เมื่อพูดจบผู้คนนับสิบก็เข้ามาล้อมรอบตัวเขาเอาไว้ ราวกับจะฆ่าเขาให้ตายหากว่าถังฟู่ไม่ยอมขายร้าน ทำให้เจ้าตัวรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก

“ข้าก็ไม่ได้อยากซื้อร้านอาหารไท่อันเสียเท่าใด แต่ข้าเพียงคิดว่าคุณชายถังน่าสงสารนัก เพราะราคาประมูลร้านต่ำมาก! ลองคิดดูว่าเราเองก็เป็นคู่แข่งกัน ข้าจึงเสนอเงินไปที่ 200 ถึง 300 ตำลึง แต่ใครจะไปรู้ว่าจะทำให้คุณชายถังไม่พอใจ… เฮ้ออ!” ซูหวานหว่านพูดพลางแสร้งถอนหายใจออกมาราวกับรู้สึกผิด

ถังฟู่รู้สึกโกรธเด็กสาวเป็นอย่างมาก “ซูหวานหว่าน! ข้าจะบอกอะไรให้เจ้าฟัง ข้าสามารถขายร้านนี้ให้ใครก็ได้ แต่ข้าจะไม่ขายให้เจ้า!”

ชายหนุ่มเกรงว่าซูหวานหว่านจะไม่เข้าในใจคำพูดของตนจึงพูดต่อ “ต่อให้ข้าต้องขายร้านนี้ไปในราคาที่ต่ำมาก ข้าก็จะไม่ยอมขายร้านนี้ให้กับเจ้า!”

“งั้นหรือ?” ฉีเฉิงเฟิงลุกขึ้นยืน “ในเมื่อเจ้าไม่ขายให้นาง งั้นข้าจะซื้อมันด้วยเงินร้อยตำลึง!”

ใครกัน? ยังจะต้องการซื้อมันอีก! ถังฟู่รู้สึกไม่พอใจ จากนั้นเขาก็เห็นว่าชายคนนั้นคือฉีเฉิงเฟิง ซึ่งทำให้เขารู้สึกตกตะลึง

หากเขาขายร้านให้ฉีเฉิงเฟิงมันต่างจากการขายให้ซูหวานหว่านตรงไหนกัน? เมื่อมองเห็นความรักของคนทั้งคู่ ชายผู้นี้จะต้องส่งสัญญาร้านให้กับซูหวานหว่านอย่างแน่นอน! และเขาจะต้องเสีย 200 ร้อยตำลึงไปเปล่า ๆ!

ทางที่ดีไม่ควรขายมันให้ใครเลย เขาเคยผิดหวังแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตามกฎของตลาดมืด หากเขาไม่ขายมันไป เกรงว่าชีวิตของเขาจะอยู่ไม่สุขอีกต่อไป!

เมื่อคิดได้เช่นนี้เขาจึงเอ่ยว่า “ซูหวานหว่าน! เจ้าเจ้าเล่ห์มาก! ข้าจะยอมขายร้านนี้ให้กับเจ้า!”

“ต้องขออภัยด้วย ข้าไม่อยากได้มันแล้ว” ซูหวานหว่านเผยรอยยิ้มหวานราวกับดอกไม้แรกแย้ม

“เจ้าอย่าทำให้ข้าต้องขายหน้า!” โทสะภายในใจของถังฟู่เพิ่มมากขึ้น

“เจ้าไม่ได้เป็นคนบอกข้าเองหรอกหรือว่าต่อให้ขายมันในราคาต่ำ เจ้าก็จะไม่ขายมันให้ข้า เช่นนั้นแล้วเจ้าก็ขายมันให้กับคุณชายฉีที่อยู่ข้าง ๆ ข้าสิ!” ซูหวานหว่านมองไปที่ฉีเฉิงเฟิงและส่งยิ้มให้แก่กัน

ถังฟู่โกรธจนแทบอยากจะหักคอซูหวานหว่านเสียให้ได้ ชายหนุ่มจ้องมองไปที่นางพลางกัดริมฝีปากแน่น

เมื่อเห็นใบหน้าอันขมขื่นของอีกฝ่าย ซูหวานหว่านก็ยิ้มอย่างมีความสุข “หากเจ้าไม่อยากขาย เจ้าสามารถตั้งราคาประมูลเองและซื้อมันได้ด้วยตัวเองไม่ใช่หรือ? มันไม่ได้มีกฎที่ระบุว่าห้ามเจ้าของซื้อของประมูลตัวเองเสียหน่อย”

หากพูดแบบนั้นมันก็ถูกที่เขาสามารถซื้อมาได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ต้องแบ่งเงินส่วนต่างให้กับตลาดมืดเสียหน่อย? ช่างมีน้ำใจเสียจริง ๆ! และเขาจะถูกขึ้นบัญชีดำในตลาดมืด!

ถังฟู่ขบฟันแน่น “ขอบคุณสำหรับความหวังดีนี้”

สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องขายมันให้กับฉีเฉิงเฟิง

เดิมทีร้านอาหารไท่อันตั้งราคาประมูลอยู่ที่ 1,000 ตำลึง ทว่าตอนนี้มันกลับถูกขายไปในราคา 100 ตำลึงเท่านั้น!

ทุกคนต่างชื่นชมวิธีการของซูหวานหว่าน โชคดีที่พวกเขาไม่ได้กลั่นแกล้งเด็กสาว มิฉะนั้นพวกเขาอาจจะกลายเป็นศัตรูของนาง และของประมูลของพวกเขาอาจจะถูกกดราคาจนขาดทุนก็เป็นไปได้

ฉีเฉิงเฟิงจ่ายเงินให้คุณชายถังก่อนจะรับโฉนดร้านมา และส่งมันให้กับซูหวานหว่าน จากนั้นทั้งสองก็เดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้

ถังฟู่โกรธมาก แต่ก็ต้องจำใจขายมันไป ชายหนุ่มพาตัวเองออกมาจากสถานที่การประมูล เขาเสาะหานักฆ่าเพื่อจ้างวาน แต่เมื่อได้ยินว่าเขาสั่งให้ไปฆ่าซูหวานหว่านกับฉีเฉิงเฟิง นักฆ่าก็เอ่ยปฏิเสธทันใด

ถังฟู่คงไม่รู้มาก่อนว่าสือเป้ยเอ๋อร์เคยจ้างวานนักฆ่าไปลอบสังหารซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยมีใครทำสำเร็จเลยสักครั้ง! อีกทั้งพวกเขาก็เสียนักฆ่าไปจำนวนมาก! จะให้พวกเขากล้ารับงานนี้ได้อย่างไรกัน!

ถังฟู่ทุบกำแพงด้วยความโกรธจัด “ข้าต้องการฆ่าพวกเขาทั้งคู่! หากมีใครที่ฆ่าพวกเขาได้ ข้าจะให้เงินตามที่พวกเจ้าต้องการ!”

ใครบ้างที่ไม่อยากได้เงิน? แต่หากมีเงินแล้วไร้ชีวิตกลับมาก็ไม่มีใครต้องการเช่นกัน!

นักฆ่าคนหนึ่งจึงพูดออกมาว่า “ต่อให้เจ้าให้ทองคำหนึ่งหมื่นตำลึงแก่ข้า ข้าก็ไม่ไป เจ้าอย่ามาพูดโน้มน้าวไปหน่อยเลย!”

ถังฟู่เดินจากไปด้วยความโกรธ ในตอนที่เดินออกมาจากตลาดมืดก็ถูกลอบทำร้าย! โชคดีที่คนรับใช้ข้างกายผลักเขาหลบทันจนตัวเองโดนตีจนสลบ ถังฟู่ตื่นตกใจและถูกรุมทุบตี เมื่อพวกมันพอใจ ชายชุดดำเหล่านั้นก็วิ่งจากไป

เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดชายชุดดำเหล่านั้นถึงต้องการทำร้ายเขา ในชีวิตนี้เขาคงไม่ได้รับรู้ว่าซูหวานหว่านใช้เงิน 1 ตำลึงเพื่อจ้างนักฆ่าให้รุมทำร้ายเขาเป็นแน่

“บัดซบ!” ถังฟู่ไม่สนใจสิ่งใด เขาตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้นและรีบวิ่งหนีไปทันที

ซูหวานหว่านกับฉีเฉิงเฟิงเดินทางกลับไปยังบ้านของฮวงเหล่า เมื่อเดินผ่านโรงเตี๊ยมเล็ก ๆ ก็ได้ยินเสียงคลุมเครือของชายหญิงคู่หนึ่ง ใบหน้าของซูหวานหว่านขึ้นสีแดงภายใต้แสงจันทร์ ใบหน้าแดงก่ำราวกับคนเมา ส่วนสายตาของฉีเฉิงเฟิงเหมือนถูกตรึงเอาไว้และไม่สามารถละสายตาไปจากใบหน้าของซูหวานหว่านได้เลย

ซูหวานหว่านเดินออกไปจากบริเวณนั้นด้วยใบหน้าซับสีเลือด

เนื่องจากรีบและไม่ทันระวังทำให้สะดุดก้อนหินจนเกือบล้มลง เคราะห์ดีที่ฉีเฉิงเฟิงประคองนางเอาไว้ได้ทัน ชายหนุ่มค่อย ๆ ประคองนางให้ยืนขึ้น เมื่อทั้งสองกำลังจะเดินจากไป พลันใดพวกเขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของหญิงคนหนึ่งดังออกมาจากในห้อง

“เจ้าจะต้องช่วยข้าฆ่าฉีเฉิงเฟิงกับหวานหว่าน!”

นั่นมันสือเป้ยเอ๋อร์!

“มันแน่นอนอยู่แล้ว แต่ว่าคุณหนูสือต้องบอกท่านอัครเสนาบดีว่าจะแต่งงานกับข้า” ซุนฮวนกล่าว

ซูหวานหว่านกับฉีเฉิงเฟิงสบตากัน และหันกลับมาตั้งใจฟังอีกครั้ง

“ซุนฮวน ข้าจะยกโทษให้เจ้าที่เจ้าแกล้งปลอมตัวเป็นฉีเฉิงเฟิงเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ชิดกับข้า แล้วก็เรื่องที่เจ้าได้ร่างกายของข้าไป! ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้ฟัง หลังจากที่เจ้าแต่งงานกับข้าแล้ว เจ้าจะต้องไม่มีอนุหรือว่าเมียน้อยเด็ดขาด มิฉะนั้นข้าจะทำให้เจ้ากลับบ้านไม่ถูกเลย!” สือเป้ยเอ๋อร์กล่าว

“แน่อยู่แล้ว” ซุนฮวนพยักหน้ารับ ทันใดนั้นนางก็พูดออกมาอีกครั้ง

“นอกจากนี้ เรื่องที่สั่งให้คนไปฆ่าซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิง เจ้าควรจะจัดการให้เสร็จโดยเร็ว! ข้าไม่ต้องการเห็นพวกเขามีชีวิตอยู่แม้แต่วินาทีเดียว!” สือเป้ยเอ๋อร์พูดด้วยความคับแค้นใจ

หลังจากที่เกิดเรื่องล่าสุดขึ้น ‘ลูกสาวอัครมหาเสนาบดีกับคนขอทานสามคนในหอซิงฮวา’ คงจะต้องมีข่าวลือแพร่กระจายออกไป และเดาว่าในวันพรุ่งนี้สือเป้ยเอ๋อร์คงจะรีบออกจากเมืองนี้ไปอย่างแน่ ๆ นางยังมีหน้ามาสั่งให้คนทำร้ายพวกนางอีกงั้นหรือ? ฟังจากน้ำเสียงที่ไม่พอใจของสือเป้ยเอ๋อร์แล้ว ฉีเฉิงเฟิงกลับยังคงนิ่งสงบ ชายหนุ่มประคองซูหวานหว่านเอาไว้และเดินทางกลับไปบ้านของฮวงเหล่า กลับไปพักผ่อนโดยไม่กังวลเรื่องสือเป้ยเอ๋อร์แต่อย่างใด

รุ่งสาง

ซูหวานหว่านตื่นขึ้นมาแต่เช้า หลังจากจัดการตัวเองเสร็จ เด็กสาวก็พลันมุ่งหน้าเข้าไปในตลาดและก็พบว่าร้านขาย ‘น้ำศักดิ์สิทธิ์’ บริเวณหัวมุมตลาด มีสตรีมากมายเข้ามาฟังสรรพคุณอวดอ้างและซื้อมันกลับไป

ซูหวานหว่านเดินเข้าไปมุงดูและได้ยินสตรีนางนั้นที่ขายพูดว่า “น้ำศักดิ์สิทธิ์ไม่มีแล้ว แม่นางซูให้ของมาน้อยมากและพวกเราก็ขายหมดแล้วล่ะ!”

ร้านนี้ขายน้ำศักดิ์สิทธิ์ด้วยชื่อของนาง ซูหวานหว่านขมวดคิ้วและเดินเข้าไป

มีหญิงสาวอายุราว 20 ปีนั่งอยู่ด้านใน เมื่อเห็นซูหวานหว่านนางก็หัวเราะพร้อมกับหยิบกล่องสีแดงเล็ก ๆ ขึ้นมา แล้วพูดว่า “แม่นาง เจ้าดูนี่ แม่นางซูทำแป้งชาดขึ้นมาเป็นพิเศษ! สินค้าใหม่ตัวนี้สาว ๆ ในเมืองต่างชอบใช้มันเชียวล่ะ!”

“ข้าขอถามอะไรสักข้อ แม่นางซูคือใครกัน?” ซูหวานหว่านเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบนิ่ง

“จะใครเสียอีก? ก็ลูกศิษย์ของฮวงเหล่าไงเล่า!” หญิงคนนั้นพูด จากนั้นนางก็ลากตัวซูหวานหว่านไปดูของกระจุกกระจิก

ซูหวานหว่านมองไปที่นางและพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “โอ้? เหตุใดข้าถึงไม่รู้เรื่องที่เจ้าเอาชื่อของข้าไปแอบอ้างขายของเลยล่ะ?”

“นี่เจ้า… เจ้าคือแม่นางซูจริง ๆ เหรอ?” หญิงสาวเกิดอาการตื่นตกใจแล้วพูดแก้ตัวทันที “เมื่อกี้ข้าแค่พูดผิด ผู้หญิงที่ข้าบอกว่าชื่อซูนั่นเป็นน้องสาวของข้าเป็นคนทำ นางมีแซ่ว่าซู แน่นอนว่าจะต้องเรียกว่าแม่นางซูถูกหรือไม่…”

ยังจะมาเล่นลิ้นอยู่อีกรึ!