41 ไว้หน้ากันนิดนึงไม่ได้เหรอ

ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

บทที่ 41 ไว้หน้ากันนิดนึงไม่ได้เหรอ

หวังเถิงเฟยคิดอยากจะฆ่าตัวตายจริงๆ!

แม่ง!

บ้าอะไร!

วันนี้ออกจากบ้านไม่ดูวันเหรอ?

ทำไมถึงได้โดนไอ้บ้าเย่เฉินเอาแต่เล่นงานซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ได้?

อยากจะฆ่าตัวเองให้ตายที่คิดไม่ถึงว่า ภาพนี้จะมีราคาจริงๆ แถมยังสูงถึง2หมื่นกว่าหยวนเลย!

แต่ว่า ตัวเองนั้นได้พูดออกไปอย่างมั่นใจแล้ว แล้วตอนนี้จะทำไงดี? หรือว่าต้องกินโต๊ะจริงๆ เหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอกนะ!

รถถูกไปเผาไปแล้วก็ได้แต่ปล่อยให้ไหม้ไป แต่ก็ยังซื้อคันใหม่ได้ แต่ว่าโต๊ะนี้สิ จะกินได้ยังไง?

มันกินไม่ลงจริงๆ หรือถึงเวลาต้องจบเกมแล้ว?

ตอนนี้คนอื่นก็พากันหัวเราะเยาะเขา : “โธ่ หวังเถิงเฟย นายเองนะที่บอกจะกินโต๊ะ ตอนนี้คงไม่คิดจะเสียใจหรอกใช่มั้ย?”

“ใช่ ทุกคนรอดูการแสดงของนายอยู่นะ!”

ไม่รู้ว่าใครตบโต๊ะ : “หวังเถิงเฟย เริ่มการแสดงของนายได้แล้ว!”

สีหน้าของหวังเถิงเฟยเริ่มไม่ดีแล้ว พลางหลุดพูดออกมา : “เพื่อนๆ ทุกคน ตอนนี้พวกนายไม่เห็นต้องตอกย้ำกันขนาดนี้?”

“ตอกย้ำเหรอ?” เย่เฉินหัวเราะพลางพูดขึ้น : “เรื่องนี้แกเป็นคนหาเรื่องขึ้นมาเอง ทุกคนก็แค่อยากจะสนองตามความต้องการของแก ทำไมถึงกลายเป็นการตอกย้ำได้ล่ะ?”

หวังเถิงเฟยรู้แล้วว่าวันนี้เขาไม่มีทางรอดไปได้ จึงทำได้แค่สงบสติอารมณ์ แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสำนึก : “เมื่อกี้ฉันวู่วามไปหน่อย ไม่ได้คิดให้รอบคอบ ฉันขอโทษนะเย่เฉิน และก็ขอโทษทุกคนด้วย หวังว่าทุกคนจะยอมยกโทษให้”

พอเห็นว่าเขาดูอ่อนข้อลง ทุกคนต่างพากันตะลึงงัน นี่มันใช่หวังเถิงเฟยเหรอ? เขารู้จักกลัวเป็นตอนไหน? แต่ว่าเขาเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

แล้วจะทำไงได้?

ถ้าหากไม่ยอม ก็ต้องได้กินโต๊ะแล้ว และยังเป็นของที่เขาไม่มีทางจะกินอยู่แล้ว

ดังนั้น ทางเดียวที่ทำได้คือการยอมเท่านั้น พอยอมแล้ว ถึงจะสามารถข้ามผ่านสถานการณ์นี้ไปได้

และก็เป็นอย่างที่คิด พอเขายอมอ่อนลง ก็มีนักเรียนพูดขึ้น : “โธ่ หวังเถิงเฟยยอมรับผิดนี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อีกอย่างทุกคนก็คงไม่บีบบังคับให้เขากินโต๊ะจริงๆ หรอกนะ ฉันว่าปล่อยไปเถอะ!”

“จริงด้วย ปล่อยไปเถอะ! การกินโต๊ะมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ทุกคนยังไม่ได้กินข้าวกันเลย พวกเรามากินข้าวกันเถอะ!”

เย่เฉินเองก็รู้ดี ว่าเขาไม่มีทางกินหรอก แต่ว่าตอนนี้เขาก็ยอมสำนึกแล้ว มันก็บรรลุเป้าหมายของตัวเองแล้วด้วย ให้เขาได้โดนซะบ้าง ชอบทำคนอื่นต้องโดนเอาคืนบ้าง

แต่ว่าเขาโดนแค่เท่านี้เอง โดนเอาคืนแค่นี้มันยังไม่สาสม ตอนนี้ยังเป็นแค่การเริ่มต้น ต่อไปยังมีเรื่องที่หนักกว่านี้รออยู่

ดังนั้นเขาเลยพูดขึ้น : “ในเมื่อหวังเถิงเฟยยอมสำนึกแล้ว งั้นเรื่องกินโต๊ะก็ถือว่าแล้วๆ ไป วันนี้ถือเป็นวันมงคลของการเปิดร้านอาหารของเต้าคุน งั้นก็อย่าทำให้ทุกคนต้องเสียบรรยากาศจะดีกว่า!”

หวังเถิงเฟยถอนหายใจอย่างโล่งอก

แต่ในใจนั้นแทบอยากจะฆ่าเย่เฉินให้ได้ซะตอนนี้ เพื่อระบายความแค้นที่มีในใจ

เย่เฉินเองก็ไม่ได้คิดจะปล่อยเขาไป เขาส่งข้อความไปหาหวังตงเสวี่ยน : “ในบริษัทมีรองประธานคนไหนแซ่หวังมีลูกชายชื่อหวังเถิงเฟย ค้นหาให้หน่อย”

ไม่นานหวังตงเสวี่ยนก็ตอบกลับทันที : “มีรองผู้ประธานคนหนึ่งชื่อ หวังตงไห่ มีลูกชายชื่อ หวังเถิงเฟย มีอะไรหรือเปล่าประธานต่ง มีอะไรจะมอบหมายเหรอ?”

เย่เฉินตอบกลับ : “ไล่เขาออกซะ ให้เขาออกจากงานตอนนี้”

“ได้!”

……

ตอนนี้หวังเถิงเฟยยังไม่รู้ว่าพ่อตัวเองนั้นจะถูกไล่ออกจากตี้เหากรุ๊ป และกำลังทำสัญญาเลิกจ้างอยู่

ในที่สุดสภาวะอึดอัดของเขาก็ผ่านไปเขาจึงค่อยๆ ถอนหายใจออกมา แต่ภายในใจเขากลับครุ่นคิด ว่าเขาต้องหาโอกาสเอาคืนเย่เฉินให้สาสม!

และที่สำคัญก็คือ เขาต้องหาวิธีกู้หน้าเขาจากนักเรียนคนอื่น ไม่อย่างงั้นเรื่องที่เขาโดนเย่เฉินเล่นงานถึงสองครั้ง หลังจากนี้จะสู้หน้านักเรียนคนอื่นๆ ยังไง?

ตอนที่เขาไม่รู้ว่าจะหาวิธีอะไรมากู้หน้าตัวเองนั้น หน้าประตูร้านอาหารก็มีเสียงเอะอะโวยวายขึ้น

ทุกคนต่างพากันหันไปมอง

และก็เห็นพวกนักเลงหัวไม้พรวดเข้ามา แต่ละคนต่างมีรอยสัก แถมในมือยังถือกระบองที่ทำจากเหล็กพวกนั้นมาด้วย แค่เห็นก็รู้แล้วว่าไม่ควรจะเข้าไปยุ่งด้วย

พอเห็นนักเลงพวกนั้นบุกเข้ามา สีหน้าทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที โดยเฉพาะหวังเต้าคุนและหลิวลี่ลี่ ที่สายตาดูหวาดกลัวอย่างมาก

หลังจากที่ชายหน้าบากหัวหน้าแก๊งออกมา แล้วเขาก็กวาดสายตามองไปรอบห้องอาหาร หลังจากนั้นเขาก็ชี้ไปที่หวังเต้าคุน พลางหัวเราะออกมา : “เจ้านาย การเปิดร้านเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่กลับไม่บอกเราสักคำ หรือว่ามองไม่เห็นความเป็นพี่น้องอย่างเราเลยเหรอ?”

สีหน้าของหลิวลี่ลี่ซีดขาวขึ้นมาทันที พลันฉีกยิ้มออกมาแล้วพูดขึ้น : “พวกนาย……พวกนายต้องการอะไร?”ตอบกลับมาทัน

ก่อนที่จะเปิดร้านนั้น หลิวลี่ลี่ได้ยินมาว่าที่นี่มีนักเลงที่คอยเก็บค่าดูแล ดังนั้นเจ้าของร้านคนก่อนก็ถูกแต่พวกนี้มารังควาน จนเขาต้องเซ้งร้านนี้ทันที

แต่หลิวลี่ลี่กลับรู้สึกว่า มันดูสงบดี คนพวกนั้นจะกล้ามาหาเรื่องกันกลางวันแสกๆ แบบนี้เหรอ? ดังนั้นหล่อนจึงเซ้งที่นี่ต่อ แล้วก็เลยเตรียมการเปิดร้าน

แต่คิดไม่ถึงว่า พอเปิดร้านปุ๊ป นักเลงพวกนี้ก็เข้ามาทันที!

ชายหน้าบากหัวเราะพลันพูดขึ้น : “ถ้าต้องการทำธุรกิจที่นี่ แน่นอนว่าต้องบอกกล่าวพี่เปียวของพวกเรา พวกเราเองก็ไม่ได้อยากได้อะไรมาก ขอแค่ส่วนแบ่งสัก20% ก็พอ และหลังจากนี้พวกเราจะเป็นคนคุ้มครองที่นี่เอง”

พอพูดแบบนั้น ชายหน้าบากก็ทำน้ำเสียงเยือกเย็นลง : “แต่ถ้าหากพวกแกไม่ยอม ก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจนะ และวันนี้พวกแกต้องปิดร้านซะ!”

พอได้ยินข้อต่อรองแบบนี้ หวังเต้าคุนกับหลิวลี่ลี่ต่างพากันหน้าถอดสีทันที

อ้าปากมาก็บอกอยากได้ส่วนแบ่งถึง 20%!

นี่มันปล้นกันชัดๆ!

“ฉันให้เวลาพวกแกตัดสินใจหนึ่งนาที”

ทันใดนั้นหวังเถิงเฟยก็รู้สึกว่า โอกาสของเขามาถึงแล้ว!

ดังนั้นเขาจึงออกมา พลันพูดขึ้น: “พวกแกรวมหัวกับใครห้ะ?”

ชายหน้าบากหัวเราะแล้วถามขึ้น : “แกเป็นใคร ฉันเข้าไปยุ่งกับเรื่องของแกเหรอห้ะ?”

หวังเถิงเฟยสบถแล้วพูดขึ้น : “จะบอกให้นะ พ่อฉันเป็นคนประชาสัมพันธ์ของเครือจินหลิง! ฉันจะโทรไปถามพวกเขาให้เขตบุกเบิก!”

ชายหน้าบากหันไปมองเย่เฉินเลิกลั่ก แล้วถามขึ้น : “แกรู้จักพวกเขาเหรอ?”

“แน่นอนอยู่แล้ว!” หวังเถิงเฟยพูดเสียงแข็ง : “ถ้าไม่อยากตายก็ให้รีบไสหัวไป!”

ชายหน้าบากขมวดคิ้ว : “ได้ ถ้าหากแกหาคนที่แกพูดมาเจอละก็ ร้านนี้ฉันจะไม่มาเหยียบอีก แต่ถ้าแกหาไม่เจอละก็ งั้นก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ!”

หลิวลี่ลี่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวล : “พี่เฟย พี่ช่วยฉันติดต่อพวกเขาหน่อยนะ ขอร้องล่ะ!”

หวังเถิงเฟยหัวเราะออกมาเบาๆ : “วางใจได้ พี่จะโทรหาพวกเขาตอนนี้!”

ตี็เหากรุ๊ปก็มีเป้าหมายในการขยายพื้นที่ และยังเป็นหน้าที่ของพ่อหวังเถิงเฟยด้วย ดังนั้นหัวหน้าที่ขยายพื้นที่ก็รู้จักกับพ่อของเขาไม่น้อยเลย แล้วเขาเองก็พอจะรู้จักอยู่บ้าง

เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรทันที พลางจงใจทำเสียงสูง : “อาหลี่ ทำไมในเขตบุกเบิกถึงมีนักเลงมาเรียกเก็บเงินได้ล่ะ? ตอนนี้มาเก็บที่ร้านเพื่อนของผมแล้ว!”

ทางนั้นชะงักไป พลางพูดขึ้น : “เถิงเฟย เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”

หวังเถิงเฟยพูดขึ้น : “ผมมีเพื่อนคนหนึ่งที่เปิดร้าน แล้วมาเจอกับพวกนักเลงรีดไถเงิน ดังนั้นจึงอยากถามหัวหน้าหลี่ว่าได้ดูแลเรื่องนี้มั้ย?”

ทางนั้นทำเสียงเสียใจ พลางพูดขึ้นด้วยความละอายใจ : “ขอโทษด้วยนะเถิงเฟย เรื่องที่คุณบอกเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องของผม ตอนนี้ผมประชุมอยู่ งั้นขอวางสายก่อน”

เขาไม่รอให้เถิงเฟยได้พูดอะไร พลันตัดสายทันที

หวังเถิงเฟยทำหน้างงทันที

มันเกิดอะไรขึ้น? ก่อนหน้านี้หัวหน้าหลีไม่ใช่ว่าคอยคลุกคลีกับพ่อ แล้วยังอยากให้พ่อไปร่วมลงทุนด้วยไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงไม่ไว้หน้ากันบ้างเลย?

หวังเถิงเฟยจะรู้ได้ยังไง ว่าข่าวของพ่อเขานั้นที่ถูกกำจัดออกจากตี้เหากรุ๊ป ได้แพร่งพรายในกลุ่มของผู้นำจินหลิงแล้ว!