บทที่ 957 เรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่าความตาย

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

ขณะที่หุ่นซอมบี้เดินอยู่ในท่อน้ำทิ้ง บนพื้นดิน ร่างจริงของหลิงม่อก็ได้วางตามสวี่ซูหานมาจนถึงห้องสวีทที่ลับตาคนห้องหนึ่ง สถานที่ที่ดูวิเวกวังเวงแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณห้องน้ำในชั้นหนึ่งของตึกใหญ่ โดยรวมดูเหมือนเป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ หรือไม่ก็ห้องรับแขกอะไรทำนองนั้น…ด้านนอกมีทางเดินยาวเหยียดเส้นหนึ่ง แต่ระหว่างห้องโถงใหญ่ที่เป็นทางผ่านไปยังประตูหน้า กลับมีประตูนิรภัยอันแข็งและแกร่งมั่นคงกั้นอยู่หนึ่งบาน นั่นแสดงว่าหากถูกขัง พวกเขาก็อาจต้องติดอยู่บนถนนที่ปิดตายเส้นนี้ได้ง่ายๆ

“โชคดีที่ไม่หลงกลแผนการของพวกนั้น…” สวี่ซูหานพูดอย่างยังไม่หายกลัว ถ้าหากถูกเล่นงานเข้าจริงๆ ถึงเวลานั้นอย่าว่าแต่มนุษย์เลย แม้แต่ซอมบี้อย่างเธอก็ยังถอยหนีโดยไม่ได้รับบาดเจ็บได้ยาก

เทียบกับหลิงม่อ สวี่ซูหานที่เป็นซมอบี้ได้ยินเสียงชัดเจนกว่ามาก…เสียงกรีดร้องอันสิ้นหวัง ลมหายใจอันแผ่วเบาหลังจากที่ถูกโจมตีจนล้มลง รวมถึงเสียงถูกกัดฉีกทั้งเป็น…ถึงแม้เธอเคยได้ยินเสียงแบบนี้มาไม่น้อยแล้ว แต่ผู้มีความสามารถพิเศษที่ตายด้วยน้ำมือสัตว์ประหลาดอย่างน่าอนาถขนาดนี้ กลับมีให้เห็นไม่มาก…ตอนที่อยู่ตรงหน้าประตูเหล็กบานนั้นสวี่ซูหานตระหนักได้แล้ว ว่าเธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสัตว์ประหลาดพวกนั้น…

พอคิดว่าในห้องนี้อาจมีสัตว์ประหลาดประเภทนั้นอยู่ด้วย สวี่ซูหานก็อดนึกกลัวขึ้นมาไม่ได้ น่าเสียดายที่ในนี้มองไม่เห็นเงาร่างของอวี่เหวินซวนและเจ้าลิงผอมเลย เธอยืนหันหน้าเข้าหาห้องโล่งกว้างห้องหนึ่งอยู่หน้าประตู โดยที่มีหลิงม่อยืนเป็นเพื่อนอยู่เพียงคนเดียว

“นายว่าใช่ไหม…หื้ม หลิงม่อ?” สวี่ซูหานถาม แต่กลับไม่ได้ยินหลิงม่อตอบ เธอจึงหันไปมองด้วยความสงสัย ไม่คิดว่าพอหันไป เธอกลับต้องอึ้งไปอีกครั้ง

ในฐานะมนุษย์ สีหน้าของหลิงม่อในตอนนี้กลับไม่ได้กำลังหวาดกลัวหรือระมัดระวัง แต่กลับเป็นตื่นเต้นจนปิดไม่มิดแทน…เขาพยักหน้าอย่างตื่นเต้น บอกว่า “จัดการกัน!”

“จัดการอะไร…” สวี่ซูหานพูดสวนออกไปอัตโนมัติ

“ล่อสัตว์ประหลาดพวกนั้นออกมาให้หมด!” หลิงม่อบิดคอดัง “กร๊อบแกร๊บ” พลางบอก

ขณะเดียวกัน หุ่นซอมบี้ของเขาก็กำลังพูดประโยคทำนองเดียวกัน “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นเราก็มองว่าพวกมันเป็นก้อนไวรัสเหนียวหนืดกองใหญ่แล้วกัน!”

หากเปลี่ยนมุมมองแล้วคิดใหม่ ยิ่งสัตว์ประหลาดบนโลกนี้มีเยอะ โอกาสที่จะทำให้วิวัฒนาการก็ยิ่งมีมากขึ้นไม่ใช่หรอ? จากบางมุม เรื่องนี้ก็ถือเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเย่เลี่ยนเหมือนกันนี่นา! แค่ในบริษัทลอว์สัน หลิงม่อก็ได้ไวรัสนางพญามาตั้งสองก้อนแล้ว…

“ดูจากเส้นทาง พวกอวี่เหวินซวนน่าจะอยู่แถวๆ นี้แหละ” สวี่ซูหานจ้องมองหลิงม่ออย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็มองซ้ายมองขวาแล้วบอก

“สัตว์ประหลาดพวกนั้นก็อยู่แถวๆ นี้เหมือนกัน” หลิงม่อบอก “รีบตามหากันเถอะ ก่อนจะหาเจอ พยายามอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น”

“ยังต้องบอกอีกหรอ…” สวี่ซูหานพูดเสียงเบา

ตอนนี้เธอตกใจจนแทบจะช็อกตายอยู่แล้วเหอะ!

กลับเป็นตัวหลิงม่อเองต่างหาก ที่ต้องจำข้อควรระวังนี้ไว้ให้ขึ้นใจ…

บริเวณห้องไฟฟ้า ถังฮ่าวกำลังใช้มือยันกำแพงเดินไปข้างหน้าอย่างโซซัดโซเซ

หลังจากคำรามเสียงต่ำรวบรวมเรี่ยวแรง เขาก็กัดฟันลุกขึ้นยืน

ส่วนเสี่ยวป๋ายที่มองดูเขาจากไป กลับสะบัดเสียงขึ้นจมูก และไม่ได้ขัดขวางหรือทำอะไรแต่อย่างใด

“บอกว่าจะปล่อยฉันไปตามเวรตามกรรมงั้นหรอ…” ถังฮ่าวสะบัดหัวไปมาอย่างมึนๆ ในขณะที่ปากยังคงพึมพำไม่หยุด “หึหึ…ฉันไม่มีทางตายง่ายๆ หรอก…ไม่มีทางตายไปทั้งอย่างนี้แน่…ฉันจะเอาสิ่งนั้นมาให้ได้ จากนั้นก็จะกลายเป็นมนุษย์ที่มีศักยภาพร่างกายเหมือนซอมบี้ เป็นซอมบี้ที่มีสติปัญญาของมนุษย์…”

“พวกเขาถูกแกฆ่าแล้วสินะ?” ทันใดนั้น เสียงของหลิงม่อกลับดังขึ้นในสมองของเขา

ถังฮ่าวเบิกตากว้าง จากนั้นก็เอาหัวโขกกำแพงหลายครั้ง “อ๊ากกกก! อย่าคิดนะ อย่าคิด! สองหน้าแล้วยังไง มนุษย์มันก็มีนิสัยสองหน้าเหมือนกันหมดไม่ใช่หรอ! ในใจสาปแช่งให้ไปตาย แต่ปากกลับพูดคุยกันอย่างยิ้มแย้ม…เรื่องแบบนี้มีใครบ้างที่ไม่เคยทำ! เดี๋ยวก่อน…นี่ฉันกำลังคิดอะไรอยู่? ต้องรีบไปจากที่นี่ก่อน ไปจาก…”

“อ๊อก!”

ถังฮ่าวกระอักเลือดออกมาคำโต เขายกมือขึ้นเช็ดปากอย่างงุนงง

มีแต่เลือด…แถมยังเป็นเลือดสีดำด้วย…

เขามองฝ่ามืออย่างเหม่อลอย แล้วอยู่ๆ ก็หัวเราะทั้งน้ำตาอย่างบ้าคลั่งขึ้นมา “ตามเวรตามกรรมบ้าอะไรวะ…นี่มันปล่อยให้ฉันตายชัดๆ…แต่ฉันยังไม่อยากตายจริงๆ นะ!”

ถังฮ่าวพลิกแผ่นหลังพิงผนัง จากนั้นก็ก้มหน้ามองท้องตัวเอง

ภายใต้สถานการณ์ที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เนื้อก้อนนั้นกำลังเกลือกกลิ้งไปมาช้าๆ และทุกครั้งที่ดิ้น มุมปากของเขาก็จะมีเลือดไหลออกมา…เสียงทุบประตูดัง “ตึงตังๆ” ที่อยู่ไม่ไกลราวกับไกลออกไปในทันใด แม้แต่เสียงคำรามของเสี่ยวป๋ายก็ฟังดูเลือนรางเต็มที…

ไม่กี่วินาทีต่อมา ถังฮ่าวใช้ฝ่ามือยันผนัง และหันหน้าเข้าหาผนังอย่างสติเลือนราง “ไม่ได้…อย่างน้อย ต้องล่อสัตว์ประหลาดพวกนี้ไปหาพวกมัน ใช่แล้ว…ล่อไปหาพวกมัน…ฉันยังมีแรงเหลืออยู่ ฉันยังรอดได้…”

…………

“เสี่ยวป๋ายจะไม่เป็นไรจริงๆ หรอ?” อยู่ๆ สวี่ซูหานก็ถามขึ้น

“ไม่เป็นไรหรอก” หลิงม่อบอกอย่างวางใจสุดๆ “ถ้าไม่ไปติดแหง็กที่ไหนเข้าล่ะก็นะ…”

“แล้วมันจะไม่เป็นไรได้ยังไงล่ะนั่น…”

หลิงม่อกลับหัวเราะเบาๆ บอกว่า “ไม่เป็นไรจริงๆ อย่าลืมสิ ยังมีคนที่ช่วยทุ่มเทพลังของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่อยู่อีกคนนะ”

“นายหมายถึง…เชลยคนนั้นน่ะหรอ?” สวี่ซูหานถาม

“ใช่ ถึงแม้ว่าตามปกติแล้ว เขาควรจะพยายามหนีมากกว่า…แน่นอนว่าถึงเขาทำอย่างนั้นมันก็ยังเป็นการแบ่งเบาความกดดันของเราออกไปได้บางส่วน แต่ว่า เขาไม่มีทางเลือกทางนั้นแน่นอน”

“ทำไมล่ะ?”

หลิงม่อครุ่นคิด บอกว่า “มีชีวิตรอดอยู่ได้ชั่วคราว แต่กลับต้องเผชิญหน้ากับจุดจบที่น่ากลัวยิ่งกว่าความตาย…สำหรับเขา ผลลัพธ์จากการเลือกที่จะหนีอาจน่ากลัวกว่าก็ได้ นอกจากนี้…” พูดถึงตรงนี้ อยู่ๆ เขาก็พูเสริมขึ้นอีกว่า “ดูจากสภาพร่างกายของเขา เขาไม่สามารถฉวยโอกาสจับปลาตอนน้ำขุ่น (ฉวยโอกาสตอนชุลมุน) ได้อีกแล้ว แต่อาศัยความบ้าคลั่งของเขา ไม่แน่พวกเราอาจได้รู้เรื่องที่สำคัญมากเรื่องสุดท้ายจากปากเขาก็ได้…”

สวี่ซูหานฟังอย่างอึ้งๆ เธอทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่กลับเหลือเห็นเงาร่างของใครคนหนึ่งกำลังเคลื่อนไหว

“ใครน่ะ!” เธอรีบหันไปถามทันที

เงาร่างผอมแห้งเงาหนึ่งค่อยๆ ชะโงกหน้าออกมาจากมุมอย่างหวาดกลัว แล้วตอบเสียงเบา “ฉันเอง…”

“เจ้าลิงผอม?” หลิงม่อมองตามไป

“ตกใจหมด…ได้ยินเสียง ฉันก็นึกว่าคนพวกนั้นมาแล้วซะอีก” เจ้าลิงผอมเดินออกมา ยกมือลูบท้ายทอยพลางพูดขึ้น

“นายก็ไม่ฟังดูให้ดีๆ ล่ะ” สวี่ซูหานบ่น

“อะแฮ่ม…ก็ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจมีผู้หญิงอยู่ด้วยก็ได้นี่นา…”

แต่หลิงม่อกลับจ้องมองมุมที่เจ้าลิงผอมเดินออกมาอยู่นานสองนาน แล้วอยู่ๆ ก็หันมาถาม “อวี่เหวินซวนล่ะ?”

“เขาหรอ…” เจ้าลิงผอมยกมือเกาหัวอีกครั้ง พลางเผยสีหน้าลำบากใจสุดๆ

“เจ้าบ้านั่น!” หลิงม่อสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาทันที

—————————————————————————–