ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 240 เด็กทั้งสองเรียกเขาว่าพ่อเท่านั้น
เอ๊ะ? ตัวร้ายกลับใจแล้วหรือ?
เกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยมองหน้ากันเลิ่กลั่ก มองพิจารณากู้โม่หานตั้งแต่หัวจรดเท้า
เสื้อผ้าของเขาค่อนข้างยุ่งเหยิง ใบหน้าขาวบริสุทธิ์ดุจหยก อวัยวะบนใบหน้าอันลุ่มลึกถูกสลักไว้บนใบหน้า เย็นชาและแข็งกร้าวจนผู้คนไม่สามารถละสายตาจากเขาได้
แต่รอยแดงบนใบหน้ามีหยดเลือดไหลซึมออกมาบางๆ บนหน้าผากก็เหมือนจะมีของเหลวสีแดงที่ยังไม่ได้เช็ดให้สะอาด มันดูโดดออกมาอย่างเห็นได้ชัด
แปลกมาก เขาถูกใครตีมาหรือ?
เกี๊ยวน้อยแอบนินทาอยู่ในใจ บุ้ยปากเล็กๆ มองไปทางข้างหลังของกู้โม่หาน “ท่านอย่าขวางพวกเรา! ท่านแม่ของข้าล่ะ ท่านไม่ได้ทำอะไรท่านแม่ใช่ไหม?”
ซาลาเปาน้อยก็ชะโงกหน้ามองเข้าไปในห้องเช่นกัน “ใช่แล้ว! ท่านแม่บาดเจ็บหรือเปล่า?”
เมื่อครู่พวกนางกำลังเล่นอยู่ที่วังหลัง แต่พอได้ยินว่าเกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้นที่นี่ หยุนอี่ว์โหรวก็ตกลงไปในทะเลสาบอีก
สองพี่น้องยังคงงุนงง ทำไมหญิงผู้นี้อยู่ดีๆ ถึงอยากลงน้ำ จะลดความร้อนของธาตุไฟทั้งห้าลงหรือ?
แต่เมื่อคิดว่ากู้โม่หานต้องเข้าข้างหยุนอี่ว์โหรวแน่นอน ดังนั้นสองพี่น้องจึงไหว้วานเซียงเหลียนและบรรดาหมัวมัว ให้รีบวิ่งมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับหนานหว่านเยียนหรือไม่
สุดท้ายใครจะคิดว่า กู้โม่หานที่ห่วงใยหยุนอี่ว์โหรวมาโดยตลอด ในเวลานี้ไม่ได้อยู่กับนาง แต่มาอยู่ในห้องท่านแม่ของพวกนางแทน…
แปลกมากจริงๆ!
กู้โม่หานจิตใจหนักอึ้ง รู้สึกผิดหวังเล็กๆ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเด็กหญิงทั้งสองห่วงใยหนานหว่านเยียน แต่เขาต่างหากที่ถูกหนานหว่านเยียนทำร้ายบาดเจ็บ
ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากแก้ต่างให้ตัวเอง เสียงอันอ่อนโยนของผู้หญิงก็ดังมาจากทางด้านหลัง “ข้าจะเป็นอะไรได้ล่ะ พวกเจ้าต่างหาก วิ่งมาเร็วขนาดนี้ ระวังสะดุดล้มนะ”
ตั้งแต่ตอนที่กู้โม่หานออกไปข้างนอก หนานหว่านเยียนก็รีบสวมเสื้อผ้า กลัวว่าเจ้าตัวเล็กจะสังเกตเห็นความผิดปกติ แล้วยังจัดเสื้อผ้าและผมเผ้าให้เรียบร้อยอีกด้วย
ในเวลานี้นางค่อยๆ ยิ้มอย่างสง่างาม แววตางดงาม บนลำคอมีรอยกัดชัดเจน แต่หนานหว่านเยียนกลับไม่รู้ตัว
กู้โม่หานนึกถึงริมฝีปากอันหอมหวานนุ่มนวลของหนานหว่านเยียนเมื่อครู่ รสชาติแห่งความสุขของสตรี เขาตกใจมาก แต่กลับขมวดคิ้ว
นางไม่เคยยิ้มให้เขาแบบนี้มาก่อน
“ท่านแม่…” เมื่อซาลาเปาน้อยและเกี๊ยวน้อยเห็นหนานหว่านเยียนก็ยิ้มแฉ่งออกมา
สองพี่น้องวิ่งออกไป จูงมือหนานหว่านเยียนมองซ้ายมองขวา หลังจากแน่ใจว่านางไม่เป็นอะไรแล้ว เกี๊ยวน้อยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “พวกเรากลัวแทบตาย โชคดีที่ท่านแม่ไม่ถูกรังแก”
“ไม่อย่างนั้น พวกเราจะไม่มีทางให้อภัยใครบางคนที่ทำร้ายแม่!”
พูดจบ เด็กน้อยทั้งสองก็ชำเลืองมองกู้โม่หานพร้อมกัน ความไม่เป็นมิตรของเกี๊ยวน้อยแสดงออกมาอย่างชัดเจน ความระแวดระวังของซาลาเปาน้อยก็เพิ่มขึ้น
“ใครบางคน” คือการแขวะเขา กู้โม่หานฟังออก เขาถูกจับจ้องด้วยสายตาของสองพี่น้องอีกครั้ง จนรู้สึกอึดอัดในใจ
เขาต่างหากที่ถูกหนานหว่านเยียนบีบให้ยอม ตอนนี้ถูกสองสาวน้อยดูถูก เขารู้สึกอึดอัดใจมาก
ทำไมในที่ของหนานหว่านเยียน เขาถึงไม่ได้รับการต้อนรับ?
หลังจากหนานหว่านเยียนเดินออกจากห้อง ก็ไม่ได้มองกู้โม่หานเลย นางจูงมือเด็กหญิงทั้งสอง พาพวกนางเดินไปทางลานหลังด้วยรอยยิ้มเบิกบาน
“ท่านแม่ไม่เป็นอะไร ไม่มีใครกล้ารังแกท่านแม่หรอก ท่านแม่สุดยอดมาก ไป เรากลับไปเข้าเรียนกับพวกหมัวมัวกันเถอะ”
นางไม่สามารถปล่อยให้กู้โม่หานอยู่กับเด็กน้อยทั้งสองไปมากกว่านี้ อันที่จริงอีกไม่นานก็จะพาพวกเขาไปแล้ว
ไม่จำเป็นต้องเพิ่มความคาดหวังให้กับเด็กๆ
ครั้งนี้จับพลัดจับผลู กู้โม่หานก็ไม่ได้ห้ามปราม
เขายืนอยู่กับที่ เหม่อมองตามหลังสามแม่ลูกไกลออกไป ดวงตาสีดำขลับลุ่มลึกมีความผันแปร ความคิดได้ก่อตัวขึ้นในหัวอย่างช้าๆ…
เสิ่นอี่ว์ส่งหยุนอี่ว์โหรวที่มีอาการร่อแร่กลับไป พอกลับมาถึงเรือน ทันใดนั้น ประตูเรือนก็มีคนผลักเปิดดัง “ปัง”
เขาตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สะดุ้งโหยงหันกลับมา ก็เห็นกู้โม่หานสีหน้าเคร่งขรึม ร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่านอยู่ที่ประตู กล่าวกับเขาเหมือนตัดสินใจได้แล้ว “เสิ่นอี่ว์ ข้าตัดสินใจแล้ว!”
“ท่านอ๋อง?” เสิ่นอี่ว์รีบก้าวออกมา แต่กลับเห็นบาดแผลที่หน้าผากของกู้โม่หาน แล้วยังได้กลิ่นคาวเลือดโชยมาจากร่างกายของกู้โม่หาน พลางหรี่ตาลงถามอย่างประหม่า “ท่านได้รับบาดเจ็บหรือ?”
ดูท่าทางพระชายาจะไม่มีทางให้อภัยในสิ่งที่ท่านอ๋องกระทำ ทั้งสองจึงลงไม้ลงมือกันอีก
ใบหน้าหล่อเหลาของกู้โม่หานเยือกเย็น “แผลเล็กน้อย ไม่เป็นไร”
“ข้าจะแนะนำเด็กทั้งสองให้ทั่วโลกรู้จักในงานวันเกิด! เสิ่นอี่ว์ เจ้ามาจัดการเรื่องงานวันเกิด”
อีกไม่ถึงเดือนก็จะถึงวันเกิดของกู้โม่หานแล้ว
“ท่านอ๋องจะเล่าเรื่องราวของคุณหนูน้อยให้ทั่วโลกฟังงั้นหรือ?” เสิ่นอี่ว์รู้สึกประหลาดใจ ตัดเรื่องที่ว่าคุณหนูน้อยทั้งสองเป็นลูกของท่านอ๋องหรือไม่ออกก่อน แค่การกระทำนี้ ก็น่าตกใจมากพอแล้ว
“ท่านอ๋อง ท่านก็ทราบดีว่าราชสำนักของแคว้นซีเหย่ไม่มีบุตรสาวมาเป็นเวลานับร้อยปีแล้ว หากท่านต้องการเปิดเผยตัวตนของคุณหนูน้อยทั้งสองในงานวันเกิด นั่นก็หมายความว่า…”
มันหมายถึงการยึดอำนาจ
ถึงอย่างไรฝ่าบาทก็เคยตรัสว่า องค์ชายองค์ใดมีพระธิดาได้ก่อน เขาก็จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตำแหน่งไท่จื่อ
ในที่สุดท่านอ๋องก็มีเจตนาที่จะขึ้นครองราชบัลลังก์แล้วหรือ?!
เขาย่อมยินดีที่กู้โม่หานมีความตั้งใจที่จะต่อสู้แย่งชิง ถึงอย่างไรที่ผ่านมาจวนอ๋องอี้ก็ถูกกู้โม่เฟิงและพวกปราบปรามอย่างน่าสังเวชเกินไป ทั้งๆ ที่กู้โม่หานมีทั้งความสามารถและไหวพริบ
เขายังเด็ก มีความเด็ดขาดในการสังหาร มีน้ำใจไมตรี และครองใจประชาชน นอกจากความโง่เขลาในเรื่องรักๆ ใคร่ๆ มองไม่เห็นทิศทางในการต่อสู้เรื่องความรักและความแค้น ที่เหลือก็สมบูรณ์แบบ!
กู้โม่หานรู้ว่าหากฐานะของเด็กหญิงทั้งสองถูกเปิดเผยมันหมายถึงอะไร แต่เขาไม่ได้คิดเรื่องนี้ อย่างน้อยในตอนนี้ เขาก็ไม่ได้ต้องการขึ้นครองบัลลังก์
“ข้าไม่มีอารมณ์สนใจเรื่องราชสำนัก ได้พบลูกก็แค่อยากจะทำดีกับพวกนางให้ถูกหลักทำนองคลองธรรม เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์”
เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา เขายอมรับก็สมเหตุสมผลแล้วไม่ใช่หรือ?
สำหรับตำแหน่งไท่จื่อนั้น เขาจะชี้แจงให้เสด็จพ่อทราบเอง
เสิ่นอี่ว์จะเอ่ยปาก ไม่ได้รู้สึกแปลกใจมากนัก เพียงแค่นึกอะไรออกบางอย่าง “แต่ว่าท่านอ๋อง แม้ว่านิสัยใจคอและความชอบของคุณหนูน้อยทั้งสองจะคล้ายกับท่านมาก แต่พระชายาก็ไม่เคยยอมรับจากปากว่าคุณหนูน้อยคือ…นางจะไม่เห็นด้วยหรือไม่ที่ท่านทำเช่นนี้?”
พระชายาไม่เคยบอกว่าคุณหนูน้อยทั้งสองเป็นลูกของท่านอ๋อง
พ่อของคุณหนูน้อยเป็นท่านอ๋องจริงหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอ๋องก็ทรงประกาศเพียงฝ่ายเดียวว่าคุณหนูน้อยทั้งสองคือเลือดเนื้อเชื้อไขของพระองค์ จะไม่มีอะไรผิดพลาดใช่ไหม?
ตามนิสัยของพระชายา นางจะต้องต่อสู้เอาเป็นเอาตายกับท่านอ๋องแน่นอน!
“ข้าไม่สนว่าหนานหว่านเยียนจะตกลงหรือไม่ เด็กเป็นลูกของข้า!” กู้โม่หานตวาดด้วยสีหน้าเย็นชาและดุดัน
“ข้าจำเป็นต้องประกาศอำนาจสิทธิ์ขาด มิเช่นนั้นเด็กทั้งสองจะเรียกว่าพ่อได้ไม่เต็มปาก…”