สุดท้านอวิ๋นชิงก็หน้าด้านอยู่ต่อ เหตุผลที่อ้างคือเขาต้องเข้าฌาน เมื่อเข้าฌานแล้วย่อมไม่รบกวนเจ้าของบ้าน เขาจึงพาตัวเองย้ายเข้าพื้นที่เล็กๆในสวนของหลิวหลีได้สำเร็จ อีกทั้งยังเลือกจุดที่พลังปราณพฤกษาหนาแน่นแล้วจึงเริ่มฝึกฝนบำเพ็ญ ไม่ได้มีเหตุผลอะไรนอกจากว่าเขาเริ่มโดนยั่วยุเข้าแล้ว

ตอนที่หลิวหลียังเป็นราชาเทพก็สามารถเผาเส้นผมของเขาได้ ตอนนี้นางแหย่เขาเล่นได้ด้วยซ้ำ โชคดีที่เขายังไม่ถูกหลิวหลียั่วโมโห จึงอ้างว่าถูกทำร้ายจิตใจ แล้วจึงงอแงอาศัยอยู่กับหลิวหลีที่นี่

“ท่านพี่ หน้าของพี่ใหญ่อวิ๋นดูจะมีแนวโน้มจะกลายเป็นต้นไม้หนาๆไปทุกที ดูสิดู ทำไมข้าถึงดูไม่ออกเลยว่าพี่ใหญ่อวิ๋นได้รับบาดเจ็บตรงไหน” หลิวหลีมองอวิ๋นชิงที่ทำตัวเป็นราวไม้ประดับในสวนของนางอย่างพูดไม่ออก คนผู้นี้ใช้เวลาในตอนที่พวกเขาเข้าฌานฝึกฝนความหนาบนใบหน้าตัวเอง

“ข้าก็เหมือนกัน เพียงแต่เขาตั้งใจมาเกาะพวกเราอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก แถมตอนนี้บังเอิญได้ข้ออ้างมาพอดี” หนานกงเวิ่นเทียนไม่พอใจ มีผู้ชายมาอยู่ในบ้านนี่มันเรื่องอะไรกัน

“เฮ้อ ช่างเขาเถอะ ตอนนั้นผู้อาวุโสป๋อเหยียนคงจะเมตตาข้า คิดว่าที่จัดที่พักของเราไว้ที่นี่ แถมที่จงใจพูดว่าอยู่ข้างๆที่พักของอวิ๋นชิงก็เพราะคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว อย่างไรเสียพืชเทพในสวนแห่งนี้ก็มีไอพฤกษาที่เข้มข้นมาก เหมาะแก่การฝึกบำเพ็ญของพี่ใหญ่อวิ๋น ที่เป็นว่าที่เทพพฤกษา อีกอย่างพลังของเขาก็ควรจะพัฒนาได้แล้ว” หลิวหลีกล่าว

“พอเจ้าพูดเช่นนี้ ข้าเลยรู้สึกว่าสวนแห่งนี้ถูกเตรียมไว้เพื่อเขา” พวกเขาคนหนึ่งเป็นธาตุไฟ อีกคนคือธาตุเหมันต์ ไอพฤกษาไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกเขา

“อาจจะไม่ใช่เช่นนั้น อาจเตรียมไว้ให้ข้าใช้ปรุงยา ข้ารู้สึกว่าหากข้าบรรลุขอบเขตจักรพรรดิเทพก็จะมองผู้อาวุโสป๋อเหยียนออก ตอนนี้ยังหาจากตำแหน่งนั้นอยู่” หลิวหลีพูด

“ชวีคังขอเข้าพบประมุขเทพอัคคีองค์จริง ได้โปรดให้ข้าเข้าพบด้วย”

“นี่มันน้องชายของสองพี่น้องนั่น น้ำเสียงฟังดูร้อนใจมากทีเดียว” หลิวหลีรู้สึกชื่นชอบพี่น้องจิ้งคังอยู่มาก

หนานกงเวิ่นเทียนขยับมือ แล้วประตูก็เปิดออก

ชวีคังอุ้มร่างที่ใบหน้ามีรอยสีดำม่วงเนื้อตัวเหม็นไหม้ส่งกลิ่นเหม็นจนคนอื่นทนดูไม่ไหว

“ประมุขเทพอัคคีที่แท้จริง ข้าขอร้อง ช่วยท่านพี่ด้วย ข้ายินดีเป็นทาสรับใช้ท่าน ขอเพียงท่านช่วยชีวิตท่านพี่ด้วย” ชวีคังโขกศีรษะอย่างหนัก โดยไม่ได้ใช้พลังเทพป้องกันไว้ หน้าผากจึงมีเลือดไหลออกมา

“วางพี่ชายของเจ้าลง” บรรลุเป็นราชาเทพก็แล้ว แต่ยังบาดเจ็บได้ถึงเพียงนี้ ใครกัน ช่างใจร้ายจริงๆ

หลิวหลียื่นมือส่งพลังปราณอัคคีที่หนาแน่นเข้าโคจรในร่างของชวีจิ้ง จากนั้นหลิวหลีก็ชักมือกลับ

“ถูกพิษกู่” หลิวหลีตกใจ

“ประมุขเทพอัคคีองค์แท้ ท่านรักษาพี่ชายข้าได้หรือไม่” ชวีคังรู้สึกหมดหวังอย่างถึงที่สุด เป็นเพราะเขา เป็นเพราะเขาไม่ดีเอง ทั้งที่ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ใจอ่อนกับคนชั้นต่ำนั่น แต่เมื่อเห็นนางถูกเหยียบย่ำเช่นนี้ เขากลับทนไม่ไหว ผลสุดท้ายคนที่โดนทำร้ายเพราะเรื่องนี้ก็คือพี่ชายของตนเอง นังหญิงชั้นต่ำนั่น เขากำหมัดแน่น ดวงตาทั้งสองโหดเหี้ยม

หลิวหลีจ้องมองชวีคัง จากนั้นจึงมองชวีจิ้ง

“ยินดีด้วย ในที่สุดเจ้าก็เอาชนะมารผจญได้แล้ว เจ้าจะมีอนาคตที่ไร้ขีดจำกัด ภรรยาคนก่อนของเจ้า ต่อไปจะได้เวียนว่ายตายเกิดอีก 10 ชาติ 9 ชาติเป็นหญิงชั้นต่ำ ส่วนชาติสุดท้ายจะเป็นโอกาสของนาง หากนางคว้ามันไว้ โชคชะตาก็จะเปลี่ยนกลับ หากนางคว้าไว้ไม่ได้ ก็จะวนเวียนเป็นหญิงชั้นต่ำทุกภพทุกชาติไป” หลิวหลีพูด

“ขอบคุณท่านประมุขเทพที่แจ้ง หญิงชั้นต่ำนางนั้นจะเป็นอย่างไร จะร้ายจะดีก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า ท่านประมุขเทพช่วยบอกข้าได้หรือไม่ว่าพี่ชายของข้าจะเป็นอย่างไร” ชวีคังจดจ่ออยู่ที่ผู้เป็นพี่ชาย

“นับว่าเป็นเรื่องดี ภายในร่างกายพี่ชายเจ้ามีอาการบาดเจ็บภายในเล็กๆอยู่ไม่น้อย ตอนนี้ตัวกู่เป็นโอกาส ข้าจะกระตุ้นให้มันกัดกินอาการบาดเจ็บภายในร่างกายพี่ชายเจ้าให้หมด จากนั้นดูดพิษไปไว้ในตัวกู่ ท้ายที่สุดค่อยขับตัวกู่ออกจากร่างพี่ชายเจ้า แต่ถึงตัวกู่จะจะเป็นสัตว์มีพิษ แต่ก็เป็นส่วนประกอบชั้นดีในการปรุงยา เลี้ยงตัวกู่สักตัวไม่ใช่เรื่องง่าย สิ้นเปลืองอะไรไปมาก รอให้แมลงกู่ออกจากร่างกายของพี่ชายเจ้า แล้วค่อยป้อนยาเทพศักดิ์สิทธิ์ให้เขากิน 1 เม็ดทันที หลังจากนั้น คุณสมบัติร่างกายของเขาก็จะดีกว่าเจ้า” หลิวหลีพูด

“ไม่เป็นไร แค่ท่านพี่ไม่เป็นอะไรก็พอ” ชวีคังดูเหมือนจะไม่ได้ยินประโยคสุดท้ายที่ว่าพี่ชายของเขาจะมีคุณสมบัติร่างกายที่ดีกว่าเขา

“เมื่อเป็นเช่นนี้ก็อุ้มพี่ชายของเจ้าเข้าไปในห้องเถอะ ข้างนอกมีคนฝึกบำเพ็ญอยู่ ตอนรักษาพี่ชายเจ้าจะเจ็บปวดมาก จะให้อะไรมารบกวนไม่ได้” หลิวหลีพูดและมองไปทางตำแหน่งของอวิ๋นชิงอย่างทอดถอนใจ เข้าฌานไม่ถูกเวลาเลยจริงๆ ไม่อย่างนั้นตรงนั้นจะเป็นตำแหน่งที่ดีอย่างมาก

หลังจากเข้าห้องแล้ว หลิวหลีก็เผาเสื้อผ้าของชวีจิ้ง เหลือไว้เพียงตำแหน่งสำคัญเท่านั้น อุณหภูมิของหนานกงเวิ่นเทียนเริ่มลดลง ชวีคังรู้สึกหนาวขึ้นมา

“ท่านพี่ เสื้อผ้าของเขามีแต่พิษ ถึงจะบอกว่าไม่มีผลกับพวกเรา แต่หากนานเกินไปก็อาจส่งผลได้อยู่ดี เราควรเผามันทิ้งเพื่อความปลอดภัยของข้ากับท่าน อีกอย่างอีกสักพักเขาจะน่าเวทนาอย่างมาก มีเสื้อผ้าอยู่ไม่ค่อยสะดวกนัก” หลิวหลีอธิบาย อุณหภูมิถึงเพิ่มกลับมาอีกครั้ง

ไม่นานหนานกงเวิ่นเทียนกับชวีคังก็เข้าใจคำว่าน่าเวทนาที่หลิวหลีพูดถึง น้องหญิงของเขาพูดอ้อมค้อมไปมากจริงๆ มันจะเรียกว่าน่าเวทนาได้อย่างไร นี่มันเป็นการตายทั้งเป็นชัดๆ หลิวหลีไม่ได้บอกว่าตัวกู่นี้สามารถแพร่พันธุ์ได้รุนแรง เมื่อเห็นแมลงทะลุออกมานอกร่างกายชวีคังเรื่อยๆแล้วถูกหลิวหลีเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน ราวกับแมลงที่ทะลักออกมานี้คือตัวที่สร้างผลเสียต่อร่างกาย

ความจริงก็เป็นเช่นนั้น หลิวหลีจดจ่ออยู่กับนางพญา นี่สิถึงเรียกว่าของล้ำค่า ส่วนลูกหนอนที่เหลือนางฆ่ามันทิ้งทันที ทำให้ชวีจิ้งที่สภาพน่าเวทนาหนักดูไม่ได้ เลือดสีดำคล้ำทำให้คนที่เห็นรู้สึกเวทนาจนหวาดกลัว

หลิวหลีรวบรวมพลังดึงดูดตัวนางพญาให้มาตามเส้นทาง และสุดท้ายเป็นอย่างที่นางคาดไว้ พอรู้สึกว่าใช้ได้แล้วนางก็ขับนางพญาออกมานอกร่างกาย แล้วในทันใดนั้นเอง ชวีจิ้งที่นอนอยู่ตลอดก็พุ่งพรวดอ้วกออกมาเป็นเลือดสีดำคล้ำ แต่กลับถูกหลิวหลีใช้ขวดเล็กมารองไว้อย่างรวดเร็ว เพราะสิ่งที่อ้วกออกมานั้นยังมีนางพญาด้วย แล้วใช้วิธีพิเศษผนึกปากขวดเอาไว้ นี่มันของดีอย่าปล่อยให้สิ้นเปลือง

หลังจากนั้นหลิวหลีก็ทำสิ่งที่ทำเรื่องทำให้คนประหลาดใจ นางยกชวีจิ้งลอยขึ้นมา แล้วใช้เพลิงเทพห่อหุ้มร่างเขาแล้วลงมือเผาอีกฝ่าย เสียงร้องที่น่าสงสารของชวีจิ้งทำให้ชวีคังอดพุ่งเข้าไปหาพี่ชายไม่ได้ แต่ถูกหนานกงเวิ่นเทียนห้ามไว้

“ท่านประมุขเทพอัคคีองค์จริง ท่านกำลังจะทำอะไร รีบปล่อยพี่ชายข้าลงมาได้แล้ว” คนนิ่งแข็งค้าง แต่เสียงกลับไม่เป็นเช่นนั้น หลิวหลีไม่สนใจฟังแล้วพลิกตัวของชวีจิ้ง ไม่นานแมลงมากมายก็คลานออกมาจากร่างของชวีจิ้ง ชวีคังจ้องตาแทบถลน นางผู้หญิงต่ำช้านั่น พี่ใหญ่ต้องทรมานมากแค่ไหนกัน

หนานกงเวิ่นเทียนตกใจตัวแข็ง นี่ยังเรียกคนได้อยู่หรือ นี่มันรังแมลงชัดๆ

ลูกน้องคนเก่งชองนักปรุงยาเจียงไหวคนนั้นเหมือนลูกหนอน พอลูกหนอนถูกเผาไหม้ ตัวเขาก็กลายเป็นเถ้าถ่านเช่นกัน

เจียงไหวโกรธจนบีบถ้วยชาที่เขารักที่สุดเป็นผุยผง หร่วนโหรวนางชั้นต่ำนั่นทำลายแผนใหญ่ของข้า ตอนนั้นเขาตาบอดที่รู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนง่ายๆ หน้าตาสะสวย เล่นสนุกแล้วจะทิ้งก็ได้ไม่เป็นไร ใครจะรู้ว่านางยังมีความคิดเช่นนี้ด้วย

“นางชั้นต่ำนั่นเป็นอย่างไรบ้าง?” เจียงไหวถาม

“ยังมีลมหายใจอยู่”

“อย่าให้นางอยู่เฉยๆ ตอนกลางวันให้เป็นทาส ตอนเย็นหากใครต้องการเตาหลอมก็ใช้นาง แค่ให้ยังมีลมหายใจก็พอ หากตอนกลางวันพวกเจ้าต้องการใช้ก็ไม่ต้องเลี่ยง ข้าจะให้นางใช้ชีวิตราวกับเป็นสัตว์เลี้ยง” เจียงไหวกัดฟันพูด

หลิวหลีรู้สึกว่าแมลงในร่างกายชวีจิ้งใกล้จะหมดแล้วจึงหลับตาเรียกเพลิงเทพกลับไป ชวีจิ้งที่ลอยอยู่กลางอากาศหล่นลงมาราวกับถ่าน ในที่สุดชวีคังก็ขยับตัวได้ เขาลูบพี่ชายด้วยมือสั่นระริก พี่ชายของเขายังมีชีวิตอยู่ไหม

……………………………………