ตอนที่ 101 อู๋เจิงหยงตกใจจนร้องไห้

Mars เจ้าสงครามครองโลก

เย่เซิ่งเทียนเป็นเจ้าเทพได้อย่างไร?

อู๋เจิงหยงมองเย่เซิ่งเทียนด้วยความหวาดกลัว

อย่างไรก็ตาม เลขาเกาไม่ผิดพลาดอย่างแน่นอน เขาเคยพบเลขาเกาแล้ว

แต่เมื่อสักครู่เลขาเกาเรียกเย่เซิ่งเทียนว่าเจ้าเทพ! !

นี่ นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!

เย่เซิ่งเทียนแค่รับกระสุนแทนเจ้าเทพไม่ใช่หรือ? แล้วเขาจะกลายเป็นเจ้าเทพได้อย่างไร! !

มิน่า เขากล้าฆ่าคน!

มิน่า เขากล้าท้าทายตระกูลหมิง!

มิน่า เขาสามารถจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ได้!

“คนหลอกลวง คุณเป็นคนหลอกลวง คุณหลอกพวกเราทุกคน คุณคือเจ้าเทพ คุณคือเจ้าเทพ!”

อู๋เจิงหยงร้องไห้เสียงดัง คำรามอย่างสิ้นหวัง

เขาเข้าใจแล้ว เข้าใจทุกอย่างแล้ว!

เย่เซิ่งเทียนกำลังขุดหลุมพรางให้ตระกูลหมิง!

เขาปิดบังสถานะของตนเองเอาไว้!

อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้ไปยั่วยุเย่เซิ่งเทียนด้วยความโง่เขลา ซึ่งเป็นการรนหาความตายเอง! !

ไปยุยั่วเย่เซิ่งเทียนทำไม! ไปยุยั่วเขาทำไม!

ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เขาไม่ปล่อยตนเองแน่นอน

เย่เซิ่งเทียนไม่ได้พูดอะไร เอาแต่จ้องอู๋เจิงหยง!

“ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้ว ขอโทษ ขอโทษ ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ ผมไม่กล้าทำอีกแล้ว ผมจะไปชี้แจงบนโลกโซเชียล ผมยินดีที่จะรับผิดชอบทางกฎหมายทั้งหมด กรุณายกโทษให้ผมด้วยเถอะ”

อู๋เจิงหยงคุกเข่าบนพื้น โขกศีรษะบนพื้นเสียงดัง

ตอนที่เกาเจี๋ยเรียกเย่เซิ่งเทียนว่าเจ้าเทพ เขาตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ

ตอนนี้ เขาแค่ต้องการสารภาพผิด และต้องการติดคุกเท่านั้น

มิฉะนั้น มีเพียงความตายเท่านั้น

“นำศพของพวกเขาไปที่ตระกูลหนานกงและตระกูลอู๋”

เย่เซิ่งเทียนไม่ได้มองเขาด้วยซ้ำ

ศพ?

เมื่อได้ยินคำนี้ อู๋เจิงหยงคำรามอย่างบ้าคลั่ง เขาก้มกราบจนหน้าผากเต็มไปด้วยเลือด

ราวกับว่าเขาไม่รู้สึกเจ็บปวด เขาร้องไห้และกล่าวว่า “เจ้าเทพ ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ ผมไม่กล้าแล้ว ผมไม่กล้าอีกแล้ว ได้โปรดอย่าฆ่าผมเลย อย่าฆ่าผมเลย”

เกาเจี๋ยคว้าคอของอู๋เจิงหยงและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ถ้าชาติหน้าเกิดใหม่ อย่าเป็นคนที่มีตาแต่หามีแววไม่!”

หลังจากกล่าวจบ เขาใช้มีดฟันไปที่คอของอู๋เจิงหยงจนศีรษะตกลงบนพื้น

ณ บ้านตระกูลหนานกง

ผู้นำตระกูลหนานกงหัวมองฮอตสปอตบนโทรศัพท์มือถือและกล่าวว่า “บริษัทหัวหยวนกำลังรนหาความตายเอง จะโทษคนอื่นไม่ได้ ฮุบธุรกิจของหลี่เทียนหมิง แล้วยังล่วงเกินคนอื่นไปทั่ว ถ้าบริษัทหัวหยวนไม่ล้มละลายก็ผิดปกติแล้ว”

หวาเหม่ยเหรินภรรยาของเขายิ้มและกล่าวว่า “นี่เป็นผลงานของลูกชายเรา เมื่อก่อนเย่เซิ่งเทียนเคยรังแกหยู่เอ๋อร์ ตอนนี้เขาและอู๋เจิงหยงร่วมมือจัดการเรื่องนี้”

หนานกงหัวกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “นี่เป็นจุดจบของการล่วงเกินตระกูลหนานกง และถือว่าเป็นบทเรียนสั่งสอนไอ้สารเลวเหล่านั้น ไม่ใช่ว่าสามารถล่วงเกินทุกคนได้ เรื่องนี้ถือว่าหยู่เอ๋อร์ทำได้ดี แต่ไม่ค่อยสมบูรณ์แบบ”

“เขาควรจะสร้างความแตกต่างของเวลา น่าจะให้เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้วค่อยลงมือ แต่ไม่เป็นไร บริษัทหัวหยวนไม่สามารถเดาได้หรอกว่าเป็นฝีมือของหยู่เอ๋อร์ ในสังคมปัจจุบันใครก็ตามที่สามารถควบคุมโลกโซเชียลได้ก็เท่ากับควบคุมอำนาจในการพูด และใครก็ตามที่ควบคุมความคิดเห็นของประชาชนได้ก็จะเป็นผู้ชนะ”

ขณะนี้ พ่อบ้านวิ่งเข้ามาเหมือนคนบ้า เขาสะดุดล้ม และร้องเสียงดังว่า “คุณท่าน คุณนาย แย่แล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว คุณชายใหญ่ตายแล้ว เขาตายแล้ว คนมีส่งศพของเขากลับมาแล้ว”

“อะไรน่ะ!!!”

หนานกงหัวลุกขึ้นยืนทันที หน้าเปลี่ยนไปมาก เหมือนสิงโตที่กำลังคำราม “ใครเป็นคนทำ!! รีบไปสืบ รีบไปสืบ ผมจะสับมันออกเป็นหมื่นชิ้น!!!”

“หยู่เอ๋อร์ หยู่เอ๋อร์ของแม่”

หวาเหม่ยเหรินร้องออกมาสองครั้ง แล้วหมดสติไป

“ไม่ต้องสืบแล้ว ผมมาแล้ว”

เย่เซิ่งเทียนเดินเข้ามา

เกาเจี๋ยที่อยู่ข้างหลังเย่เซิ่งเทียน โยนศพหัวขาดของหนานกงหยู่ไปที่เท้าของ หนานกงหัวราวกับทิ้งขยะ