เพียงแต่ในตอนนี้เจียงหลีหันหลังให้เหวินเหรินชิ่งชิ่งอยู่ ไม่ได้ทำให้นางสังเกตเห็นจุดนี้ มิฉะนั้นนางจะต้องเกิดความสงสัยในตัวเจียงหลี ‘ทาสสาว’ คนนี้อย่างแน่นอน
“นี่ ยังจะไปอยู่หรือไม่” เหวินเหรินชิ่งชิ่งพูดเร่งเร้า
ลู่เสวียนหายใจเข้าลึกๆ ลุกขึ้นมาจากพื้น ปัดเศษหญ้าบนเสื้อผ้าด้วยความโมโห แล้วรีบเดินไปหานาง
“ข้าดูทางเอง” ลู่เสวียนแย่งแผนที่มาจากมือเหวินเหรินชิ่งชิ่ง
“เจ้า!” ในแววตาของเหวินเหรินชิ่งชิ่งเกิดความโกรธขึ้น
ลู่เสวียนจ้องตาเขม็ง เอาแผนที่มาแล้วก็รีบเดินไปข้างหน้า
เหวินเหรินชิ่งชิ่งมองเขาจากด้านหลังอย่างหน้าบูดหน้าเบี้ยว แล้วก็กระทืบเท้าอย่างแรง
“องค์หญิงอย่าโกรธไปเลยนะเพคะ องค์ชายของพวกเราก็นิสัยแบบนี้ ทนเห็นคนงามลำบากไม่ได้ งานหนักแบบนี้ ก็ให้เขาทำไปเถอะ” เจียงหลีเอามือไขว่หลัง ยิ้มตาหยีแล้วเดินไปตรงหน้าเหวินเหรินชิ่งชิ่ง
เหวินเหรินชิ่งชิ่งหันไปมองนาง ความโกรธในแววตาของนางลดลง เพราะคำพูดของเจียงหลี นางมองเจียงหลีอย่างพินิจพิเคราะห์ แล้วถามว่า “เขานิสัยแย่แบบนี้ตลอดเลยหรือ”
เอ๊ะ ลู่เสวียนนิสัยแย่อย่างนั้นรึ
ในใจเจียงหลีรู้สึกน่าขัน มองลู่เสวียน แล้วพูดกับเหวินเหรินชิ่งชิ่งว่า “อืม ก็ไม่ได้แย่มาก กับคนที่ไม่ชอบ เขาจะไม่สนใจ หรือไม่ก็เสียมารยาทใส่ กับคนที่สนใจหรือคนที่ชอบ เขาก็จะค่อนข้างเหมือนเด็กอย่างเห็นได้ชัด ทำนิสัยไม่ดี ไร้เดียงสา”
คนที่ชอบ!
เมื่อเหวินเหรินชิ่งชิ่งได้ยินสามคำนี้ นางก็รู้สึกแปลกๆ แล้วก็หน้าแดง ในใจว้าวุ่นไปหมด เพียงแต่ชั่วพริบตาเดียวก็กลับมาเป็นปกติ สายตาที่มองลู่เสวียนเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
“องค์หญิงทำไมถึงไม่ชอบองค์ชายของข้าหรือเพคะ” เจียงหลีถือโอกาสถาม
เหวินเหรินชิ่งชิ่งเบะปาก แล้วพูดว่า “ก็ไม่ได้อะไร เพียงแต่ข้าไม่อยากเป็นคนที่เสียสละเพื่อประโยชน์ของทั้งสองแคว้นก็เท่านั้น เปลี่ยนเป็นใครมา ข้าก็ไม่สนทั้งนั้น”
“เข้าใจแล้วเพคะ” เจียงหลียิ้ม แล้วก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
ทั้งสามคนเดินทางในป่ากันต่อ ในตอนที่เจอกับสัตว์ป่าและปีศาจชั้นต่ำ ก็ล้วนแต่ถูกลู่เสวียนจัดการหมด ทุกครั้งหลังจากที่เขาจัดการเสร็จ ก็ไม่ลืมที่จะมองไปยังเหวินเหรินชิ่งชิ่งด้วยความโอ้อวด เหมือนว่ากำลังใช้การกระทำจริงๆ มาโต้แย้งที่นางว่าเขาเมื่อครู่นี้
แน่นอนว่าท่าทางโอ้อวดแบบนี้ ทำให้เหวินเหรินชิ่งชิ่งมองบน แต่เพราะว่าคำพูดที่เจียงหลีพูดก่อนหน้านี้ ใจที่ไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิดของเหวินเหรินชิ่งชิ่ง ก็เกิดหวั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย
เดินอยู่นาน ลู่เสวียนหยุดลง แล้วดูแผนที่อย่างละเอียด ถึงจะยืนยันว่า “คือที่นี่แหละ”
“ทางเข้าอยู่ที่ไหน” เจียงหลีมองไปรอบๆ ไม่เจออะไรที่ผิดปกติ
เหวินเหรินชิ่งชิ่งพูดว่า “สุสานโบราณหลิงจง ปกติอยู่ด้านนอกจะมีสิ่งบดบังสายตา ทางเข้าก็คงไม่ได้มีแค่ทางเดียว สามารถทำลายสิ่งบดบังสายตาได้หรือไม่ การเข้าสู่สุสานโบราณ ก็ถือเป็นการฝึกประสบการณ์ครั้งแรก”
“มิน่าล่ะตลอดทางที่ผ่านมา ก็ไม่เห็นคนตระกูลไป๋เซี่ยงเลย” เจียงหลีครุ่นคิดแล้วพูดพึมพำ
คำพูดนี้ถูกเหวินเหรินชิ่งชิ่งที่อยู่ข้างๆ ได้ยิน แล้วก็พูดเสริมว่า “รอให้เข้าสู่สุสานโบราณแล้ว เจ้าก็จะเห็นเอง เดิมที่นี่เป็นการฝึกประสบการณ์ของตระกูลพวกเขา แต่เพราะว่าการที่พวกเราเข้าร่วม ข้าสงสัยว่าคนของตระกูลไป๋เซี่ยงต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษแน่นอน ผู้อาวุโสที่เคยมาก่อนหน้านี้รู้วิธีการทำลายสิ่งบดบังสายตานี้แล้ว ถึงอย่างไร ได้เข้าไปเร็วกว่า ก็สามารถมีโอกาสที่มากกว่า”
เจียงหลีเห็นด้วยกับการวิเคราะห์นี้ นางพยักหน้า แล้วก็ค้นหาและสังเกตไปยังรอบๆ อย่างละเอียด
“ลองๆ ดู เดี๋ยวก็รู้แล้ว” ลู่เสวียนพูดจบ ก็ยกมือขึ้น แล้วปล่อยพลังวิญญาณออกมา
พลังวิญญาณพุ่งไปยังโขดหิน ทำให้โขดหินที่เต็มไปด้วยตะไคร่น้ำระเบิดกระจาย
ตู้ม!
เหวินเหรินชิ่งชิ่งมองเขาด้วยความดูถูก
ลู่เสวียนหันมามองอย่างเย็นชา “ไม่ว่ามันจะบุ่มบ่ามหรือไม่ ถ้าได้ผลก็ดี ถ้าหากที่นี่มีสิ่งบดบังสายตา โดนพลังวิญญาณเข้าไป แน่นอนว่าต้องมีปฏิกิริยาที่ต่างออกไป”
“…” เหวินเหรินชิ่งชิ่งพิจารณาคำพูดของเขาอย่างละเอียด ก็ค้นพบว่าตัวเองไม่มีทางโต้ตอบ
นางไม่รู้วิธี วิธีของลู่เสวียนเหมือนว่าจะมีผลโดยตรงที่สุด
ตู้ม!
เสียงโขดหินระเบิดดังขึ้นอีก
ครั้งนี้ นางไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ถอยหลังไปสองสามก้าว แล้วดูลู่เสวียนอย่างเงียบๆ
เจียงหลีเอามือไขว้หลังและยืนอยู่ข้างๆ เหมือนกัน ไม่ได้ก้าวก่าย
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่นางมาสำรวจสุสานโบราณ หลังจากที่นางได้มาถึงโลกใบนี้ ในใจเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ลู่เสวียนวนรอบที่ๆ ทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่ ทุกๆ สิบก้าว เขาก็จะปล่อยพลังวิญญาณออกมาสำรวจ ในตอนที่เขาเดินวนไปครึ่งรอบใหญ่ก็ปล่อยพลังวิญญาณออกมาอีกครั้ง แต่กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ต่างออกไป พลังวิญญาณที่ปล่อยออกไปเหมือนกับมีคลื่นเล็กๆ ที่มองไม่เห็นสะท้อนกลับมา หลังจากนั้นก็ถูกพลังนั้นดูดหายไป
“เจอแล้ว!” ลู่เสวียนแววตาเปล่งประกาย พูดด้วยความตื่นเต้น
ไม่ต้องให้เขาบอก ในตอนที่เห็นว่าพลังของเขาถูกดูดเข้าไป เหวินเหรินชิ่งชิ่งและเจียงหลีก็รีบตามมา
ลู่เสวียนยื่นมืออกมา แล้วลูบไปยังที่คลื่นเล็กๆ นั้นปรากฏออกมาก่อนหน้านี้
เพิ่งจะสัมผัสโดนมือของเขาก็รู้สึกเย็นเจี๊ยบเหมือนอยู่ในน้ำ เขายังไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่ เขาก็ถูกพลังนี้ดูดไว้
ไม่ได้การละ! ลู่เสวียนเบิกตาโต อยากจะเอามือออกจากพลังนั้น แต่คาดไม่ถึงว่าพอเขายิ่งดึงออก แรงดึงดูดก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
ชั่วพริบตา เขาก็ถูกดึงเขาไปข้างใน หายไปต่อหน้าต่อตาของเหวินเหรินชิ่งชิ่งและเจียงหลี
“เขาเข้าไปแล้ว!” เหวินเหรินชิ่งชิ่งพูดเสียงหลง
“พวกเราก็ไปกันเถอะ” เจียงหลีพูดจบ นางก็ยกเท้าก้าวเข้าไปข้างใน รู้สึกว่ามีแรงดึงดูดเหมือนกัน แล้วก็ดูดนางเข้าไปแล้ว
ทั้งสองหายไปจากตรงหน้าของตัวเอง เหวินเหรินชิ่งชิ่งก็ไม่ลังเลแล้วทะลุตามไป
ในตอนที่เจียงหลีรู้สึกว่าแรงดึงดูดนั้นหายไปแล้ว ตรงหน้ามืดไปหมด รอบๆ มีลมที่ทำให้เหน็บหนาวไปถึงกระดูกพัดมา เหมือนว่าลมนี้จะไม่ได้มีทิศทางที่แน่นอน มันพัดมาจากทุกทิศทาง ลมพัดแรงจนรู้สึกเจ็บใบหน้า ชายเสื้อก็ถูกพัดจนเกิดเสียง
“ที่นี่คือสุสานโบราณหรือ” ท่ามกลางความมืด เสียงของลู่เสวียนก็ดังขึ้น
เจียงหลีหันไปตามเสียง หาตัวเขาในความมืด “ลู่เสวียนล่ะ”
“ทำไมถึงได้มืดจัง!” ในตอนนี้เสียงของเหวินเหรินชิ่งชิ่ง ก็ดังขึ้นข้างหลังเจียงหลี
รู้สึกว่าทั้งสองคนอยู่ไม่ไกลจากตัวเอง เจียงหลีก็ไม่ได้รีบร้อน ตาใช้มองไม่ได้ นางก็ค่อยๆ ปล่อยพลังจิตไปค้นหาสถานที่ๆ มืดมิดแห่งนี้
ลมที่หนาวเหน็บไปถึงกระดูก สุสานโบราณที่มืดมิดให้ความรู้สึกที่เยือกเย็น
เพียงแต่ในเมื่อที่นี่คือสุสานโบราณ ทำไมถึงได้มีลมแรงเช่นนี้
ตามพลังจิตที่ปล่อยออกไป เจียงหลีเห็น ‘เงา’ ที่เลือนรางในความมืด นางเงยหน้ามองแล้วเห็นบางสิ่งบางอย่างห้อยอยู่ข้างบน ทันใดนั้นนางก็หรี่ตา แล้วดีดพลังวิญญาณออกจากปลายนิ้ว พุ่งตรงไปยังสิ่งๆ นั้น
ตู้มมม!
วัตถุที่ถูกยิง ทันใดนั้นก็เกิดเปลวไฟขึ้นมา ทำให้ความมืดมิดตรงหน้าของทั้งสามคนหายไป เปลวไฟนี้จากหนึ่งดวงแยกออกเป็นสี่ดวง แล้วก็พุ่งแยกออกไปสี่มุม
ในตอนที่มุมทั้งสี่ไฟลุกขึ้น เปลวไฟดวงนั้นในตอนแรกก็ค่อยๆ ดับไป
แสงไฟส่องสว่างทั่วพื้นที่แห่งนี้
ตามองเห็นได้แล้ว ทั้งสามคนเพิ่งรู้ว่าพวกเขาอยู่ในถ้ำที่กว้างใหญ่แห่งหนึ่ง และใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาก็คือสะพานที่ขาด ถ้าหากเดินหน้าเพียงแค่ก้าวเดียวก็จะตกลงไปจากที่สูง
โครม!
อ้าก!
เสียงร้องที่ตกใจดังขึ้นตามมาแล้วก็เสียงก้อนหินก้อนเล็กๆ ที่ตกลงไป ลู่เสวียนคว้าแขนของเหวินเหรินชิ่งชิ่งที่กำลังถอยหลังไปอย่างรวดเร็วไว้
…………………………….