ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 279
พูดถึงจินกั่วกง จริง ๆ แล้วก็แปลกประหลาด
ตระกูลของจินกั๋วกงนั้น ในปีนั้นซีเหมินได้ผลิตบุคคลที่มีความสามารถออกมามากมาย เขาเองก็เป็นถึงแม่ทัพ เคยชนะในสนามรบที่หนานจุนมาแล้ว แล้วก็เกษียณราชการอยู่ในตำแหน่งจินกั๋วกงอย่างสบายอกสบายใจ
แต่มิได้หมายความว่าเขาจะไม่มีความทะเยอทะยานในใจ เขายังมีอยู่ แต่ชัยชนะในครั้งนั้น เป็นเพราะเหล่าไท่จวินได้เคลื่อนย้ายทหารเข้ามา จึงได้รับชัยชนะ เขารู้ดีว่าตนไม่มีอำนาจทางด้านทหาร ดังนั้น เขาจึงได้เร่งรีบเกษียณ เพื่อเติมเต็มความปรารถนาของตนในด้านคุณาปการและชื่อเสียง
จินกั๋วกงมีพลังอำนาจที่แน่นอนอยู่แล้ว แต่ในรุ่นของหลานชายนั้นไม่ค่อยดีมากนัก เพื่อที่จะช่วยเหลือพวกพ้องตน เขารู้ว่าในตอนนี้มหาเสนาบดีเซี่ยเป็นดั่งหนูแก่ข้ามถนน แต่เขาก็ไม่ลังเลที่จะปีนขึ้นไป
จินกั๋วกงเป็นคนที่มีบทบาทสำคัญนัก หากมิได้อยู่ในสนามรบ ก็เป็นคนช่วยวางแผนคิดคำนวณอย่างรอบคอบ
เพราะเหตุนี้เขาจึงยืนอยู่ในตำแหน่งนี้ได้อย่างมั่นคง และเป็นเหตุให้คนในเมืองหลวงมิกล้าที่จะล่วงเกินได้
หากมีสัมพันธ์กับจวนมหาเสนาบดีด้วยการแต่งงานแล้วนั้น เขาจะใช้มหาเสนาบดีเซี่ยเป็นบันไดขึ้นไป ปีนขึ้นไปหาฮวงโห่วและราชครูเหลียง
มหาเสนาบดีเซี่ยแน่นอนว่าต้องการแต่งซีเหมินเสี่ยวเย่ว เป็นเพราะอำนาจของจินกั๋วกงไม่ใช่เล็กน้อย หากสามารถเชื่อมความสัมพันธ์กับตระกูลซีเหมินได้ สำหรับเขาแล้วก็เป็นเหมือนดั่งเสือติดปีก
นอกจากนี้ ซีเหมินเสี่ยวเย่วผู้นี้ สามีคนก่อนของนางได้ตายในสนามรบ นางซึ่งเป็นฮูหยินของนายทหารที่มีชื่อเสียงสูงส่ง ในตอนนี้เขาต้องการผู้ที่มีคุณธรรมเข้ามาชะล้างความสกปรกของจวนมหาเสนาบดี
ซีเหมินเสี่ยวเย่วแต่งเข้ามาแล้ว ขอเพียงสถานะภรรยาเท่านั้น ไม่ได้ต้องการให้เขาปลดหยวนซื่อ จุดนี้สำหรับเขาแล้ว ก็ทำให้เขาเบาใจไปได้ เพราะว่าในตอนนี้ เขามิอาจจะหย่ากับหยวนซื่อได้
เรื่องปลดภรรยา ยิ่งทำไม่ได้
เชี่ยหว่านเอ๋อสำหรับเรื่องที่จะต้อนรับซีเหมินเสี่ยวเย่วนั้น คัดค้านมาโดยตลอด ฮูหยินผู้เฒ่าตั้งใจเรียกนางเข้ามาพูดคุยด้วย
“รู้หรือไม่ว่าทำไมช่วงนี้องค์รัชทายาทถึงได้ไม่มาหาเจ้า?” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยสั่งให้ป้าชุ่ยยู่ชงชา ก่อนหรี่ตาเอ่ยถาม
เซี่ยหว่านเอ๋อลูบคลำไปยังแก้มตน เอ่ยเสียงโกรธเกลียด “รู้เจ้าค่ะ คนชั้นต่ำผู้นั้นทำลายรูปลักษณ์ของข้า องค์รัชทายาทรังเกียจข้า จึงไม่มาหาข้าแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่าส่ายศีรษะเบา ๆ “ไม่ใช่ ไม่ใช่ องค์รัชทายาทอภิเษกนั้น นอกจากรูปลักษณ์แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือประวัติของตระกูล จวนมหาเสนาบดีตอนนี้ชื่อเสียงไม่ค่อยดีนัก และงานแต่งของพวกเจ้าจนถึงทุกวันนี้ก็ยังมิรับความเห็นชอบจากหวงไท่โห่ว หวงโฮ่วจึงยังมิได้มีพระราชเสาวนีย์เพิ่มเติมลงมา ให้คนมาจัดเตรียมงานอภิเษก”
“ท่านย่า งั้นจะทำอย่างไรกันดี?” เซี่ยหว่านเอ๋อร้อนรนจนทนไม่ได้แล้ว “หวงโฮ่วจะทรงยกเลิกงานอภิเษกครั้งนี้หรือไม่?”
ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเสียงเย็น “ข้าจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น”
นางเปิดเผยแววตาประกายในดวงตา จ้องมองเซี่ยหว่านเอ๋อ “ดังนั้น นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำไมพ่อของเจ้าต้องแต่งซีเหมินเสี่ยวเย่วเข้ามา”
“หลานสาวยังไม่เข้าใจเจ้าค่ะ ขอท่านย่าโปรดอธิบาย” เซี่ยหว่านเอ๋อรีบร้อนเอ่ยถาม
ฮูหยินผู้เฒ่าตอบกลับโดยทันที “หลังจาที่ซีเหมินเสี่ยวเย่วแต่งเข้ามาแล้ว ก็จะเป็นมารดาเลี้ยงของเจ้า เจ้ามิใช่เพียงต้องเคารพนางเยี่ยงมารดา ยังต้องมีความสัมพันธ์อันดีกับนาง เมื่อใดที่ต้องไปออกงานเลี้ยงสังสรรค์แล้ว เจ้าและนางจะต้องแสดงให้เห็นถึงความกตัญญูระหว่างแม่ลูก นางอายุมากว่าเจ้าไม่กี่ปี ข้าจะบอกเจ้า เจ้าไม่ใช่ว่าจะแสดงออกเรียกนางว่ามารดา แต่จะต้องเคารพนางดั่งมารดาเลี้ยงจริง ๆ ทำให้ทุกคนได้รู้ว่า จวนจินกั๋วกงเป็นดั่งที่พึ่งของเจ้า เป็นบ้านฝั่งมารดาของเจ้า”
เซี่ยหว่านเอ๋อก็เข้าใจขึ้นมาในขณะนั้น “ความหมายของท่านย่าก็คือ ซีเหมินเสี่ยวเย่วแต่งเข้ามาเพื่อสนับสนุนงานแต่งของข้า ให้ข้าได้เป็นพระชายาขององค์รัชทายาทอย่างมั่นคง?”
“ไม่ผิด ซีเหมินเสี่ยวเย่วเป็นคนฉลาด นางจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ และยังจะสานสัมพันธ์กับเจ้าให้กลมเกลียว เพราะว่านางเองก็ต้องการพระชายาขององค์รัชทายาทมาสนับสนุนนาง มาสร้างชื่อให้แก่นาง พวกเจ้าต่างก็ได้ผลประโยชน์จากกัน เข้าใจรึยัง?” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยบอก