ตอนที่ 54 กวนไม่ได้หลบก็ไม่ได้ / ตอนที่ 55 ครูฝึกผมผิดไปแล้ว

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 54 กวนไม่ได้หลบก็ไม่ได้ 

 

 

วินาทีนี้เหล่าครูฝึกก็หัวเราะกันเกรียวทันที หลูจื้อพูดแบบนี้ก็เท่ากับยอมรับแล้วสิว่าตัวเองมีความสัมพันธ์บางอย่างกับชุยหัง 

 

 

ชุยหังรู้สึกเหมือนตอนนี้หัวใจของเขามันกำลังจะระเบิดออกมา เขาเกลียดพวกผู้ชายแบบนี้มากที่สุด ทั้งๆ ที่ไม่ใช่พวกแบบนั้นแต่ก็ยังจงใจสร้างบรรยากาศให้เหมือนตัวเองเบี่ยงเบนแล้ว จากนั้นรอจนเมื่อคุณเข้าไปติดกับเขาเมื่อไหร่ ทั้งใบหน้าก็จะมีแต่ความรังเกียจ ปากบอกว่า ‘สะอิดสะเอียน’ แล้วก็เดินจากไปอย่างสง่าผ่าเผย ยิ่งไปกว่านั้นยังจะเอาเรื่องที่คุณเป็นพวกเกย์ชอบเพศเดียวกันไปใส่ร้ายป้ายสีป่าวประกาศไปทั่วทั้งเมืองบอกว่าตัวเองเกือบจะถูกพวกเกย์มาทำให้แปดเปื้อนเสียแล้ว 

 

 

คนแบบนี้ ทำไมถึงมักจะใช้แต่วิธีการแบบนี้มาทำลายความบริสุทธิ์ของพวกชอบเพศเดียวกัน แต่กลับพยายามรักษาความรู้สึกอย่างระมัดระวังนะ? 

 

 

คนอื่นๆ ต่างก็หันมามองทางนี้กันหมดแล้ว โดยเฉพาะพวกผู้หญิงจากการจัดการทางทะเลพวกนั้น ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆ คู่นั้น หันมองมาทางนี้จากนั้นหันกลับไปทางเหล่าเพื่อนผู้หญิงที่ดูเหมือนจะเป็นสาววายแล้วกระซิบกระซาบกันใหญ่ 

 

 

ชุยหังหลับตาลงไม่อยากพูดอะไร เพียงแค่อยากจะอยู่เงียบๆ สักพัก 

 

 

มองดูใบหน้าที่มีรอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าของหลูจื้อที่อยู่ด้านข้าง ชุยหังครุ่นคิดแต่ก็ยังคิดวิธีการจัดการเอาคืนเขาไม่ออก 

 

 

ช่างมันเถอะ ในเมื่อหาเรื่องไม่ได้แต่คงจะพอหลบได้บ้างแหละ 

 

 

เขาจัดการกินข้าวในถาดจนหมดเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว จากนั้นหันกลับไปมองทางหลูจื้อ 

 

 

“ครูฝึกผมกินเสร็จแล้ว” 

 

 

พูดจบเขาก็คิดอยากจะลุกขึ้นแล้วรีบออกมาให้ห่าง 

 

 

แต่ว่าหลูจื้อกลับสนองกลับด้วยการกดเขาให้นั่งอยู่อย่างเดิม 

 

 

“จะไปไหน” 

 

 

“กลับหอพัก” ชุยหังพูด 

 

 

“กลับหอพักไปทำอะไร” หลูจื้อถามขึ้นอีก 

 

 

ชุยหังแอบคิดในใจว่ากลับหอจะทำอะไรได้นอกจากกลับไปนอนน่ะสิ 

 

 

แต่ทว่า ไม่รู้ว่าเขาปากพล่อยอะไรถึงได้พูดคำแบบนี้ออกจากปากได้: “นอนกับคุณไง” 

 

 

ครูฝึกพวกนั้นระเบิดหัวเราะออกมา คนส่วนใหญ่ต่างก็หันมองมาทางนี้ ชุยหังก็รู้สึกว่าไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้วตอนนี้ 

 

 

หลูจื้อก็มองเขาด้วยใบหน้าอึดอัด ผ่านไปนานก็ไม่พูดอะไรสักคำ 

 

 

“พอแล้วจะหัวเราะอะไรนักหนา มีเรื่องอะไรดีนักหนาถึงได้หัวเราะขนาดนี้” หลูจื้อถาม 

 

 

แต่ว่าบนหน้าของเขาไม่ได้แสดงว่าไม่ชอบใจ 

 

 

ครูฝึกพวกนั้นรู้จักกับเขามานานต่างก็มองออกว่าเขาไม่ได้โกรธ ดังนั้นจึงไม่มีใครระงับอารมณ์แต่ยังคงหัวเราะต่อไป 

 

 

“เปล่าครับแค่พี่สะใภ้มีอารมณ์ขันมากจริงๆ” 

 

 

“ใช่ ขำชิบหายเลย” 

 

 

ชุยหังมองดูพวกเขาแต่ละคนที่เอาแต่หัวเราะอย่างพอใจจึงพูดขึ้น: “พี่สะใภ้ของพวกคุณอยู่ข้างนอกโน่นไม่ใช่หรอ” 

 

 

“ผบ.ครับ ขนาดเรื่องนี้ก็สารภาพกับเขาไปแล้วหรอเนี่ย ทำไมรุกขนาดนี้ล่ะครับ” ครูฝึกประจำห้องสองถามขึ้น ใบหน้าแสดงชัดเจนว่ากำลังมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น 

 

 

หลูจื้อมองไปทางเขานิดหน่อยพลางพูด: “ไสหัวไปเลย นายน่ะดูหัวเราะชอบใจสุดเลย” 

 

 

ชุยหังทนไม่ไหวแล้ว หากเป็นแบบนี้ต่อไปเขาจะกลายเป็นจุดโฟกัสแล้ว 

 

 

ตอนนี้คนทั่วทั้งโรงอาหารดูเหมือนจะกำลังมองมาทางโต๊ะของเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ 

 

 

ช่างมันเถอะไปดีกว่า 

 

 

เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ ก่อนจะวางอุปกรณ์ทานข้าวในมือลง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงออกไปข้างนอก 

 

 

ครั้งนี้หลูจื้อยังไม่มีท่าทีจะตอบสนองกลับ ครูฝึกคนอื่นเห็นการกระทำแบบนี้ของเขาต่างก็พากันมึนไปเลยเหมือนกัน ลืมตามองชุยหังค่อยๆ เดินห่างไกลออกไปเรื่อยๆ 

 

 

“ผบ.ครับตามไปสิ คิดอะไรอยู่” มีคนกระซิบขึ้นมาเบาๆ 

 

 

ชุยหังรู้สึกว่าสายตาของคนรอบข้างที่มองเขาต่างก็เปลี่ยนไปแล้ว 

 

 

สวรรค์รีบให้ฟ้าผ่าฉันให้ตายลงตอนนี้เลยเถอะ ทรมานจะตายอยู่แล้ว 

 

 

ความรู้สึกที่ถูกคนอื่นจับตามองแบบนี้ รู้สึกว่าแผ่นหลังของตัวเองตอนนี้ถูกสายตาคนอื่นจ้องมองจะแทบจะทะลุเป็นรูอยู่แล้ว 

 

 

สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงคือหลูจื้อลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามเขามาจริงๆ 

 

 

เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้อะไรทั้งนั้น พลางเร่งความเร็วของฝีเท้าให้เร็วขึ้น 

 

 

พวกเพื่อนร่วมห้องของเขายังคงนั่งมองเขาจากตรงนั้น ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความงงงวย 

 

 

พวกเขาคงจะกำลังคาดเดาว่าหลูจื้อคนนี้เอาแต่ตามเหลาอู่ของพวกเขา สรุปแล้วมีความสัมพันธ์อะไรกันแน่ 

 

 

พอเดินออกจากโรงอาหารชุยหังอยากจะรีบวิ่ง แต่ว่าด้านหลังยังมีสายตาอีกหลายคนจับจ้องอยู่ ก็ไม่มีทางเลือก 

 

 

หลูจื้อกลับไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้นรีบเข้ามาฉุดเขาไว้ก่อนจะทำให้เขาหันกลับมา 

 

 

“ตอนที่นายยั่วยุฉันอยู่ในป่านั่นก็ฝีมือไม่เลวไม่ใช่หรอ ทำไมตอนนี้ถึงเริ่มหลบหน้าฉันแล้วล่ะ” 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 55 ครูฝึกผมผิดไปแล้ว 

 

 

ชุยหังหมดคำจะพูดแล้ว ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนลากชุยหังเข้าไปในป่านั่นแท้ๆ แถมยังพูดจากแปลกๆ กับเขา ตอนนี้กลับมาโทษตนเสียอย่างนั้น? 

 

 

“ครูฝึกครับ เรื่องล้อเล่นนี้ครูฝึกเป็นคนเริ่มเล่นก่อนนะครับ อีกอย่างคุณก็มีแฟนอยู่แล้ว อยู่ให้ห่างๆ จากผมหน่อยจะได้ไหม” ชุยหังพูด 

 

 

“ถ้าไม่มีแฟนก็สามารถเข้าใกล้นายได้?” ตรรกะของหลูจื้อดูเหมือนจะไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ 

 

 

ชุยหังมองเขาและหมดคำจะพูดแล้วจริงๆ 

 

 

“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น…” 

 

 

“ถ้าอย่างนั้นนายหมายความว่ายังไง” หลูจื้อถาม 

 

 

ชุยหังคิดอยู่ครู่หนึ่งพลางพูดขึ้น: “ครูฝึกครับ ปล่อยผมไปเถอะ ผมผิดไปแล้วคราวหลังจะไม่ล้อเล่นกับคุณอีกแล้ว” 

 

 

“นายผิดไปแล้ว? นายผิดตรงไหน” หลูจื้อยังคงไม่เลิกไม่รา 

 

 

วินาทีนี้ชุยหังรู้สึกเหมือนทุกอย่างพังทลายไปแล้ว คนเป็นทหารต่างก็เป็นพวกตรงไปตรงมาไม่ใช่หรอ อีกอย่างคงไม่ได้คอยติดหนึบแบบนี้หรอกใช่ไหม ทำไมหลูจื้อที่ภายนอกดูแมนๆ ขนาดนี้ พอทำเรื่องอะไรขึ้นมาถึงทำให้ตนรู้สึกไม่สบายใจได้ขนาดนี้? 

 

 

“ผมผิดทุกอย่างเลยโอเคไหม” ชุยหังพูด 

 

 

“นายไม่ผิดแน่นอนอยู่แล้ว ท่าทางแบบนี้ก็ไม่ดูเหมือนสำนึกผิดสักนิด” หลูจื้อพูด 

 

 

ชุยหังพูดอย่างหมดความอดทน: “ได้ ครูฝึกหลู คุณอยากให้ผมสำนึกผิดยังไงครับ” 

 

 

“นายไม่ผิดจะสำนึกผิดอะไรล่ะ” 

 

 

“ถ้าอย่างนั้นคุณอยากให้ผมทำยังไง” ชุยหังพูด 

 

 

หลูจื้อครุ่นคิดแล้วเอ่ยขึ้น: “อย่าหลบหน้าฉันก็พอแล้ว อันที่จริงนายไม่ต้องคิดมากขนาดนั้น คิดว่าฉันกลั่นแกล้งพวกนายอะไรแบบนั้นน่ะ ฉันพึ่งจะเคยเป็นครูฝึกครั้งแรกก็เลยอยากจะดูแลความรู้สึกของทุกๆ คน วันๆ นายก็เอาแต่สติล่องลอย ฉันก็แค่อยากรู้ว่านายเป็นอะไรกันแน่” 

 

 

ชุยหังฟังเขาอธิบาย ไม่รู้ว่าทำไมวินาทีนั้นถึงได้รู้สึกผิดหวังขึ้นมานิดหน่อย 

 

 

ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ยังดีที่ตนยังไม่ได้เชื่อคำพูดเมื่อก่อนหน้านี้ของเขา ไม่เชื่อในสิ่งที่เขาล้อเล่นเมื่อก่อนหน้านี้ ไม่อย่างนั้นตนคงจะเป็นแค่เรื่องน่าขำตั้งแต่ต้นจนจบ 

 

 

เอาแนวคิดของพวกเกย์ไปใคร่ครวญความคิดของพวกผู้ชายแท้เดิมทีมันก็ผิดอยู่แล้ว 

 

 

น่าเสียดายที่เขาไม่เคยหลบหลีกจากความเข้าใจผิดนั้นได้เลย 

 

 

“ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณครับครูฝึก ผมก็แค่คิดถึงบ้านนิดหน่อย แล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงด้วย บวกกับหลายวันมานี้เรื่องราวมันมากมายไปหมดก็เลยรู้สึกอึดอัดใจนิดหน่อย” ชุยหังร่ายคำพูดโกหกออกมา 

 

 

หลูจื้อถอนหายใจยาวพลางพูดขึ้น: “คิดถึงบ้านก็เป็นเรื่องธรรมดา ในกองทัพของเรามีทหารใหม่จำนวนไม่น้อย ตอนที่พึ่งมาใหม่ๆ ต่างก็พากันร้องไห้ทุกวัน หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ปรับตัวได้ ทำไม นายพึ่งห่างจากบ้านไกลๆ แบบนี้ครั้งแรกหรอ” 

 

 

สถานการณ์มันเปลี่ยนเร็วเกินไปแล้ว ทำให้ชุยหังยังเหมือนตามไม่ค่อยทัน 

 

 

“ไปเถอะ ฉันจะไปส่งนายที่หอพัก” หลูจื้อพูด 

 

 

เดิมทีชุยหังอยากจะบอกว่าไม่ต้อง แต่คิดดูอีกทีตอนนี้ทางที่ดีตัวเองไม่ควรจะปฏิเสธจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะเป็นตนเองที่โชคร้าย คำโกหกทั้งหลายที่พึ่งจะแต่งออกไปเมื่อครู่จะถูกเขามองทะลุปรุโปร่งหมด 

 

 

“ขอบคุณครับครูฝึก” เขาพูด 

 

 

อันที่จริงตอนนี้เหมือนเขากำลังรู้สึกเสียใจภายหลัง เหตุผลนี้ดูเหมือนตัวเองจะหาได้ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ 

 

 

หลูจื้อยังคงพูดไม่ยอมหยุด สิ่งที่ยากสำหรับการจากบ้านไปไกลคือการที่ต้องออกไปร้องไห้ลำพังข้างนอกคนเดียว มันจะคิดถึงบ้านมากจริงๆ ตอนที่เขาไปศึกษาพิเศษที่เมืองไท่หยวน [1] ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ทรมานจนแทบทนไม่ไหว 

 

 

ในหัวของชุยหังเหมือนบ้าไปแล้ว เขาพลันถามขึ้นประโยคหนึ่ง: “ครูฝึก พวกคุณต้องไปศึกษาพิเศษด้วยหรอ” 

 

 

“เหลวไหล ไม่ศึกษาพิเศษแล้วจะมีตำแหน่งได้ยังไง” 

 

 

“ถ้าอย่างนั้นทำไมตอนนี้ยังเป็นผบ.หมวดอยู่เลยล่ะ” ชุยหังถาม 

 

 

ไหนๆ ก็ถามบ้าๆ แล้วก็บ้าให้มันสุดไปเลยแล้วกัน 

 

 

หลูจื้อมองไปรอบๆ ก็เห็นว่าไม่มีคนตามพวกเขามา 

 

 

เขาโน้มตัวลงจากนั้นกระซิบข้างหูของชุยหังเบาๆ : “รองผู้บังคับกองร้อย ครั้งนี้กลับไปก็จะได้เลื่อนแล้ว” 

 

 

ตอนนี้ชุยหังมึนไปแล้ว ผู้บังคับกองร้อย? 

 

 

จากนั้นเขาก็ถามคำถามที่โง่ที่สุดออกไปคำถามหนึ่ง: “ผู้บังคับกองร้อยเงินเดือนเท่าไหร่หรอครับ” 

 

 

“เกี่ยวอะไรกับนาย” หลูจื้อหัวเราะออกมา 

 

 

ไม่นานก็เดินมาถึงด้านล่างของตึกหกเก่าแก่แล้ว หลูจื้อมองหน้าชุยหังก่อนจะเอื้อมมือออกมาแตะเข้าที่จมูกของชุยหังพลางพูด: “เอาล่ะ ขึ้นไปเถอะ จำไว้นะว่าคราวหลังห้ามหลบหน้าฉันอีก” 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

[1] เมืองไท่หยวน (太原)หมายถึงเมืองหลวงของมณฑลซานซี