นมาท่ามกลางฝูงชนได้ดังขึ้น “เธอกำลังพยายามเต้นเปลื้องผ้าอยู่เหรอ”