ตอนที่ 54 กวนไม่ได้หลบก็ไม่ได้
วินาทีนี้เหล่าครูฝึกก็หัวเราะกันเกรียวทันที หลูจื้อพูดแบบนี้ก็เท่ากับยอมรับแล้วสิว่าตัวเองมีความสัมพันธ์บางอย่างกับชุยหัง
ชุยหังรู้สึกเหมือนตอนนี้หัวใจของเขามันกำลังจะระเบิดออกมา เขาเกลียดพวกผู้ชายแบบนี้มากที่สุด ทั้งๆ ที่ไม่ใช่พวกแบบนั้นแต่ก็ยังจงใจสร้างบรรยากาศให้เหมือนตัวเองเบี่ยงเบนแล้ว จากนั้นรอจนเมื่อคุณเข้าไปติดกับเขาเมื่อไหร่ ทั้งใบหน้าก็จะมีแต่ความรังเกียจ ปากบอกว่า ‘สะอิดสะเอียน’ แล้วก็เดินจากไปอย่างสง่าผ่าเผย ยิ่งไปกว่านั้นยังจะเอาเรื่องที่คุณเป็นพวกเกย์ชอบเพศเดียวกันไปใส่ร้ายป้ายสีป่าวประกาศไปทั่วทั้งเมืองบอกว่าตัวเองเกือบจะถูกพวกเกย์มาทำให้แปดเปื้อนเสียแล้ว
คนแบบนี้ ทำไมถึงมักจะใช้แต่วิธีการแบบนี้มาทำลายความบริสุทธิ์ของพวกชอบเพศเดียวกัน แต่กลับพยายามรักษาความรู้สึกอย่างระมัดระวังนะ?
คนอื่นๆ ต่างก็หันมามองทางนี้กันหมดแล้ว โดยเฉพาะพวกผู้หญิงจากการจัดการทางทะเลพวกนั้น ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆ คู่นั้น หันมองมาทางนี้จากนั้นหันกลับไปทางเหล่าเพื่อนผู้หญิงที่ดูเหมือนจะเป็นสาววายแล้วกระซิบกระซาบกันใหญ่
ชุยหังหลับตาลงไม่อยากพูดอะไร เพียงแค่อยากจะอยู่เงียบๆ สักพัก
มองดูใบหน้าที่มีรอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าของหลูจื้อที่อยู่ด้านข้าง ชุยหังครุ่นคิดแต่ก็ยังคิดวิธีการจัดการเอาคืนเขาไม่ออก
ช่างมันเถอะ ในเมื่อหาเรื่องไม่ได้แต่คงจะพอหลบได้บ้างแหละ
เขาจัดการกินข้าวในถาดจนหมดเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว จากนั้นหันกลับไปมองทางหลูจื้อ
“ครูฝึกผมกินเสร็จแล้ว”
พูดจบเขาก็คิดอยากจะลุกขึ้นแล้วรีบออกมาให้ห่าง
แต่ว่าหลูจื้อกลับสนองกลับด้วยการกดเขาให้นั่งอยู่อย่างเดิม
“จะไปไหน”
“กลับหอพัก” ชุยหังพูด
“กลับหอพักไปทำอะไร” หลูจื้อถามขึ้นอีก
ชุยหังแอบคิดในใจว่ากลับหอจะทำอะไรได้นอกจากกลับไปนอนน่ะสิ
แต่ทว่า ไม่รู้ว่าเขาปากพล่อยอะไรถึงได้พูดคำแบบนี้ออกจากปากได้: “นอนกับคุณไง”
ครูฝึกพวกนั้นระเบิดหัวเราะออกมา คนส่วนใหญ่ต่างก็หันมองมาทางนี้ ชุยหังก็รู้สึกว่าไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้วตอนนี้
หลูจื้อก็มองเขาด้วยใบหน้าอึดอัด ผ่านไปนานก็ไม่พูดอะไรสักคำ
“พอแล้วจะหัวเราะอะไรนักหนา มีเรื่องอะไรดีนักหนาถึงได้หัวเราะขนาดนี้” หลูจื้อถาม
แต่ว่าบนหน้าของเขาไม่ได้แสดงว่าไม่ชอบใจ
ครูฝึกพวกนั้นรู้จักกับเขามานานต่างก็มองออกว่าเขาไม่ได้โกรธ ดังนั้นจึงไม่มีใครระงับอารมณ์แต่ยังคงหัวเราะต่อไป
“เปล่าครับแค่พี่สะใภ้มีอารมณ์ขันมากจริงๆ”
“ใช่ ขำชิบหายเลย”
ชุยหังมองดูพวกเขาแต่ละคนที่เอาแต่หัวเราะอย่างพอใจจึงพูดขึ้น: “พี่สะใภ้ของพวกคุณอยู่ข้างนอกโน่นไม่ใช่หรอ”
“ผบ.ครับ ขนาดเรื่องนี้ก็สารภาพกับเขาไปแล้วหรอเนี่ย ทำไมรุกขนาดนี้ล่ะครับ” ครูฝึกประจำห้องสองถามขึ้น ใบหน้าแสดงชัดเจนว่ากำลังมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น
หลูจื้อมองไปทางเขานิดหน่อยพลางพูด: “ไสหัวไปเลย นายน่ะดูหัวเราะชอบใจสุดเลย”
ชุยหังทนไม่ไหวแล้ว หากเป็นแบบนี้ต่อไปเขาจะกลายเป็นจุดโฟกัสแล้ว
ตอนนี้คนทั่วทั้งโรงอาหารดูเหมือนจะกำลังมองมาทางโต๊ะของเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
ช่างมันเถอะไปดีกว่า
เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ ก่อนจะวางอุปกรณ์ทานข้าวในมือลง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงออกไปข้างนอก
ครั้งนี้หลูจื้อยังไม่มีท่าทีจะตอบสนองกลับ ครูฝึกคนอื่นเห็นการกระทำแบบนี้ของเขาต่างก็พากันมึนไปเลยเหมือนกัน ลืมตามองชุยหังค่อยๆ เดินห่างไกลออกไปเรื่อยๆ
“ผบ.ครับตามไปสิ คิดอะไรอยู่” มีคนกระซิบขึ้นมาเบาๆ
ชุยหังรู้สึกว่าสายตาของคนรอบข้างที่มองเขาต่างก็เปลี่ยนไปแล้ว
สวรรค์รีบให้ฟ้าผ่าฉันให้ตายลงตอนนี้เลยเถอะ ทรมานจะตายอยู่แล้ว
ความรู้สึกที่ถูกคนอื่นจับตามองแบบนี้ รู้สึกว่าแผ่นหลังของตัวเองตอนนี้ถูกสายตาคนอื่นจ้องมองจะแทบจะทะลุเป็นรูอยู่แล้ว
สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงคือหลูจื้อลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามเขามาจริงๆ
เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้อะไรทั้งนั้น พลางเร่งความเร็วของฝีเท้าให้เร็วขึ้น
พวกเพื่อนร่วมห้องของเขายังคงนั่งมองเขาจากตรงนั้น ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความงงงวย
พวกเขาคงจะกำลังคาดเดาว่าหลูจื้อคนนี้เอาแต่ตามเหลาอู่ของพวกเขา สรุปแล้วมีความสัมพันธ์อะไรกันแน่
พอเดินออกจากโรงอาหารชุยหังอยากจะรีบวิ่ง แต่ว่าด้านหลังยังมีสายตาอีกหลายคนจับจ้องอยู่ ก็ไม่มีทางเลือก
หลูจื้อกลับไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้นรีบเข้ามาฉุดเขาไว้ก่อนจะทำให้เขาหันกลับมา
“ตอนที่นายยั่วยุฉันอยู่ในป่านั่นก็ฝีมือไม่เลวไม่ใช่หรอ ทำไมตอนนี้ถึงเริ่มหลบหน้าฉันแล้วล่ะ”
ตอนที่ 55 ครูฝึกผมผิดไปแล้ว
ชุยหังหมดคำจะพูดแล้ว ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนลากชุยหังเข้าไปในป่านั่นแท้ๆ แถมยังพูดจากแปลกๆ กับเขา ตอนนี้กลับมาโทษตนเสียอย่างนั้น?
“ครูฝึกครับ เรื่องล้อเล่นนี้ครูฝึกเป็นคนเริ่มเล่นก่อนนะครับ อีกอย่างคุณก็มีแฟนอยู่แล้ว อยู่ให้ห่างๆ จากผมหน่อยจะได้ไหม” ชุยหังพูด
“ถ้าไม่มีแฟนก็สามารถเข้าใกล้นายได้?” ตรรกะของหลูจื้อดูเหมือนจะไม่ค่อยปกติเท่าไหร่
ชุยหังมองเขาและหมดคำจะพูดแล้วจริงๆ
“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น…”
“ถ้าอย่างนั้นนายหมายความว่ายังไง” หลูจื้อถาม
ชุยหังคิดอยู่ครู่หนึ่งพลางพูดขึ้น: “ครูฝึกครับ ปล่อยผมไปเถอะ ผมผิดไปแล้วคราวหลังจะไม่ล้อเล่นกับคุณอีกแล้ว”
“นายผิดไปแล้ว? นายผิดตรงไหน” หลูจื้อยังคงไม่เลิกไม่รา
วินาทีนี้ชุยหังรู้สึกเหมือนทุกอย่างพังทลายไปแล้ว คนเป็นทหารต่างก็เป็นพวกตรงไปตรงมาไม่ใช่หรอ อีกอย่างคงไม่ได้คอยติดหนึบแบบนี้หรอกใช่ไหม ทำไมหลูจื้อที่ภายนอกดูแมนๆ ขนาดนี้ พอทำเรื่องอะไรขึ้นมาถึงทำให้ตนรู้สึกไม่สบายใจได้ขนาดนี้?
“ผมผิดทุกอย่างเลยโอเคไหม” ชุยหังพูด
“นายไม่ผิดแน่นอนอยู่แล้ว ท่าทางแบบนี้ก็ไม่ดูเหมือนสำนึกผิดสักนิด” หลูจื้อพูด
ชุยหังพูดอย่างหมดความอดทน: “ได้ ครูฝึกหลู คุณอยากให้ผมสำนึกผิดยังไงครับ”
“นายไม่ผิดจะสำนึกผิดอะไรล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณอยากให้ผมทำยังไง” ชุยหังพูด
หลูจื้อครุ่นคิดแล้วเอ่ยขึ้น: “อย่าหลบหน้าฉันก็พอแล้ว อันที่จริงนายไม่ต้องคิดมากขนาดนั้น คิดว่าฉันกลั่นแกล้งพวกนายอะไรแบบนั้นน่ะ ฉันพึ่งจะเคยเป็นครูฝึกครั้งแรกก็เลยอยากจะดูแลความรู้สึกของทุกๆ คน วันๆ นายก็เอาแต่สติล่องลอย ฉันก็แค่อยากรู้ว่านายเป็นอะไรกันแน่”
ชุยหังฟังเขาอธิบาย ไม่รู้ว่าทำไมวินาทีนั้นถึงได้รู้สึกผิดหวังขึ้นมานิดหน่อย
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ยังดีที่ตนยังไม่ได้เชื่อคำพูดเมื่อก่อนหน้านี้ของเขา ไม่เชื่อในสิ่งที่เขาล้อเล่นเมื่อก่อนหน้านี้ ไม่อย่างนั้นตนคงจะเป็นแค่เรื่องน่าขำตั้งแต่ต้นจนจบ
เอาแนวคิดของพวกเกย์ไปใคร่ครวญความคิดของพวกผู้ชายแท้เดิมทีมันก็ผิดอยู่แล้ว
น่าเสียดายที่เขาไม่เคยหลบหลีกจากความเข้าใจผิดนั้นได้เลย
“ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณครับครูฝึก ผมก็แค่คิดถึงบ้านนิดหน่อย แล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงด้วย บวกกับหลายวันมานี้เรื่องราวมันมากมายไปหมดก็เลยรู้สึกอึดอัดใจนิดหน่อย” ชุยหังร่ายคำพูดโกหกออกมา
หลูจื้อถอนหายใจยาวพลางพูดขึ้น: “คิดถึงบ้านก็เป็นเรื่องธรรมดา ในกองทัพของเรามีทหารใหม่จำนวนไม่น้อย ตอนที่พึ่งมาใหม่ๆ ต่างก็พากันร้องไห้ทุกวัน หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ปรับตัวได้ ทำไม นายพึ่งห่างจากบ้านไกลๆ แบบนี้ครั้งแรกหรอ”
สถานการณ์มันเปลี่ยนเร็วเกินไปแล้ว ทำให้ชุยหังยังเหมือนตามไม่ค่อยทัน
“ไปเถอะ ฉันจะไปส่งนายที่หอพัก” หลูจื้อพูด
เดิมทีชุยหังอยากจะบอกว่าไม่ต้อง แต่คิดดูอีกทีตอนนี้ทางที่ดีตัวเองไม่ควรจะปฏิเสธจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะเป็นตนเองที่โชคร้าย คำโกหกทั้งหลายที่พึ่งจะแต่งออกไปเมื่อครู่จะถูกเขามองทะลุปรุโปร่งหมด
“ขอบคุณครับครูฝึก” เขาพูด
อันที่จริงตอนนี้เหมือนเขากำลังรู้สึกเสียใจภายหลัง เหตุผลนี้ดูเหมือนตัวเองจะหาได้ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
หลูจื้อยังคงพูดไม่ยอมหยุด สิ่งที่ยากสำหรับการจากบ้านไปไกลคือการที่ต้องออกไปร้องไห้ลำพังข้างนอกคนเดียว มันจะคิดถึงบ้านมากจริงๆ ตอนที่เขาไปศึกษาพิเศษที่เมืองไท่หยวน [1] ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ทรมานจนแทบทนไม่ไหว
ในหัวของชุยหังเหมือนบ้าไปแล้ว เขาพลันถามขึ้นประโยคหนึ่ง: “ครูฝึก พวกคุณต้องไปศึกษาพิเศษด้วยหรอ”
“เหลวไหล ไม่ศึกษาพิเศษแล้วจะมีตำแหน่งได้ยังไง”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมตอนนี้ยังเป็นผบ.หมวดอยู่เลยล่ะ” ชุยหังถาม
ไหนๆ ก็ถามบ้าๆ แล้วก็บ้าให้มันสุดไปเลยแล้วกัน
หลูจื้อมองไปรอบๆ ก็เห็นว่าไม่มีคนตามพวกเขามา
เขาโน้มตัวลงจากนั้นกระซิบข้างหูของชุยหังเบาๆ : “รองผู้บังคับกองร้อย ครั้งนี้กลับไปก็จะได้เลื่อนแล้ว”
ตอนนี้ชุยหังมึนไปแล้ว ผู้บังคับกองร้อย?
จากนั้นเขาก็ถามคำถามที่โง่ที่สุดออกไปคำถามหนึ่ง: “ผู้บังคับกองร้อยเงินเดือนเท่าไหร่หรอครับ”
“เกี่ยวอะไรกับนาย” หลูจื้อหัวเราะออกมา
ไม่นานก็เดินมาถึงด้านล่างของตึกหกเก่าแก่แล้ว หลูจื้อมองหน้าชุยหังก่อนจะเอื้อมมือออกมาแตะเข้าที่จมูกของชุยหังพลางพูด: “เอาล่ะ ขึ้นไปเถอะ จำไว้นะว่าคราวหลังห้ามหลบหน้าฉันอีก”
——
[1] เมืองไท่หยวน (太原)หมายถึงเมืองหลวงของมณฑลซานซี