เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1084 วางแผนต่อต้าน

แปลโดย iPAT

 

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ทวีปผมดำ

 

เสียงโห่ร้องดังขึ้น

 

ในการประลองรอบสุดท้ายเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างผู้ใช้วิญญาณสองคน

 

ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนขณะที่อีกฝ่ายคือฟางเจิ้ง

 

เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีจากเผ่ามนุษย์ขน

 

กระทั่งราชาผมดำก็ยังขมวดคิ้ว เขาไม่ต้องการเห็นผู้ชนะคนสุดท้ายเป็นผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์เพราะมันจะทำให้ทวีปผมดำถูกหัวเราะเยาะ

 

หากฟางเจิ้งชนะ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะทำให้ทวีปผมดำสูญเสียใบหน้า ดังนั้นราชาผมดำจึงได้วางแผนเอาไว้ล่วงหน้า

 

‘มันกำลังจะจบ’ ราชาผมดำรู้สึกมีความสุขเมื่อมองไปที่สนามประลอง

 

บนสนามประลอง ฟางหยวนรู้สึกมึนงงและกำลังจะล้มลงบนพื้น

 

‘เกิดสิ่งใดขึ้น?’ ฟางเจิ้งรู้สึกตกใจและหวาดกลัว

 

จิตใต้สำนึกของเขาสั่งให้เขาผลักฝ่ามือออกไป

 

คลื่นน้ำพุ่งเข้าโจมตีฝ่ายตรงข้ามที่เป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าเผ่ามนุษย์ขน

 

มนุษย์ขนตื่นตกใจและรีบกระโดดขึ้นด้านบนเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีของฟางเจิ้ง

 

ใต้เท้าของเขาเป็นเปลวเพลิงสองดวงที่ทำให้เขาสามารถลอยอยู่กลางอากาศได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

 

แต่นี่ก็ทำให้เขาสูญเสียโอกาสที่ดีที่สุดในการโจมตีศัตรู

 

ฟางเจิ้งค่อยๆฟื้นตัวแต่เขายังรู้สึกเวียนศีรษะและอยู่ในสภาพที่ไม่ดีนัก อย่างไรก็ตามประสบการณ์ทำให้เขาสามารถปิดบังอาการเหล่านี้ ภายนอกเขาดูปกติมาก

 

คลื่นน้ำปรากฎขึ้นอย่างกะทันหันและกระจายหายไปอย่างรวดเร็ว

 

ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการบิน ดังนั้นเขาจึงรีบลงมาจากอากาศ

 

ทั้งสองฝ่ายกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง

 

‘ฟางเจิ้ง เจ้าถูกวางกับดักโดยบางคน ข้าไม่รู้ว่าเมื่อใดแต่บางคนลอบฝังวิญญาณบางดวงไว้ในจิตวิญญาณของเจ้า’ เจตจำนงปลอมของฟางหยวนเปิดเผยความจริงต่อฟางเจิ้ง

 

‘นี่เป็นไปได้อย่างไร?’ ฟางเจิ้งตกใจและสับสน

 

เจตจำนงของฟางหยวนถอนหายใจ ‘นี่เป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ มันเชื่อมต่อกับราชาผมดำที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ดูเหมือนเขาจะวางแผนต่อต้านเจ้า’

 

“บัดซบ!” ฟางเจิ้งตะโกน เขาแสดงความโกรธและเกลียดชังออกมาอย่างเต็มที่

 

‘เกิดสิ่งใดขึ้น?’ ฝ่ายตรงข้ามสังเกตการแสดงออกของฟางเจิ้งและคิดว่าฟางเจิ้งกำลังเตรียมการโจมตีที่ทรงพลัง

 

เจตจำนงของฟางหยวนเย้ยหยัน ‘ตอนนี้เจ้าเชื่อข้าแล้วหรือยัง? ข้าบอกเจ้าแล้วว่าราชาผมดำจะไม่ปล่อยให้เจ้าได้รับชัยชนะโดยง่าย การต่อสู้ครั้งนี้เป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจ แม้พวกเขาจะเอ่ยอ้างคุณธรรม แต่ผู้ที่คาดหวังความยุติธรรมอย่างเต็มที่มีเพียงคนโง่เท่านั้น’

 

ฟางเจิ้งกัดฟันแน่น เปลวเพลิงแห่งความโกรธแทบปะทุออกมาจากดวงตาของเขา ‘นี่ยิ่งทำให้ข้าต้องการชัยชนะมากขึ้น!’

 

‘เห้อ…เจ้ายังเด็กนัก น้องชายผู้โง่เขลาของข้า’ เจตจำนงของฟางหยวนถอนหายใจและตระหนักถึงความต้องการของฟางเจิ้ง

 

วิธีการตอบสนองที่ดีที่สุดในสถานการณ์นี้คือจงใจยอมแพ้และจบการต่อสู้ด้วยตำแหน่งอันดับที่สอง

 

ด้วยวิธีนี้ฟางเจิ้งจะไม่เหนื่อยกับการต่อสู้กับตัวตนระดับสูงของทวีปผมดำมากนักขณะที่ราชาผมดำจะสามารถยอมรับผลลัพธ์

 

ผลลัพธ์ดังกล่าวไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงความสามารถของผู้ใช้วิญญาณจากทวีปผมดำแต่ยังแสดงให้เห็นถึงความใจกว้างของราชาผมดำในการส่งเสริมและยอมรับผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์

 

อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งกลับต้องการตำแหน่งชนะเลิศอันดับหนึ่ง นี่ไม่เพียงจะทำให้เขาพบกับความยากลำบาก แต่มันยังจะทำให้มนุษย์ขนคนอื่นๆกลายเป็นศัตรูกับเขา

 

อันดับหนึ่งหรืออันดับสอง มีสิ่งใดแตกต่าง?

 

ชัยชนะหรือพ่ายแพ้ มันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดจริงๆงั้นหรือ?

 

แต่เจตจำนงของฟางหยวนกลับรู้สึกมีความสุขที่เห็นสิ่งนี้

 

ฟางเจิ้งมีอคติต่อเขา มีเพียงแรงกดดันจากภายนอกที่สามารถบังคับให้ฟางเจิ้งร่วมมือกับเขา และทางเลือกของฟางเจิ้งในครั้งนี้จะส่งผลให้เกิดการต่อต้าน เรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่อแผนการของฟางหยวน

 

ดังนั้นเจตจำนงของฟางหยวนจึงตัดสินใจทำทุกอย่างเพื่อให้ฟางเจิ้งสมความปรารถนา

 

เขากล่าว ‘ข้าเป็นเพียงเจตจำนง เจ้าสามารถกำจัดวิญญาณบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณในภายหลัง สำหรับตอนนี้จิตวิญญาณของเจ้าได้รับบาดเจ็บและไม่สามารถใช้คางคกกลืนกินแม่น้ำ แต่กระทั่งเจ้าจะสูญเสียไพ่ตาย เจ้าก็ยังมีโอกาสชนะ เพียงฟังคำแนะนำของข้า!’

 

ฟางเจิ้งก่นเสียงเย้ยหยัน เขารู้สึกไม่พอใจ แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน เขาทำได้เพียงทำตามคำแนะนำของฟางหยวนเท่านั้น

 

ฟางเจิ้งอาจไม่รู้ แต่หลังจากวันนี้ส่วนลึกในจิตใจของเขาได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว

 

เพียงเมื่อฟางหยวนออกจากหุบเขาเหล่าโป เจตจำนงปลอมของเขาก็บินกลับมาหาเขา

 

หลังจากตรวจสอบและไม่พบปัญหา ฟางหยวนจึงดึงมันกลับไป

 

ข้อมูลมากมายพุ่งเข้าสู่จิตใจของฟางหยวนราวกับคลื่นน้ำ

 

นั่นทำให้ฟางหยวนได้เรียนรู้เกี่ยวกับพัฒนาการของฟางเจิ้ง

 

“โอ้ ภายใต้การแนะนำจากเจตจำนงของข้า เขาสามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามและได้รับอันดับหนึ่งในการประลองงั้นหรือ?”

 

“นั่นเป็นเรื่องที่ดี”

 

“แต่ด้วยวิธีนี้ เขาได้ทำให้ราชาผมดำสูญเสียใบหน้า ฮ่าฮ่า น่าสนใจ ชนะการประลองแต่กลับสูญเสียมากกว่า หลังจากนี้ชีวิตของเจ้าจะไม่สะดวกสบายอีกต่อไป น้องชายตัวน้อยของข้า!”

 

“แต่เรื่องนี้เป็นประโยชน์มากสำหรับแผนการของข้า”

 

“นอกจากนั้นข้าได้จัดเตรียมบางสิ่งไว้ให้เจ้าที่เมืองไหมเหล็ก”

 

ฟางหยวนนำเจตจำนงขนาดใหญ่กว่าเดิมหลายเท่าออกมา

 

เจตจำนงที่อยู่กับฟางเจิ้งต้องใช้ความคิดและหดเล็กลง ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องเติมเจตจำนงอยู่บ่อยครั้ง

 

ด้วยการชี้นิ้วออกไป วิญญาณระดับห้าหลายดวงและเจตจำนงปลอมของเขาพุ่งลงไปยังทวีปผมดำ

 

เมื่อพวกมันไปถึงเมืองหลวงของทวีปผมดำ พวกมันแยกออกเป็นสองส่วน

 

ส่วนหนึ่งบินไปยังเมืองหลวงของทวีปผมดำขณะที่อีกส่วนบินไปที่เมืองไหมเหล็ก

 

เจ้าเมืองไหมเหล็กเป็นมนุษย์ขนหญิงที่ชื่นชอบฟางเจิ้ง เจตจำนงของฟางหยวนลอบเข้าไปในจิตใจของนางอย่างเงียบๆ

 

มันเป็นเรื่องง่ายที่ผู้อมตะจะวางแผนบางอย่างกับผู้ใช้วิญญาณ

 

ปัจจุบันเจ้าเมืองหญิงกำลังจัดการเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของนาง นางไม่ตระหนักถึงเจตจำนงของฟางหยวนและยังไม่รู้สึกว่าหน้าท้องส่วนล่างของนางพองโตขึ้นเล็กน้อย

 

‘นี่คือไพ่ที่ข้าซ่อนไว้’ บนทวีปเมฆา ฟางหยวนหัวเราะ

 

การควบคุมโชคชะตาของมนุษย์ถือเป็นเรื่องปกติของผู้อมตะ

 

สาเหตุหลักเป็นเพราะความแข็งแกร่งของผู้อมตะที่เหนือกว่ามนุษย์ไปไกลมาก

 

‘มุมมองที่เปลี่ยนไปของฟางเจิ้งถือเป็นความสำเร็จเล็กน้อย ทุกอย่างดำเนินไปได้อย่างราบรื่น แต่ตอนนี้ข้ายังไม่มีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิตที่สมบูรณ์’

 

‘ปัญหายังเป็นวิญญาณสติปัญญา’

 

หลายวันผ่านไปตั้งแต่ฟางหยวนเก็บผลไม้ธารแสงไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

 

ฟางหยวนรู้สึกถึงข้อเสียของการไม่สามารถใช้งานแสงแห่งปัญญามากขึ้นเรื่อยๆ

 

อย่างไรก็ตามปัญหาเกี่ยวกับร่างผีดิบอมตะของเขายังต้องใช้เวลาแก้ไข

 

ฟางหยวนไตร่ตรองมาอย่างรอบคอบ ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาด้อยกว่านิกายเงามาก ทางออกของเขาคือการยกระดับจิตวิญญาณ

 

หากจิตวิญญาณของเขาบรรลุระดับที่ใกล้เคียงกับเทพปีศาจจิตวิญญาณ กับดับบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่อยู่ในร่างผีดิบอมตะจะไม่ส่งผลกระทบต่อเขา

 

เป็นธรรมชาติที่การบ่มเพาะจิตวิญญาณให้บรรลุระดับที่น่าสะพรึงกลัวเช่นเทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นเรื่องของอนาคตอันยาวไกล แต่ร่างผีดิบอมตะของฟางหยวนถูกจัดการโดยอิงอู๋เซี่ยที่เป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณเท่านั้น แน่นอนว่าร่างแยกไม่สามารถเปรียบเทียบกับร่างหลัก

 

ดังนั้นหลายวันที่ผ่านมานอกจากฟางหยวนจะใช้เวลาจัดการมิติช่องว่างจักรพรรดิและให้คำแนะนำผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเพื่อสะสมแต้มผลงาน เขายังใช้เวลาอยู่ในหุบเขาเหล่าโปและดูดซับวิญญาณความเด็ดเดี่ยวอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับจิตวิญญาณ

 

ภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดในการบ่มเพาะจิตวิญญาณ

 

ภายในเวลาไม่ถึงสิบวัน จิตวิญญาณของฟางหยวนก็พัฒนาขึ้นอย่างมาก

 

แต่ฟางหยวนยังไม่มั่นใจและไม่กล้าทดสอบกับดักที่ซ่อนอยู่ในร่างผีดิบอมตะของเขา

 

อีกหลายวันผ่านไปเมื่อฟางหยวนออกจากหุบเขาเหล่าโป วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงหนึ่งบินเข้ามาหาเขา

 

ฟางหยวนอ่านข้อมูลที่อยู่ภายในและตระหนักว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีเรื่องสำคัญที่ต้องการหารือกับเขา

 

ฟางหยวนมีความสุขทันที เขารอการติดต่อจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามาตลอด

 

เขารีบเดินทางไปพบจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาที่เมืองเมฆาที่หนึ่งในรูปลักษณ์ของมนุษย์ขน

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวต้อนรับ “เจ้ามาถึงแล้ว มานั่งลงก่อน”

 

เมื่อฟางหยวนนั่งลง จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงเปิดปากกล่าว “ข้าพิจารณาข้อเสนอของเจ้าแล้วและรู้สึกว่ามันค่อนข้างสมเหตุสมผล แต่การเลือกโลกใต้บาดาลยังไม่เหมาะสมนัก เจ้าอาจไม่รู้ แต่ปัจจุบันโลกใต้บาดาลค่อนข้างวุ่นวาย ผู้อมตะภาคเหนือทั้งฝ่ายธรรมะ ฝ่ายปีศาจ และกระทั่งผู้บ่มเพาะสันโดษต่างอยู่ที่นั่น”

 

ฟางหยวนแสดงออกด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยและจงใจถาม “เป็นเพราะเหตุใด?”

 

“เนื่องจากการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียนทำให้กองกำลังพันธมิตรผีดิบของแต่ละภูมิภาคกลายเป็นความว่างเปล่า สมาชิกของกองกำลังพันธมิตรผีดิบแห่งภาคเหนือหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย นี่ทำให้เกิดข้อสงสัย ผู้คนคาดเดาว่าสมาชิกของกองกำลังพันธมิตรผีดิบอาจเสียชีวิตทั้งหมดแล้ว ดังนั้นผู้อมตะจำนวนมากจึงเริ่มเข้ายึดครองทรัพยากรของพวกเขารวมถึงโลกใต้บาดาล ตามข่าวลือผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของฝ่ายธรรมะอนุมานว่าเมืองคลื่นทมิฬจมลงสู่โลกใต้บาดาลและสูญหายไป” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตอบ

 

“เป็นเช่นนั้น” ฟางหยวนพยักหน้ารับทราบ “เมื่อเป็นเช่นนี้โลกใต้บาดาลก็ไม่ปลอดภัย ดูเหมือนคำแนะนำของข้าก่อนหน้านี้จะไม่สามารถใช้งานได้”

 

แต่ในใจเขากลับคิด ‘ดูเหมือนนิกายเงาจะทิ้งมาตรการป้องกันบางอย่างเอาไว้ เนื่องจากนิกายเงาสามารถซ่อนเมืองคลื่นทมิฬ ความพยายามของผู้อมตะภาคเหนืออาจกลายเป็นไร้ประโยชน์’

 

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวต่อ “สถานการณ์ของโลกใต้บาดาลค่อนข้างซับซ้อน เราไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ข้อเสนอของเจ้ายังสามารถใช้ได้ ข้าตัดสินใจที่จะนำมาใช้ นอกจากนั้นสถานที่ที่ข้าเลือกก็คือหนึ่งในสิบเขตต้องห้ามของภาคเหนือ”

 

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาชี้นิ้วไปที่แผนที่

 

สายตาของฟางหยวนมองตามการชี้นำของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

 

มันอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของกองกำลังเผ่ากวงและทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกองกำลังเผ่าหลิว

 

การแสดงออกของฟางหยวนไม่เปลี่ยนแต่เขาลอบยินดีอยู่ภายใน ‘เป็นที่นั่น!’