ตอนที่246 รับเงินและจากไปอย่างมีศักดิ์ศรี

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล]

ตอนที่246 รับเงินและจากไปอย่างมีศักดิ์ศรี

ตำรวจรีบดึงตัวทั้งสองแยกออกจากกันและตักเตือนไปว่า ห้ามหุนหันพลันแล่นแบบนี้อีก มิฉันั้นพวกเขาจะนำทั้งสองขึ้นโรงพักจริงๆแน่

จางต้านเฉินได้ฟังแบบนั้นก็เอ่ยถามน้ำเสียงขุ่นเคืองขึ้นว่า

“นี่มันหมายความว่าไง? คุณตำรวจไม่จับมันไปแล้วเหรอ?”

สารวัตรตำรวจอาสากล่าวตอบเองว่า

“ทีแรกผมก็ตั้งใจจะกุมตัวเขากลับไปโรงพัก แต่คุณเองกลับลงมือเช่นกัน ดังนั้นนี่ถือว่าเป็นเรื่องภายในบริษัทโดยสมบูรณ์ ผมแนะนำให้คุณเก็บเรื่องนี้เป็นความลับจะดีกว่านะครับ หรือจะให้ผมพาทั้งคู่เข้าโรงพักออกข่าว? คิดว่าแบบไหนดีกว่าครับ?”

จางต้าเฉินถึงกับชะงักไปพักหนึ่ง ปรากฏว่าเขาไม่น่าใจร้อนออกหมัดใส่จ้าวเฉียนก่อนเลย แต่อย่างไรก็ตามแต่ ด้วยความสามารถของเขา ย่อมสามารถพาตัวเองออกจากโรงพักได้แน่นอนภายในเวลาอันสั้น และตราบเท่าที่เขามีเวลามากพอก็ยังสามารถทำให้จ้าวเฉียนติดตารางได้สักสิบวันถึงครึ่งเดือน

พอคิดได้แบบนั้นจางต้าเฉินตอบตกลงทันทีว่า

“ตกลงครับ ผมจะไปโรงพักด้วย แต่ต้องพาหมอนั่นไปด้วยเช่นกัน”

ทว่าอย่างไร ทางสารวัตรตำจวจกลับไม่อยากใหเหตุการณ์ในครั้งนี้พัฒนาจนเป็นเรื่องใหญ่ จึงพยายามเกลี้ยกล่อมว่า

“ผมแนะนำให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับภายในบริษัทดีกว่านะครับ ถ้าหากเรื่องถึงโรงถึงศาลอาจไม่เป็นการดีต่อตัวบริษัทเอง”

จางต้าเฉินแสยะยิ้มเล็กน้อยและตอบไปว่า

“ผมไม่สน แค่พาเราทั้งคู่ไปโรงพักก็พอ”

จ้าวเฉียนเริ่มหัวเสียขึ้นแล้วในขณะนี้ เขาไม่ใช่คนพาลจนถึงขนาดลาบโจมตีคนอื่นจากด้านหลัง แต่เจ้านี่มันเล่นไม่มีขอบเขตเกินไปแล้ว

เขาจ้องจางต้าเฉิงตาเขม็งและกรนน้ำเสียงเย็นเอ่ยตอบกลับไปว่า

“คุณตำรวจไม่ต้องกังวล ผมเองก็จะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แค่ต้องการให้คุณตำรวจเตือนสุนัขแถวนี้ทีว่า อย่าออกมาเที่ยวเล่นตอนกลางค่ำกลางคืน ไม่งั้นรู้ตัวอีกทีคงกลายเป็นศพแล้ว!”

หลังพูดจบจ้าวเฉียนก็เดินเข้าไปรอในรถตำรวจด้วยตัวเอง

จางต้าเฉินรีบประท้วงกับตำรวจเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมทันทีสำหรับคำข่มขู่นี้ของจ้าวเฉียน แต่ตำรวจกลับส่ายหน้าและกล่าวตอบไปเพียงว่า อีกฝ่ายกล่าวถึงสุนัขไม่ใช่คุณ ก่อนจะพาจางต้าเฉินขึ้นรถตำรวจอีกคันไป

จ้าวเฉียนส่งข้อความไปหาหยางหู่ทันทีและอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด และฝากให้อีกฝ่ายออกไปทักทายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ให้สักหน่อย

หยางหู่รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสูทและเดินทางไปหานายตำรวจผู้ใหญ่คนหนึ่งในกรม ไม่นานจ้าวเฉียนก็ถูกปล่อยตัวระหว่างทาง จากนั้นก็นั่งแท็กซี่กลับเข้าบริษัทเซียนเหล่ยเพื่อประชุมกับเหล่าพนักงานต่อทันที แต่ทางด้านจางต้าเฉินกลับถูกนำตัวเข้าโรงพักโดยตรง

ในเวลาเดียวกัน เฉิงต้าซีก็กำลังเกลื้ยกล่อมพนักงานพร้อมบอกให้รอก่อนสักครู่หนึ่งโดยอธิบายแค่ว่า คุณจ้าวจะต้องกลับมาในไม่ช้าแน่นอน

แต่พวกพนักงานกลับไม่เชื่อแม้สักนิด เห็นต่อหน้าต่อตาว่า อีกฝ่ายชกรองประธานจางซะเต็มแรง แล้วตำรวจจะยอมปล่อยตัวง่ายๆได้ยังไง? เกรงกว่าพวกเขาต้องยืนรอที่นี่ต่ออีกสักสิบวันเห็นจะได้ถึงอีกฝ่ายจะกลับมา

“ประธานเฉิง อย่ามาโกหกพวกเราดีกว่าครับ ชายคนนั้นต่อยรองประธานจางต่อหน้าตำรวจ แล้วเขาจะสามารถกลับมาได้ภายในหนึ่งชั่วโมงได้ยังไง? ถ้าทำได้จริง เขาก็เหนือคนแล้ว!”

“ถูกต้องครับ! นั้นเป็นโรงพักไม่ใช่สนามเด็กเล่นที่คิดจะไปก็ไปคิดจะกลับก็กลับ นอกจากนี้เขายังต่อยรองประธานจางอีก ด้วยอำนาจอิทธิพลที่รองประธานจางมี หมอนั้นไม่มีทางออกมาได้ง่ายๆหรอกครับ”

.”ประธานเฉิง พวกเรายังมีงานที่ต้องทำอีกมาก ขออภัยครับ พวกเราไปกันเถอะ!”

“ใช่ ไปกันเถอะ”

………

พนักงานแต่ละคนเอ่ยปากตะโกนลือลั่นอย่างหมดความอดทนแล้ว

แต่อย่างไร จ้าวเฉียนพูดเองกับปากว่า ตัวเขาจะกลับมาภายในหนึ่งชั่วโมงแน่นอน ซึ่งเหรินจานซวนย่อมเชื่อมั่นในตัวเขาโดยธรรมชาติ เธอจึงบอกให้เฉิงต้าซีพยายามรั้งทุกคนเอาไว้และรอจ้าวเฉียนก่อน

เฉิงต้าซีตะโกนขึ้นอีกระรอก

“ทุกคนเงียบก่อน! ในเมื่อเขาบอกว่าจะกลับมาในหนึ่งชั่วโมงก็คือหนึ่งชั่วโมงแน่นอน!”

แต่พวกพนักงานกลับไม่ฟังเขาเลย ตอนนี้อำนาจทั้งหมดในบริษัทตกอยู่ในมือจางต้าเฉิน ประธานเฉิงคนนี้ไร้ซึ่งบทบาทความสำคัญอีกต่อไปแล้ว จึงตะโกนโห่ใส่ทีละคนสองคน

แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะลุกออกไป จ้าวเฉียนก็เดินกลับมาสวนทางกันพอดี ภาพฉากนี้ทำเอาทุกคนแทบช็อกจนลืมหายใจ

เขากลับมาแล้วจริงิๆ!

“โว้ว! นั้นเขาไม่เหรอ? เขากลับมาแล้วจริงๆด้วย!”

“ไม่ใช่ว่าโดนรองประธานจางจัดการไปแล้วเหรอ? นี่…นี่เป็นไปไม่ได้?”

“แล้ว…แล้วรองประธานจางอยู่ไหน? ฉันไม่เห็นเขากลับมาด้วยเลย?”

“นี่ยังไม่ชัดเจนพอรึไง? นี่แสดงให้เห็นแล้วว่าชายหนุ่มคนนี้ทรงอิทธิพลยิ่งกว่ารองประธานจาง! เขากลับมาโดยปลอดภัย ในขณะที่รองประธานจางโดนนำตัวเข้าโรงพัก!”

“แสดงว่า…เขามีเส้นสายแข็งแกร่งกว่ารองประธานจางอีกงั้นเหรอ? น่ากลัวเกินไปแล้ว! แต่ฉัน…ฉันไม่ยักรู้เลยว่า มหาเศรษฐีในเมืองตงไห่จะมีเขาอยู่ด้วย?”

“แกก็แค่พนักงานธรรมดาจะไปรู้อะไรล่ะ? ไม่เห็นแปลกตรงไหนที่พวกเราจะไม่รู้จัก”

………

ในระหว่างที่พวกพนักงานซิบซุบกัน จ้าวเฉียนก็เดินฝ่าดงทุกคนขึ้นเวทีอีกครั้ง

เหรินจานซวนไม่ได้มีท่าทีประหลาดใจอะไรเท่าไหร่นัก เพราะเธอพอจะคาดการณ์ได้บ้างอยู่แล้ว

แต่เฉิงต้าซีกลับรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เขารีบวิ่งไปถามไถ่ทันที

“คุณจ้าว เป็นอะไรไหมครับ?”

จ้าวเฉียนหัวเราะพลางตอบไปว่า

“ต้องถามว่ามีใครทำอะไรฉันได้มากกว่านะ ฮ่าฮ่า…ฉันสบายดี”

“แล้ว…จางต้าเฉินล่ะครับ?”

เฉิงต้าซีเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง

“มันเหรอ? เหอะ เหอะ…ปานนี้คงถูกตำรวจสวบสวนอยู่ในโรงพัก ข้อหาจงใจทำร้ายผู้อื่นโดยเจตนา อืมม…หรือยัดข้อหาให้มันเพิ่มดี?”

จ้าวเฉียนแค่เอ่ยปากพูดติดตลกเฉยๆ แต่เฉิงต้าซีตกใจอย่างมากเมื่อได้ยิน นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า แม้แต่รองประธานจางก็ไม่ใช่คู่มือของประธานจ้าวเฉียน ถ้าได้บุคคลเช่นนี้เข้ามาบริหารต่อ อนาคตของบริษัทแห่งก็ยังมีหวังแน่นอน

พนักงานรที่อยู่ใต้เวทีรีบกลับไปนั่งประจำที่โดยพร้อมเพรียง เจ้าของบริษัทคนใหม่เป็นใครมาจากไหนไม่รู้ แต่ที่แน่ๆคือโคตรเจ๋ง และพวกเขาไม่กล้าทำตัวเสียมารยาท

จ้าวเฉียนเดินไปคว้าไมโครโฟนและกล่าวเสียงดังฟังชัดว่า

“ทุกคนที่ให้ความสนับสนุนจางต้าเฉินโปรดฟังทางนี้ ต่อแถวเดินไปที่แผนกการเงินเพื่อรับเงินเดือนงวดสุดท้ายและเชิญไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ! ผมไม่อยากเคลื่อนไหวอะไรมาก นี่ถือว่าผมบอกแล้วนะ ถ้าไม่อยากต้องหมดอนาคตไปมากกว่านี้ก็เชิญทำตามแต่โดยดี”

เมื่อได้ยินดังนั้น พนักงานทุกคนล่างเวทีพลันสะดุ้งเฮือกใหญ่ทันทีด้วยความตะลึง ผลงานแรกของเจ้านายบริษัทคนใหม่ มาถึงก็ล้างบางพนักงานเกือบทั้งหมดออกไป ทั้งนี้เพื่อกำจัดผู้ไม่เห็นด้วยและเสี่ยงเป็นภัยในอนาคต แต่ถึงอย่างไร นี่มันก็กะทันหันเกินไปจริงๆ พกวเขาที่สนิทชิดเชื้อกับรองประธานจางกว่า ย่อมต้องเรียกเขาโดยธรรมชาติในทีแรก

ดังนั้นทุกคนจึงรีบอธิบายเหตุผลที่ทำไมก่อนหน้าถึงเลือกจางต้าเฉินให้จ้าวเฉียนฟังทันที ทั้งยังขอโอกาสอีกครั้งในการกลับตัวกลับใจ

จ้าวเฉียนพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวตอบไปว่า

“ผมเชื่อว่า มีพนักงานธรรมดาหลายคนที่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสนับสนุนจางต้าเฉิน แต่ระดับผู้จัดการกลับแตกต่างกันออกไปอ พวกคุณมีสิทธ์เลือก แต่พวกคุณก็ยังเลือกที่จะสนับสนุนจางต้าเฉิน ดังนั้นอย่าหาว่าผมเลือดเย็นแล้วกันนะ ผมไม่อยากเก็บคนไม่ซื่อสัตย์ไว้ข้างตัว ถ้าเช่นนั้นเชิญครับ”

พวกผู้จัดการแต่ละแผนกเองก็รีบกล่าวอธิบายโดยเร็วเช่นกัน

“พวกเราเองก็ถูกบังคับมาเหมือนกันครับ ถ้าจางต้าเฉินชนะและเรายังกล้าขัดแข้งขัดขาเขา ผลลัพธ์ที่ได้คงจบลงไม่สวยแน่นอนครับ”

“ใช่ครับ หน้าที่ของเรามีเพียงต้องก้มหน้าก้มตาตั้งใจทำงาน พูดตามตรง พวกเราก็ไม่อยากเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามระหว่างผู้ถือหุ้นเช่นกัน ไม่อย่างนั้นคงถูกบังคับให้ออกอย่างไม่ยุติธรรม”

…………

จ้าวเฉียนยกมือหยุดให้พวกเขาเงียบ และกล่าวขึ้นว่า

“ถ้าจะพูดแบบนั้น แล้วทำไมเมื่อกี้ตอนที่ให้เลือกระหว่างผมกับเขา ทำไมพวกคุณยังเลือกเขาล่ะ? ทั้งๆที่เห็นอยู่ว่าเขายึดอำนาจมาจากคนอื่น? ในเมื่อตัดสินใจเลือกผิดฝั่งก็ควรเตรียมใจแบกรับผลที่จะตามมา เดินกลับไปรีบเงินและจากไปอย่างมีศักดิ์ศรีจะดีกว่านะครับ อย่าให้ต้องบังคับกันเลย”

แต่พวกผู้จัดการกลับยืนนิ่งไม่ไปไหน

“คุณเคยคิดถึงสิ่งที่จะกระทบต่อบริษัทหลังจากนี้ไหม? ถ้าผู้จัดการทุกไล่ออกทุกแผนก แล้วบริษัทจะเดินหน้าต่อไปยังไง?!”

“ใช่แล้ว! พวกเราเป็นถึงระดับผู้จัดการเลยนะ ไม่ใช่พนักงานรากหญ้า ถึงโดนไล่ออกกลางคัน แต่ไปสมัครบริษัทไหนก็รับอยู่ดี! แน่ใจแล้วเหรอที่ตัดสินใจแบบนี้?”

“คุณไม่เคยคิดถึงอนาคตของบริษัทเลย ทั้งหมดล้วนทำไปเพราะความปรารถนาโดยส่วนตัวล้วนๆ! พวกเราทุกคน! มาช่วยกันตัดสินใจกันเร็วว่า สิ่งที่ชายคนนี้ทำลงไปมันสมควรแล้วรึยัง!?”

แต่ครั้งนี้ พนักงานไม่ย่อมปล่อยให้ตัวเองเลือกคนผิดอีกต่อไปแล้ว

“ไม่! คุณจ้าวพูดถูกต้อง! คนแบบพวกคุณสมควรโดนไล่ออก!”

“พวกคุณแตกต่างจากพวกเรา พวกคุณมีสิทธิ์เลือกแต่ก็ยังเลือกที่จะทรยศบริษัท! ถึงออกก็หางานใหม่ได้ไม่ใช่เหรอ? งั้นก็เชิญครับ!”

“ใช่แล้ว!”

“คุณจ้าวพูดต้องถูกแล้ว…”

จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มด้วยความพออกพอใจ ตราบใดที่พนักงานชั้นรากหญ้ายังคงเป็นฐานอันมั่นคงให้แก่บริษัทได้อยู่ พวกตำแหน่งผู้จัดการก็ไม่ได้สำคัญจนถึงขนาดไม่สามารถขาดได้แม้แต่วันเดียว จ้าวเฉียนมีกำลังเงินมากพอที่จะจ้างบุคคลที่มีประสบการณ์เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการได้ และเขามั่นใจอย่างยิ่งว่าจะต้องดีกว่าพวกน้ำมันเก่าอย่างพวกนี้แน่นอน