บทที่ 961 ทำไมถึงไม่รู้สึกดีใจเลย?

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

ลึกเข้าไปในท่อน้ำทิ้งอันเงียบสงัด หลิงม่อกับสวี่ซูหานยืนแนบตัวติดกันอยู่ในมุมมืดๆ มุมหนึ่ง ขณะเดียวกันก็จ้องมองไปข้างหน้าอย่างระแวดระวัง ในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วินาที เสียงที่ดังรอบกายราวกับถูกเร่งเสียงให้ดังชัดขึ้น เสียงฟองน้ำที่ผุดขึ้นมาจากใต้โคลนตม เสียงน้ำหยดกระทบพื้นรางๆ จากที่ไกลๆ กระทั่งเสียงเบาหวิวที่ไม่สามารถระบุแหล่งกำเนิดเสียงได้อีกมากมาย…ในตอนนั้นเอง อยู่ๆ เสียงที่ค่อนข้างดังฟังชัดก็ดังขึ้นท่ามกลางความมืด—

“เผละ!”

สวี่ซูหานสะดุ้งเล็กน้อย แล้วเธอก็เหลือกตามองขึ้นข้างบน ถึงแม้จากมุมของเธอจะมองไม่เห็นสีหน้าของหลิงม่อ แต่เธอกลับสัมผัสได้ถึงลมหายใจอันแผ่วเบาของเขาที่รดหัวเธออยู่ ขณะเดียวกัน เขาเกร็งแขนเล็กน้อย ทำให้ฝ่ามือของเขาแนบติดกับริมฝีปากของเธอมากกว่าเดิม

“อุ่นมากจนผิดคาดเลยแฮะ แถมยังสามารถรู้สึกได้ถึงการไหลเวียนของเลือดผ่านผิวหนังอีกด้วย…ใกล้ขนาดนี้ แผ่นหลังของเรายังสัมผัสได้ถึงหัวใจที่กำลังเต้นของเขาด้วย…ปกติแล้วอุณหภูมิของร่างกายมนุษย์สูงอย่างนี้อยู่แล้วหรอ?” สวี่ซูหานเริ่มคิดฟุ้งซ่านอย่างไม่รู้ตัวอีกครั้ง แต่ไม่นานเธอก็พยายามดึงสติตัวเองกลับมาจากความคิดเพ้อเจ้อทั้งปวง…

“ไม่ได้ๆๆ! ไม่ว่าจะกัดหรือเลียก็ไม่ได้ทั้งนั้น! ใจเย็นหน่อย!” สวี่ซูหานพยายามเม้มปากตัวเองแน่น หน้าอกเธอกระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด พลางเหลือบมองไปยังทิศทางต้นกำเนิดของเสียง “มันคืออะไรกันแน่! ถ้ายังไม่ออกมาในเร็วๆ นี้ ฉันทนไม่ไหวแน่!”

ส่วนหลิงม่อที่เอาแต่จ้องมองเข้าไปในความมืดไม่ทันได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเธออย่างเห็นได้ชัด เมื่อเสียง “เผละ” นั้นดังขึ้นอีกครั้ง เขาก็กดไหล่สวี่ซูหานลงเบาๆ จากนั้นทั้งสองก็พากันนั่งยองๆ ลงไปเงียบๆ

“咦……”

“เอ๋…”

ตอนแรก เธอนึกว่าหลิงม่อกำลังซ่อนตัว แต่ท่อระบายเส้นนี้เป็นเส้นตรงอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นข้างหน้าหรือข้างหลังก็ไม่มีที่ให้ซ่อน ทว่าพอนั่งยองๆ ลงไป สวี่ซูหานจึงเพิ่งค้นพบอย่างเก้อเขิน ว่าตัวเองคิดง่ายเกินไปหน่อย…

ลมหายใจของหลิงม่อที่รดใบหูของเธอเริ่มเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ไม่นานเธอก็สัมผัสได้อย่างรวดเร็วว่าข้างกายราวกับมีคลื่นพลังงานอ่อนๆ ปรากฏขึ้น พอเธอมองตามคลื่นพลังนี้ลงไป กลับพบว่านิ้วมือของหลิงม่อลอยอยู่เหนือพื้นโคลน

“ที่แท้ก็อยากลอบสำรวจข้างหน้าอย่างเงียบๆ นี่เอง…อาศัยโคลนตมเพื่ออำพรางสินะ? แต่ถ้าทำอย่างนี้ ความยากในการสำรวจก็จะสูงขึ้นไม่น้อยหรือเปล่านะ?” สวี่ซูหานครุ่นคิด ขณะเดียวกันก็สูดหายใจลึกๆ “ยิ่งใกล้พื้น ฉันก็จะได้ยินเสียงชัดเจนขึ้นสินะ…”

“เผละ…”

ความถี่ในการดังของเสียงนั้นห่างกันมาก แต่ระดับเสียงกลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนแรกยังเหมือนเสียงแมลง แต่ไม่นานก็กลายเป็นเสียงเหมือนบางสิ่งย่ำลงบนโคลน แค่ได้ยินเสียงก็รู้แล้ว ไม่ว่าสิ่งที่กำลังมาจะเป็นอะไร ยังไงก็ต้องไม่ใช่อวี่เหวินซวนแน่นอน

แล้วอวี่เหวินซวนล่ะ? เดิมทีเขาควรเดินอยู่ข้างหน้าพวกเขา แต่ตอนนี้กลับมี “บางสิ่ง” กำลังเดินมาจากทิศทางที่เขาหายตัวไป…เขาได้เจอเจ้าสิ่งนั้นไหม? ถ้าหากเจอ แล้วตอนนี้เขาจะเป็นยังไงบ้าง?

สวี่ซูหานขมวดคิ้ว แต่กลับไม่อาจถามอะไรออกไปในเวลานี้ได้ ดูจากปฏิกิริยาของหลิงม่อ ดูเหมือนเขายังสงบนิ่งอยู่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เธอก็รู้สึกว่าฝ่ามือของหลิงม่อเริ่มร้อนกว่าเมื่อกี้แล้ว…

หลิงม่อกลั้นหายใจ และรออย่างเงียบงัน…หนวดสัมผัสเส้นนั้นซ่อนตัวอยู่ในจุดที่ห่างจากพวกเขาไม่ถึงสามสิบเมตร ถ้าหากอีกฝ่ายเดินมาถึงจุดนั้น เขาสามารถทำการโจมตีตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ในทันที แต่ความจริงสำหรับซอมบี้หรือมนุษย์ประหลาด ระยะทางสามสิบเมตรนั้นสามารถมองเห็นภาพข้างหน้าได้อย่างชัดเจนแล้ว ทว่าภายใต้สถานการณ์ที่พวกเขายังคงนั่งยองๆ อยู่ต่อไป อีกฝ่ายต้องช้ากว่าการตอบสนองของสวี่ซูหานไปหนึ่งก้าวแน่นอน นี่คือการตัดสินด้วยระดับความสามารถในการมองเห็น

“มาสิ…” หลิงม่อปรับสภาพดวงจิตของตัวเอง พร้อมกับจ้องเขม็งไปตรงนั้น…

“เผละ…”

ไม่นานเสียงนั้นก็ดังใกล้เข้ามาในรัศมีหลายสิบเมตร ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงัดอย่างนี้ เสียงนั้นราวกับดังอยู่ข้างหูหลิงม่อกับสวี่ซูหานอย่างไรอย่างนั้น เขากระทั่งรู้สึกว่า เสียงนั้นเหมือนดังมาจากข้างหลังตัวเอง…สภาพแวดล้อมวังเวงและอึดอัด มักส่งผลต่อการตัดสินของคนเรา ความจริงแล้ว นี่เป็นหนึ่งในจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของมนุษย์…

“เผละ!”

ในตอนนั้นเอง อยู่ๆ เสียงนั้นก็เงียบหายไป

“ทำไมไม่เคลื่อนไหวแล้วล่ะ!” หลิงม่อม่านตาหดตัว

เขารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายยืนอยู่ในความมืดนั้นแน่ๆ และก็กำลังยืนมองพวกเขาจากจุดที่ห่างออกไปสี่สิบเมตร และหนวดสัมผัสของเขา ก็กำลังรออีกฝ่ายในระยะห่างเพียงสิบเมตรเท่านั้น แต่อยู่ๆ ผู้มากลับเลือกหยุดเดินในเวลานี้เสียได้

พวกเขาถูกมันจับได้แล้ว?

“ไม่มีทาง…ถ้าหากไม่ได้รู้ล่วงหน้ามาก่อนว่าที่นี่มีคนอยู่ ไม่มีทางสังเกตเห็นมุมนี้ได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้แน่ อากาศในท่อน้ำทิ้งขมุกขมัวขนาดนี้ ไม่มีทางมองเห็นได้ชัดเจนขนาดนั้นแน่…อีกอย่างถ้าหากถูกจับได้ล่ะก็ มันน่าจะพุ่งเข้ามาโจมตีสิ…เป็นเพราะอะไรกันแน่…” ความคิดมากมายนับไม่ถ้วนไหลผ่านสมองหลิงม่อภายในเวลาสั้นๆ ไม่นานเขากัดฟันกรอด อยู่ๆ ก็ปล่อยมือแล้วลุกขึ้นยืน

และในเสี้ยววินาทีที่เขาลุกขึ้นยืน ก็ได้เกิดเหตุพลิกผันขึ้นทันใด!

“เผละ เผละ เผละ!”

อยู่ๆ เสียงนั้นก็เปลี่ยนทิศ หันหน้าวิ่งกลับไปทางเดิม!

“ชิทท!”

หลิงม่ออึ้งค้าง…นี่กำลังล้อเล่นหรือไง! เขายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ! ปฏิกิริยาตอบสนองต่ออันตรายของเจ้านั่นยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว!

สวี่ซูหานเองก็งุนงงเช่นกัน เกิดอะไรขึ้น? ได้ยินแค่เสียงไม่เห็นหน้าคน? อย่างน้อยก็น่าจะโผล่หน้ามาให้เห็นซักนิด!

“ตามไหม?” สวี่ซูหานเงยหน้าถาม เธอเองก็รู้ตัวว่าคำถามนี้ไม่จำเป็น ไม่ว่าจะตามหรือไม่ตาม พวกเขาก็ต้องเดินไปทางนั้นอยู่ดี…

ตามคาด หลิงม่อกัดฟันกรอดแล้วพยักหน้า “ตาม!”

ตอนแรกก็ซย่าน่ากับหุ่นซอมบี้ถูกล่อลงมา ต่อมาก็อวี่เหวินซวน สุดท้ายก็มาเขากับสวี่ซูหาน… “ฉันกลับอยากเห็นซักหน่อย ว่าตกลงมันเป็นตัวอะไรกันแน่ที่กำลังเล่นสกปรกกับพวกเรา!” หลิงม่อพูดเสียงต่ำด้วยความเดือดดาล

“เล่นสกปรกหรอ…” สวี่ซูหานกลับดูกังวลเล็กน้อย แต่หลังจากครุ่นคิด เธอกลับไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงลอบยกมือเช็ดมุมปากเงียบๆ

“เธอเป็นอะไรไป?” หลิงม่อบังเอิญเหลือบเห็น จึงถามขึ้น

ทีอย่างนี้ดันเห็นนะ!

สวี่ซูหานพูดไม่ออก…อุตส่าห์มีตัวตนในสายตาขึ้นมาบ้าง แต่ทำไมไม่รู้สึกดีใจเลยล่ะ!

“เปล่า…” หรือจะให้บอกนายว่า ฉันกำลังเช็ดน้ำลายอย่างนั้นหรอ!

“ถ้าอย่างนั้นก็เร็วเข้า” ดีที่หลิงม่อไม่ได้เค้นถามอะไรมาก เขาบิดคอไปมา จากนั้นก็เร่งความเร็ววิ่งตามเสียงนั้นไป

สวี่ซูหานวิ่งตามอยู่ข้างหลังติดๆ สายตากลับค่อยๆ ดูวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย

“ข้างล่างนี้ มีอะไรอยู่กันแน่นะ? แล้วก็สัตว์ประหลาดประเภทนั้น พวกมันมาจากไหน และใช้ชีวิตอยู่ข้างล่างนี้ได้อย่างไร…” เสียง ‘เผละๆๆ’ ที่ดังมาจากข้างหน้าอย่างต่อเนื่องกลบเสียงฝีเท้าของพวกเขาจนมิด แต่ในระหว่างที่ย่ำเท้าลงไปในโคลนตมอย่างต่อเนื่องนั้น สวี่ซูหานรู้สึกสังหรณ์ใจรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ…

———————————————-