ตอนที่ 700 ไม่เคยต้องทำอะไรแบบนี้มาก่อน

Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์

กู่ฉิงซานคิดอยู่พักหนึ่งจึงเอ่ยถาม “แล้วเธอสามารถช่วยเหลือคนสามร้อยคนในเวลาเดียวกันได้หรือเปล่า?”

“ไม่ได้หรอก ความสามารถของฉันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรักษา หากอาศัยแค่มัน ย่อมไม่สามารถทำอย่างที่นายขอได้” เธอกล่าว

ดวงตาของกู่ฉิงซานสาดประกายสดใส “ฟังจากที่พูด หมายความว่ายังพอมีวิธีช่วยเหลือพวกเขาได้อยู่ใช่ไหม?”

“ใช่”

วัยรุ่นสาวหยิบหนังสือออกมา ยื่นให้กู่ฉิงซาน “วิธีอื่นที่เร็วที่สุดก็คือการกลายเป็นเทพวิญญาณ ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์แล้ว แม้ว่าเทพแห่งชีวิตจะเป็นเทพปีศาจ แต่ขณะเดียวกันเขาก็เชี่ยวชาญทางด้านการรักษา หากสามารถเข้าถึงกฎเกณฑ์สูงสุดของเทพแห่งชีวิตได้ ก็จะสามารถช่วยเหลือคนเหล่านี้ได้เช่นกัน”

กู่ฉิงซานก้มลงมองหนังสือ

ตรงหน้าปกของมัน เขียนเอาไว้ว่า บทสรุปการศึกษากฎเกณฑ์ของเทพแห่งชีวิต

กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะฝืนยิ้มออกมา

ไม่นานมานี้ ในระหว่างที่กำลังเดินทางอยู่ท่ามกลางกระแสมิติอันเชี่ยวกราก ตัวเขาเคยได้กลายเป็นผู้ศรัทธาวิหารแห่งชีวิต

แต่ทันทีหลังจากที่ได้รับคำตอบจากร่างมนุษย์แสง เขาก็ยกเลิกสถานะของผู้ศรัทธาทันที

ถ้ารู้แต่แรกว่าตนจำเป็นต้องกลายเป็นเทพ เขาคงไม่ตอบปฏิเสธไปแบบนี้หรอก

ตอนนี้ เขาได้ละทิ้งหนทางสู่การเป็นเทพไปแล้ว ดังนั้นย่อมไม่สามารถรับอนุญาตให้เข้าสู่วิหารแห่งชีวิตได้อีก

แล้วเขาควรจะทำอย่างไรดี?

กู่ฉิงซานเงียบ สายตาจับจ้องลงบนผลึกน้ำแข็ง

หยุนจีที่อยู่ภายในกำลังหลับตาอยู่เงียบๆ คล้ายกับเจ้าหญิงนิทรา

กู่ฉิงซานพลันตระหนักได้ถึงอีกเรื่องอย่างกะทันหันว่าแท้จริงแล้วมันไม่ใช่แค่หยุนจี แต่บางทีเฉินหยางก็น่าจะยังมีชีวิตอยู่

แล้วไหนจะพี่หมี แขนจักรกล และสหายที่ดีของแบรี่อีกมากมาย ที่ตอนนี้เพียงสามารถรักษาชีวิตตนเอาไว้ได้ชั่วคราว

พวกเขาไม่ได้เป็นแค่สหายที่ดีของแบรี่ แต่พวกเขาก็ยังปฏิบัติต่อกู่ฉิงซานเป็นอย่างดีเช่นกัน

เฉินหยางไม่เพียงเคยช่วยชีวิตตนเอาไว้ แต่ยังเคยช่วยท่านอาจารย์ของเขาอีกด้วย

แต่ตัวเขาเองกลับเลือกที่จะละทิ้งเส้นทางสู่การเป็นเทพ!

กู่ฉิงซานกุมหนังสือในมือ บังเกิดห้วงอารมณ์โศกเศร้า

“เฮ้ๆ นายช่วยมีท่าทีกระตือรือร้นหน่อยจะได้ไหม ที่นายต้องทำก็แค่ทุ่มเทพยายามให้หนักขึ้นเท่านั้นเอง พอกลายเป็นเทพแล้ว จะได้สามารถช่วยเหลือพวกเขาไง”

หลังการคุยเรื่องสำคัญจบลง ท่าทีของวัยรุ่นสาวก็กลับมาเป็นปกติดังเดิม

กู่ฉิงซานคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ สุดท้ายกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ฉันคงไม่สามารถกลายเป็นเทพได้”

แล้วเขาก็อธิบายเหตุผลออกไปอย่างรวดเร็ว

แต่ใครจะรู้ ว่าหลังจากที่วัยรุ่นสาวรับฟังอย่างเงียบๆ สุดท้ายเธอกลับถอนหายใจโล่งอก!?

“นายจะไม่กลายเป็นเทพ นี่มันยอดไปเลย! เพราะถ้านายกลายเป็นเทพ ฉันคงต้องรีบหนีนายไปให้ไกลซะแล้ว” วัยรุ่นสาวกล่าวด้วยความยินดี

“ทำไมกันล่ะ?” กู่ฉิงซานงง

“เพราะฉันเกลียดเทพวิญญาณ” วัยรุ่นสาวย่นจมูกของเธอ

“อ่า…ถ้าอย่างนั้นพอจะมีวิธีอื่นอีกไหมที่จะสามารถช่วยคนที่ติดอยู่ในผลึกได้?” กู่ฉิงซานถาม

“นี่นายต้องการจะช่วยเหลือคนพวกนี้จริงๆ หรือ? นายเข้าใจหรือเปล่าว่าด้วยความแข็งแกร่งของนาย มันจะต้องใช้ความพยายามอย่างยากลำบากถึงขนาดไหน มันถึงจะเป็นไปได้?”

“เธอกำลังจะบอกว่าฉันต้องแข็งแกร่งขึ้นหรือ?”

“ใช่ นายต้องแข็งแกร่ง แกร่งยิ่งกว่าคนส่วนใหญ่ในโลกเก้าร้อยล้านชั้น ก้าวเข้าไปสู่ขีดขั้นความแข็งแกร่งที่ตลอดทั้งชีวิตของบางคนมิอาจเอื้อมถึงได้”

“นั่นคือหนทางที่ฉันกำลังก้าวเดินอยู่” กู่ฉิงซานบอกเธอ

วัยรุ่นสาวรับฟังอย่างเงียบๆ เธออดไม่ได้ที่จะมองไปทางกู่ฉิงซาน สีหน้าปรากฏแววลังเล

คล้ายกับว่าวัยรุ่นสาวกำลังพิจารณาถึงสิ่งสำคัญบางอย่างอยู่

“คำถามต่อไปนี้สำคัญมาก นายต้องตอบด้วยความซื่อสัตย์ วัยรุ่นสาวกล่าว “นาย เกลียดผู้ใช้ไพ่หรือเปล่า?”

กู่ฉิงซานตกใจ

แม้ว่าเขาจะยังงงกับคำถาม แต่ก็ตอบกลับไป “ไม่หรอก ไม่ได้เกลียดเลย”

ถูกต้อง เพราะซูเซี่ยเอ๋อเองก็เป็นผู้ใช้ไพ่เหมือนกัน

“แล้วถ้าเป็นไพ่ล่ะ? นายคิดอย่างไรกับไพ่?” วัยรุ่นสาวถามต่อ

“คิดว่ามันเป็นการดำรงอยู่ที่วิเศษมาก” กู่ฉิงซานตอบ

“ปากบอกว่าวิเศษ แต่จริงๆ แล้วนายเกลียดไพ่หรือเปล่า? นายคิดว่าการดำรงอยู่ของฉันมันแปลกประหลาดไหม?” วัยรุ่นสาวยังคงถาม

“ไม่นะ เพราะตลอดทั้งสวรรค์และโลกในหมื่นโลกา มันมากล้นไปด้วยสิ่งมีชีวิตหลากหลายประเภท แล้วถ้าหากเทียบเธอกับพวกนั้นแล้ว ฉันว่าเธอน่ารักกว่าเยอะ” กู่ฉิงซานกล่าวตามความสัตย์จริง

เขาย้อนนึกไปถึงบรรดาเหล่าราชาภูตผี และกษัตริย์ปีศาจ

มารสวรรค์นั้นช่างแสนงดงาม ขณะเดียวกันอาชูร่าหญิงก็ไม่เลวเลย นอกจากสองเผ่าพันธุ์นี้แล้ว ก็ยังมีปีศาจเผ่าอื่นๆ ที่มีความงามเหนือล้ำยิ่งกว่าขอบเขตความงามของมนุษย์

วัยรุ่นสาวได้ยินคำตอบของเขาก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เชิดหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว

เธอถอนหายใจ “ในเมื่อเป็นแบบนั้น ถ้านายต้องการจะช่วยคนพวกนี้จริงๆ อันที่จริงแล้วฉันมีวิธีอยู่”

กู่ฉิงซานอุทานด้วยความสุข “อ้า ถ้าเช่นนั้นก็รีบบอกวิธีที่ว่าให้กับฉันเถอะ”

“แต่วิธีการนี้ค่อนข้างยุ่งยาก และหากนายคิดใช้วิธีที่ว่า ฉันจะเหนื่อยมาก” วัยรุ่นสาวถอนหายใจอีกครั้ง

“เธอจะเหนื่อยมากอย่างนั้นหรือ?” กู่ฉิงซานสับสน

“ใช่ หน้าใหม่อย่างนายนี่มันไม่เข้าใจอะไรเลยนะ รู้ไว้ด้วยว่า ถ้าฉันใช้วิธีนี้แล้ว มันจะสร้างภาระกับฉันอย่างมาก” วัยรุ่นสาวกล่าวด้วยท่าทีอิดออด

กู่ฉิงซาน ประสานสองกำปั้น “ถ้าเช่นนั้นได้โปรดใช้วิธีที่ว่ากับฉัน ฉันจะรู้สึกขอบคุณมากๆ และย่อมตอบแทนกลับไปอย่างแน่นอน”

“แล้วนายจะตอบแทนฉันอย่างไร?” วัยรุ่นสาวถาม

“เธอลองเสนอมาได้เลย” กู่ฉิงซานรับคำเสียงดัง

“ฉันพึ่งตื่นจากการหลับใหลมาอย่างยาวนานได้ไม่นานมานี้เอง เลยยังไม่ได้คิดเลยว่าชีวิตจะเอาอย่างไรต่อดี ถ้าเช่นนั้นจากนี้ไปนายจะต้องรับผิดชอบในด้านอาหาร เสื้อผ้า การเดินทาง และที่อยู่อาศัยของฉัน แบบนี้ดีไหม?”

“นั่นมันแค่เรื่องเล็กน้อย ไม่มีปัญหาเลย!”

กู่ฉิงซานตบหน้าอกของเขา

โดยคล้ายจะลืมไปแล้วว่าเวลานี้ตนเป็นเพียงยาจกคนหนึ่ง

เมื่อได้รับฟัง วัยรุ่นสาวก็พยักหน้าด้วยความพอใจ

“ฉันเฝ้าสังเกตนายมาสักพักหนึ่งแล้ว และนายก็ดูเป็นคนดี ฉันจะเชื่อใจนายสักครั้งก็แล้วกัน”

ระหว่างกล่าว วัยรุ่นสาวก็หยิบสองสิ่งออกมาด้วยท่าทีจริงจัง

หนึ่งคือ…

พู่กัน

และถังสีสีเทา

เธอวางถังสีลง ถือพู่กันแล้วมองมาทางกู่ฉิงซาน

“นั่นมันอะไร?” กู่ฉิงซานงง

“อย่าพูดสิ”

การแสดงออกของวัยรุ่นสาวกลายเป็นจริงจัง

เธอจ้องมองกู่ฉิงซานอย่างรอบคอบ นิ่งงันเป็นเวลานาน สุดท้ายเอ่ยถาม “อาชีพของนายคืออะไร”

“พ่อครัว”

“ตลกละ ฉันหมายถึงอาชีพที่ใช้ต่อสู้”

“อ้อ ก็ผู้ฝึกดาบไง”

“ถ้าเช่นนั้นช่วยเอาดาบนายออกมาถือด้วย”

กู่ฉิงซานทำตามคำขอ สองมือคว้าจับไปในอากาศ หนึ่งมือกุมเช่าหยิน อีกหนึ่งมือกุมดาบขุนเขาเทวะหกโลกา

“ยืนนิ่งๆ เอาไว้นะ อย่าขยับ ห้ามเปิดปากพูด” วัยรุ่นสาวเตือน

“ฮื่อ”

กู่ฉิงซานส่งคำตอบเป็นลมผ่านทางรูจมูก

อันที่จริงแล้ว การที่อีกฝ่ายต่างเชื่อใจและยอมทำตามกันและกัน มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคิดต่อโลกที่คล้ายคลึงกัน ไหนจะเรื่องช่วยกันหาวิธีการทำลายผลึกน้ำแข็งอีก

และไพ่บางใบที่วัยรุ่นสาวใช้ ก็ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง

เหตุผลที่เธอพ่ายแพ้เขา หนึ่งเป็นเพราะก่อนหน้านี้เธอปิดผนึกภูมิปัญญาของตนเองไว้ และสองเธอไม่ได้ทุ่มเต็มกำลัง

หญิงสาวถอยหลังไปสองก้าว และมองเขาอีกครั้ง

“ไม่ดีกว่า ฉันว่านายลอยตัวขึ้นสักหน่อย ภาพมันจะได้ดูดีขึ้น”

เธอกวักมือขึ้น

กู่ฉิงซานย่ำลง กระโดดขึ้นเบาๆ สูงจากพื้นประมาณครึ่งเท้า สองมือกุมดาบ ลอยอยู่ในอากาศอย่างเงียบๆ

วัยรุ่นสาวเฝ้ามองเขา เอียงคอซ้ายทีขวาทีและกล่าว “สูงขึ้นอีกนิด”

อะ กู่ฉิงซานลอยสูงขึ้น

“ไม่ๆ แค่นิดเดียวก็พอ กลับลงมาอีกหน่อย”

“ต่ำไปแล้ว ขึ้นมาอีกสิ”

“เออๆ”

ในที่สุด วัยรุ่นสาวก็เผยท่าทีพึงพอใจออกมา

หลังจากนั้นเธอก็ยกถังสีขึ้น และจุ่มพู่กันลงไป

วัยรุ่นสาวเริ่มลากเส้นวาดกู่ฉิงซานที่ลอยอยู่ในความว่างเปล่า ขีดเขียนจนปรากฏอักษรรูนโบราณขึ้นตามมิติโดยรอบ

ขณะวาด เธอก็พึมพำคาถาไปด้วยตลอดเวลา

การแสดงออกของเธอดูตื่นตัวมากๆ คล้ายกับกลัวว่าหากผิดพลาดแม้เพียงน้อยจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น

ทุกการกระทำ ทุกๆ จังหวะการเคลื่อนไหวของเธอจะต้องขบคิดอย่างรอบคอบเสียก่อน และจึงเริ่มขีดเขียนมัน

ตลอดกระบวนการนี้ ปากของเธอไม่เคยหยุดร่ายคาถาเลย

เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ค่ำคืนกำลังจะผ่านพ้นไป

ท้องฟ้าเริ่มสาดแสง อุณหภูมิเริ่มสูงขึ้นเล็กน้อย

ในที่สุดวัยรุ่นสาวก็หยุดเขียน

เธอมองงานของเธอโดยละเอียด และสุดท้ายพยักหน้าด้วยความพอใจ

บังเกิดความรู้สึกอ่อนเพลีย วัยรุ่นสาววิ่งเข้าหากู่ฉิงซานและกล่าว “นิ่งต่อไปนะ อย่าพึ่งขยับ”

ตรงข้ามกับเธอ ทั้งคนทั้งร่างของกู่ฉิงซานบัดนี้อยู่ในกรอบที่ลอยล่องไปด้วยอักษรรูนโบราณ

อักษรรูนเหล่านี้ล้วนเป็นสีเทา ก่อให้เกิดบรรยากาศที่ดูลึกลับ ลอยล่องอยู่ในความว่างเปล่าอย่างเงียบๆ

กู่ฉิงซานไม่เคยเห็นอักษรรูนที่สลับซับซ้อนเช่นนี้มาก่อนเลย

เฝ้าสังเกตอักษรรูนอย่างใกล้ชิด ในหัวใจตนจะคล้ายบังเกิดความอ้างว้างอย่างมิอาจอธิบายได้

กู่ฉิงซานพยายามทำการรับรู้อย่างเงียบๆ

เขาพบว่าไม่มีวี่แววของหายนะโทษทัณฑ์

การรับรู้ทางจิตวิญญาณมิได้บ่งบอกใดๆ

ตั้งแต่ต้นจนจบ วัยรุ่นสาวไม่ได้แสดงเจตนาร้ายใดๆ

แต่สรุปแล้วนี่เขากำลังทำบ้าอะไรอยู่กันแน่เนี่ย?

วัยรุ่นสาวร้องขอตนอย่างจริงจังว่าห้ามเคลื่อนไหว กระทั่งเอ่ยปากพูดก็ไม่ได้

แล้วจากนั้น เธอก็เริ่มร่ายคาถาเป็นเวลานาน

แต่คิดว่าตอนนี้ยังไม่เป็นการสมควรที่จะเอ่ยถาม

กู่ฉิงซานไม่มีทางเลือก นอกจากเก็บความสงสัยเอาไว้เต็มอก และยังคงรักษาสภาวะสงบนิ่งต่อไป

โชคยังดีที่เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในขอบเขตพันวิบัติ ดังนั้น การเกร็งตัวให้อยู่ในสภาพนิ่งแบบนี้ มันจึงไม่เหนื่อยล้าจนเกินไป

วัยรุ่นสาวร่ายคาถา กุมพู่กันไว้ในมือ และยังคงวาดอักษรรูนสีเทาในความว่างเปล่ารอบตัวกู่ฉิงซานต่อไป

จากนั้นสักพัก

ในที่สุดวัยรุ่นสาวก็หยุดวาด เธอถอนหายใจยาวออกมา

“เกือบจะเสร็จแล้ว นายยังไม่ต้องขยับนะ รอให้สีของฉันแห้งก่อน เดี๋ยวเรามาเริ่มขั้นตอนสุดท้ายกัน”

วัยรุ่นสาวกล่าว

กู่ฉิงซานหยุดอยู่นิ่งๆ ต่อไป

เขารู้สึกแปลกๆ เหมือนกับว่ากำลังตั้งท่าโพสต์ให้คนอื่นวาดภาพอยู่เลย

เขาไม่เคยต้องทำอะไรแบบนี้มาก่อน

ว่าแต่วิธีนี้มันจะสามารถช่วยหยุนจีกับเพื่อนๆ ได้จริงๆ น่ะหรือ?

หรือว่านี่คือวิธีการที่จะช่วยให้แข็งแกร่งขึ้น?

กู่ฉิงซานมิอาจหาเบาะแส หรือเงื่อนงำใดๆ จากการกระทำนี้ได้เลย

เขามองไปทางวัยรุ่นสาว

วัยรุ่นสาวเก็บถังสีและพู่กัน ถูสองมือเล็กๆ ของตัวเอง และพักเล็กน้อย

กู่ฉิงซานเงียบ

ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะเชื่ออีกฝ่าย ถ้าเช่นนั้นก็เฝ้ารอจนกว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นก็แล้วกัน

นี่คือสิ่งที่ในหัวเขาคิด

เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นเอง สายตาของกู่ฉิงซานก็เบนออกไปยังทิศทางหนึ่งอย่างกะทันหัน

เพราะบนหน้าต่างเทพสงคราม เส้นแสงหิ่งห้อยหลายบรรทัดพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา

“โปรดทราบ”

“อีกไม่นาน คุณจะกลายเป็นไพ่”

……………………………………