เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1082 คุณภาพหรือปริมาณ

แปลโดย iPAT

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทำได้เพียงพยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวของฟางหยวน

 

“มีเหตุผล มีเหตุผล” เขายกย่อง

 

“ท่านยกย่องข้ามากเกินไปแล้ว นี่เป็นเพียงความคิดที่ตื้นเขินของข้าเท่านั้น” ฟางหยวนกล่าว

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเป็นคนตรงไปตรงมา เขาไม่เข้าใจมารยาททางสังคมที่ฟางหยวนแสดงออก ดังนั้นเขาจึงส่ายศีรษะ “ไม่ นี่ไม่ใช่ความคิดที่ตื่นเขิน มันเป็นความเข้าใจที่แท้จริง คำกล่าวของเจ้าทำให้ข้าได้รับแรงบันดาลใจมากมาย พวกมันสามารถช่วยเหลือนิกายหลางหยา!”

 

“ตามกฎของนิกายหลางหยา ความช่วยเหลือนี้จะช่วยยกระดับสถานะของเจ้าอีกหนึ่งขั้น ตัวอย่างเช่นผมที่หกจะยกระดับเป็นผมที่ห้า แต่เจ้ายังไม่ใช่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่แท้จริงในเวลานี้ ดังนั้นเจ้าจะได้รับแต้มผลงานสองร้อยแต้มเป็นสิ่งตอบแทน”

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามองฟางหยวนและถอนหายใจ

 

ใบหน้าของฟางหยวนแสดงให้เห็นถึงความโศกเศร้าเช่นกัน

 

เขาเป็นเพียงผู้อาวุโสสูงสุดนอก แม้จะไม่ทำภารกิจใดๆให้กับนิกาย เขาก็ยังได้รับแต้มผลงานสิบแต้มทุกเดือน แน่นอนว่าผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนได้แต้มผลงานมากกว่านี้ นอกจากนั้นยิ่งผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนมีตำแหน่งสูงเท่าใด พวกเขาก็จะได้รับแต้มผลงานมากขึ้นเท่านั้น

 

“ข้าหวังว่าวันหนึ่งจะสามารถเปลี่ยนเป็นมนุษย์ขนที่แท้จริง” ฟางหยวนกล่าวด้วยความเสียใจราวกับเขาต้องการสิ่งนี้อย่างแท้จริง

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าว “น่าเสียดายที่สวรรค์สีเหลืองปิดในขณะนี้ เมื่อมันเปิด ข้าจะเริ่มซื้อสัตว์อสูรเดียวดาย”

 

“ข้ามีความคิดเห็นบางอย่าง” ฟางหยวนเร่งกล่าว “มีผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนมากมาย ไม่ว่านิกายของเราจะมีความมั่งคั่งเพียงใดแต่เราจะไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งหมด นอกจากนั้นนี่ไม่ใช่วิธีการดำเนินธุรกิจ ข้าขอแนะนำให้เราพัฒนาทรัพยากรขึ้นมาเอง”

 

“โอ้? เจ้าคิดว่าพวกเราควรทำอย่างไร?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถาม

 

ฟางหยวนตอบ “ง่ายมาก เช่นเดียวกับกองกำลังใหญ่อื่นๆ พวกเราต้องยึดครองพื้นที่บางแห่งในห้าภูมิภาค”

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกไม่แน่ใจ

 

เขาเคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนและพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียของมัน สุดท้ายเขาจึงปัดความคิดนี้ทิ้งไป

 

เหตุผลก็คือผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ พวกเขาไม่สามารถปรากฏตัวในที่แจ้ง

 

ตัวอย่างเช่นกองกำลังเผ่ามนุษย์หมึกในภาคเหนือ พวกเขามีผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึกเพียงหนึ่งเดียว แต่เนื่องจากบรรพชนของเผ่ามนุษย์หมึกแห่งเมืองหมึกของภาคเหนือเคยทำสัญญาพันธมิตรกับเทพอมตะตะวันเดือด ดังนั้นเมืองหมึกจึงรอดพ้นจากการคุกคามของกองกำลังเผ่ามนุษย์

 

อย่างไรก็ตามหากผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนปรากฏตัว พวกเขาจะถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะเผ่ามนุษย์

 

ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะหรือฝ่ายปีศาจ พวกเขาต่างไม่ต้องการเห็นกองกำลังของมนุษย์กลายพันธุ์

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีความคิดที่ตรงไปตรงมา แต่เขาไม่โง่ เขาต้องการนำเผ่ามนุษย์ขนปกครองโลก แต่เขายังเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบัน

 

ฟางหยวนคาดเดาการตอบสนองนี้ไว้แล้ว เขากล่าว “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง ข้าไม่ได้แนะนำให้นิกายหลางหยาต่อสู้กับกองกำลังเผ่ามนุษย์โดยตรง เราจะมุ่งเน้นทรัพยากรที่พวกเขาไม่ได้ครอบครองและลอบพัฒนา”

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเข้าใจทันที “เจ้ากำลังหมายถึงเขตต้องห้ามเหล่านั้นงั้นหรือ?”

 

ในภาคเหนือ กองกำลังต่างๆยึดครองแหล่งทรัพยากรสำคัญเอาไว้หมดแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงสถานที่อันตรายทั้งสิบเท่านั้น

 

“ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งฉลาดมาก!” ฟางหยวนยกย่อง “เขตต้องข้ามทั้งสิบอันตรายแต่พวกมันก็เต็มไปด้วยโอกาศ ในความคิดเห็นของข้า โลกใต้บาดาลเป็นสถานที่ที่ดี เราสามารถจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่ไว้ที่นั่นและอนุญาตให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนสามารถเดินทางไปกลับได้อย่างอิสระ มีสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลมากมายอยู่ที่นั่น มันเหมาะสมที่จะใช้เป็นสนามฝึกซ้อมการต่อสู้ของพวกเขา นอกจากนี้ด้วยการสังหารสัตว์อสูรเดียวดาย เราสามารถใช้ส่วนต่างๆของพวกมันในการหลอมรวมวิญญาณบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง หากเราสามารถจับสัตว์อสูรเดียวดายที่มีชีวิต เราจะใช้วิญญาณอมตะทาสสัตว์อสูรเพื่อทำให้พวกมันกลายเป็นทาส นี่จะช่วยเพิ่มการป้องกันของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา”

 

หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของเรื่องนี้คือค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่

 

โดยไม่ต้องสงสัย นิกายหลางหยาย่อมมีวิธีการดังกล่าวในการครอบครอง

 

ก่อนหน้านี้เมื่อฟางหยวนกลับมาจากภาคใต้ เขาก็ใช้ค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่เพื่อกลับมายังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

 

ค่ายกลวิญญาณนี้สร้างความประทับใจต่อฟางหยวนเป็นอย่างมาก

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไตร่ตรอง “เรื่องนี้มีความสำคัญมากเกินไป ข้าต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ”

 

“ข้าเพียงเสนอความคิด เรื่องสำคัญเช่นนี้ย่อมต้องถูกตัดสินโดยผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง หากคำแนะนำของข้ามีข้อบกพร่อง โปรดอภัยให้ข้าด้วย”

 

ฟางหยวนไม่ได้รบเร้ามากเกินไป หลังจากนั้นเขายังเปลี่ยนหัวข้อสนทนาและกล่าวถึงผลไม้ธารแสงก่อนจะจากไปพร้อมกับผลไม้ธารแสงจำนวนมาก

 

เขากลับไปที่เมืองเมฆาของตนและเริ่มจัดการผลไม้ธารแสง

 

ผลไม้ธารแสงไม่ใช่ผลไม้ทั่วไป พวกมันกำเนิดจากแสงบริสุทธิ์ มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถสัมผัสพวกมัน

 

ผลไม้เหล่านี้ไม่ได้เติบโตขึ้นบนต้นไม้แต่จะปรากฏขึ้นในสถานที่ที่มีแสงออโรร่าหนาแน่น ผลไม้ธารแสงมีหลายสีเช่นสีแดง สีน้ำตาล สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า สีม่วง และอื่นๆ

 

ผลไม้ธารแสงเป็นอาหารของวิญญาณทัศนคติ

 

เหตุผลที่ฟางหยวนแลกเปลี่ยนผลไม้ธารแสงก็เพราะสิ่งนี้

 

ตั้งแต่ทำธุรกรรมกับนิกายเงา วิญญาณอมตะในการครอบครองของฟางหยวนเพิ่มขึ้นในระดับที่น่ากลัว

 

เริ่มด้วยวิญญาณอมตะระดับเก้า วิญญาณสติปัญญา

 

วิญญาณอมตะระดับแปด วิญญาณทัศนคติ และวิญญาณดาบแห่งปัญญา

 

วิญญาณอมตะระดับเจ็ด วิญญาณเปลี่ยนวิญญาณ วิญญาณคิ้วดาบ วิญญาณคลื่นดาบ วิญญาณดาบทะลวงมิติ และวิญญาณเรียกภัยพิบัติ

 

วิญญาณอมตะระดับหก วิญญาณคลี่คลายปริศนา วิญญาณหัวใจหญิงงาม วิญญาณสมบัติเลือด วิญญาณขีดจำกัดความมืด วิญญาณโชคอึสุนัข วิญญาณเปลี่ยนรูปลักษณ์ วิญญาณความแข็งแกร่งของพลังปราณ วิญญาณความแข็งแกร่งของตนเอง วิญญาณความแข็งแกร่งของหมีบิน วิญญาณยกภูเขา วิญญาณดึงแม่น้ำ วิญญาณพื้นที่ก่อนหน้า วิญญาณบุรุษคนก่อนหน้า และวิญญาณเนตรดารา

 

เพื่อปรับแต่งวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบของโป้ชิง ฟางหยวนต้องทิ้งวิญญาณอมตะหัวใจหญิงงามไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูก่อนจะออกเดินทางไปยังภูเขาอี้เทียน เขาใช้แสงแห่งปัญญากับวิญญาณอมตะหัวใจหญิงงามสร้างค่ายกลวิญญาณเพื่อปรับแต่งพวกมัน

 

เพราะเหตุนี้เมื่อฟางหยวนกลับมาถึงแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เขาจึงได้รับวิญญาณอมตะหัวใจหญิงงามจากการขนย้ายของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

 

วิญญาณอมตะเชื่อมโยงโชคและวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของอินทรีย์มงกุฎเหล็กติดอยู่ในสวรรค์สีเหลือง ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่สามารถแลกเปลี่ยนพวกมัน

 

สำหรับวิญญาณบนเส้นทางแห่งดวงดาว มีเพียงวิญญาณอมตะเนตรดาราที่กลับมาอยู่กับฟางหยวน

 

บนภูเขาอี้เทียน เมื่อสนามรบแห่งความโกลาหลพังทลาย วิญญาณมากมายถูกทำลาย แต่มีวิญญาณบางดวงรอดชีวิตและถูกเก็บไว้ในมิติช่องว่างของร่างผีดิบอมตะของฟางหยวน ฟางหยวนไม่คุ้นเคยกับพวกมัน เขาไม่แม้แต่จะสามารถจดจำและไม่รู้ว่ามีวิญญาณกี่ดวงที่ถูกฉกชิงไปโดยอิงอู๋เซี่ย

 

ไม่ใช่ว่าฟางหยวนไม่ต้องการนำวิญญาณเหล่านั้นกลับคืน แต่ก่อนที่เขาจะกล่าวถึงเรื่องนี้ อิงอู๋เซี่ยกลับจบการทำธุรกรรม

 

มีคำกล่าวที่ว่าคุณภาพเหนือปริมาณ

 

ลืมเรื่องวิญญาณระดับมนุษย์ไปได้เลย แม้จะมีวิญญาณระดับมนุษย์มากมายเพียงใด พวกมันก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับวิญญาณอมตะเพียงดวงเดียว

 

วิญญาณอมตะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะตัดสินความแข็งแกร่งของผู้อมตะ

 

มีผู้อมตะจำนวนนับไม่ถ้วนที่ไม่มีวิญญาณอมตะในการครอบครองแม้แต่ดวงเดียว

 

อาจกล่าวได้ว่ากระทั่งผู้อมตะระดับเก้าก็อาจมีวิญญาณอมตะในการครอบครองไม่มากเท่ากับฟางหยวน

 

นี่ไม่ใช่การกล่าวเกินจริง

 

วิญญาณอมตะหนึ่งดวงอาจเปรียบเทียบได้กับการผสานงานกันระหว่างวิญญาณระดับมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วน ท่าไม้ตายอมตะจะสามารถสร้างผลกระทบที่แตกต่างจากท่าไม้ตายระดับมนุษย์อย่างมีนัยยะสำคัญไม่ว่าจะเป็นด้านการโจมตี การป้องกัน การเคลื่อนไหว การรักษา หรือด้านอื่นๆ

 

แต่วิญญาณอมตะเพียงหนึ่งดวงยังไม่เพียงพอ

 

เพื่อกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะ พวกเขาจำเป็นต้องมีวิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากเป็นส่วนประกอบ หากพวกเขาต้องการโจมตี พวกเขาจะใช้วิญญาณระดับมนุษย์เพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะสายโจมตี หากพวกเขาต้องการป้องกันหรือการสนับสนุนด้านใด พวกเขาก็จะใช้วิญญาณระดับมนุษย์ที่แตกต่างกันเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่หลากหลาย

 

การใช้วิญญาณอมตะสองดวงพร้อมกันเพื่อปลดปล่อยพลังอำนาจในด้านต่างๆยังเป็นเรื่องที่คลุมเครือ

 

กรณีการผสานงานของวิญญาณอมตะสามดวงมีอยู่น้อยมาก

 

หลังจากทั้งหมดการกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะต้องพึ่งพาพลังงานอมตะ

 

สำหรับฟางหยวนที่ใช้วิญญาณอมตะระดับสูงกว่าตนเอง มันเป็นกรณีพิเศษ เหตุที่เขาสามารถทำเช่นนั้นเป็นเพราะประสบการณ์และการเลือกวิญญาณอมตะที่เหมาะสมอย่างพิถีพิถัน

 

เขาไม่ได้พิจารณาวิญญาณในแง่ของปริมาณแต่มุ่งเน้นที่คุณภาพและพลังอำนาจของวิญญาณแต่ละดวง

 

คุณสมบัติของวิญญาณเป็นเรื่องสำคัญ เรื่องนี้เป็นความรู้พื้นฐานของโลกผู้อมตะ

 

อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับทรัพยากรมากนัก ด้วยมิติช่องว่างจักรพรรดิ มันสามารถผลิตทรัพยากรปริมาณมหาศาลให้กับเขาในเวลาอันรวดเร็ว

 

ฟางหยวนตระหนักดีอยู่แล้วว่าเขามีศักยภาพในการดูแลวิญญาณอมตะจำนวนมาก

 

สถานะทางการเงินในปัจจุบันของเขาก็ดีมาก

 

นอกจากนั้นเขายังสามารถพึ่งพาจิตวิญญาณแผ่นดินหลางยาได้ในระดับหนึ่ง

 

ด้วยเหตุผลทั้งสามประการนี้ทำให้ฟางหยวนต้องการเพิ่มจำนวนวิญญาณอมตะเพื่อยกระดับความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของตนอย่างรวดเร็วที่สุด

 

ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญหน้ากับเจตจำนงสวรรค์หรือภัยพิบัติต่างๆ สิ่งสำคัญที่ฟางหยวนต้องมีคือความแข็งแกร่ง

 

พลังการต่อสู้ของผู้อมตะมาจากวิญญาณอมตะและท่าไม้ตายอมตะของพวกเขา

 

ปัจจุบันฟางหยวนมีท่าไม้ตายอมตะเพียงเล็กน้อยและไม่สามารถใช้งานวิญญาณสติปัญญา ดังนั้นเขาจึงให้ความสำคัญกับวิญญาณอมตะ

 

ฟางหยวนตระหนักถึงแผนการของอิงอู๋เซี่ย นั่นคือการเพิ่มภาระให้กับฟางหยวนโดยการมอบวิญญาณอมตะเหล่านี้ให้เขา

 

อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่สนใจแผนการของอิงอู๋เซี่ยเพราะเขากำลังต้องการวิญญาณอมตะ สิ่งสำคัญก็คือเขามีศักยภาพที่จะเลี้ยงดูวิญญาณอมตะเหล่านี้

 

นี่คือข้อแตกต่างระหว่างผู้อมตะที่มีชีวิตและผีดิบอมตะ

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งมิติช่องว่างจักรพรรดิ!