บทที่ 146 เขตแดนสรรพสัตว์ของแคลร์

จอมมารแค่อยากเป็นคนดี [反派少爷只想过佛系生活]

บทที่ 146 เขตแดนสรรพสัตว์ของแคลร์
บทที่ 146 เขตแดนสรรพสัตว์ของแคลร์

เวลาตีสาม

แคลร์ตื่นจากการนอนหลับ ขมับมีเหงื่อเย็นเยียบผุดขึ้นมา

หลังจากที่ลืมตาขึ้น เธอก็มองไปที่เพดานของระเบียง นัยน์ตาเปลี่ยนจากความว่างเปล่าเป็นค่อย ๆ จับจ้อง และต้องใช้เวลาสักพักกว่าที่เธอจะฟื้นสติ

“ฉันกลับมาแล้ว”

รูปแบบหอคอยของหอพักยังคงไม่เปลี่ยนไปแม้ผ่านมานานหลายทศวรรษ ที่ถูกปรับปรุงมีเพียงเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้นเท่านั้น

และทุกหอพักก็เป็นเหมือนกันเช่นนี้

พื้นที่ระเบียงก็เล็กเหมือนเดิม

แคลร์ไม่ใช่คนประเภทที่เข้ากับคนอื่นง่าย เธอค่อนข้างไว้ตัวทีเดียว

สมัยเรียน หลังเลิกเรียนเธอมักจะใช้เวลาทั้งหมดไปกับการอ่านหนังสือบนระเบียง

แม้พื้นที่จะคับแคบและภายในห้องก็เต็มไปด้วยสัตว์ แต่มันกลับทำให้เธอรู้สึกสงบได้

พูดถึงสัตว์…

ตอนนั้นเองที่เธอนึกบางอย่างขึ้นมาได้

นักปราชญ์หญิงผุดลุกขึ้นยืน มืออุ้มหญ้าแมวไว้ และเหลือบมองเข้าไปในห้องนอน เห็นเพียงสปิริตที่ติดตามเธอมาครึ่งชีวิตนอนหลับอย่างสงบอยู่ภายในห้องนอน

สิ่งนี้ทำให้เธอประหลาดใจเล็กน้อย

“ดาร์กทำเหรอ?” เธอหันไปมองที่เตียง

ลูกชายเพื่อนสนิทของเธอกำลังนอนหลับอยู่บนเตียง โดยมีวิญญาณรับใช้ตัวอ้วนกลมที่มีปีกค้างคาวนอนอยู่ข้างเตียงด้วย

“ค้างคาว?”

แคลร์หาวออกมา เธอยังคงง่วงอยู่บ้าง

มือหนึ่งผลักประตูเข้าไป การ์ดเวทมนตร์ที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อสะบัดออกเล็กน้อย และสนามเวทมนตร์ทั่วทั้งห้องนอนก็สลายไป เหล่าสปิริตพลันกลายเป็นดวงแสง พุ่งเข้ากลับเข้าไปในซองใส่การ์ดพร้อม ๆ กัน

ภายใต้สถานการณ์ปกติ สปิริตไม่สามารถอยู่นอกการ์ดเวทมนตร์ได้เป็นเวลานาน แต่แคลร์ผู้ถูกเรียกว่า ‘นักปราชญ์แห่งอสูร’ แน่นอนว่าเธอต้องมีความพิเศษเฉพาะตัว

ไม่ว่าจะเป็นการ์ดเวทสนามขนาดเล็ก [สวนสัตว์] หรือการ์ดเวทสนามขนาดใหญ่ [อาณาจักรแห่งสรรพสัตว์] สปิริต ‘ประเภทนกและสัตว์’ จึงสามารถคงอยู่ได้เป็นเวลานาน

ตราบใดที่การ์ดเวทสนามยังถูกร่ายไว้ ภายในขอบเขตที่เวทสนามปกคลุมจะกลายเป็นเขตแดนสรรพสัตว์ของเธอ!

แคลร์เดินเข้ามาในห้อง จากนั้นวางหญ้าแมวลงในตะกร้านอนที่หัวเตียง แล้วมองดูเด็กชายบนเตียงด้วยสายตาเปล่งประกาย

ก่อนจะมาที่นี่ เธอเคยถามถึงสถานการณ์ปัจจุบันของดาร์กจากผู้คนที่รู้จักมาแล้ว

แต่เท่าที่รู้จักดาร์กมากับสิ่งที่ได้ยินจากข้างนอกเมื่อไม่นาน เธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป

เด็กที่แม้แต่ดาบธรรมดายังไม่อาจฝึกฝนให้เก่งได้ จะกลายเป็นนักเรียนชั้นยอดได้อย่างไร?

ทว่าผ้าห่มในมือดูเหมือนจะให้คำตอบที่แท้จริงกับเธออย่างเงียบ ๆ แล้ว

“เด็กคนนี้โตขึ้นแล้วสินะ?”

แคลร์โน้มตัวเข้าใกล้ ดวงตาเปล่งประกายระยิบระยับ มองดูเด็กชายที่เธอไม่ได้เจอมาเป็นเวลาสองสามปีอย่างละเอียด

“แต่เขายังดูตัวเล็กอยู่เลย”

มือเอื้อมไปจิ้มกับใบหน้าของดาร์ก และแสงสว่างในดวงตาของเธอก็ฉายชัดขึ้นเรื่อย ๆ

รุ่งอรุณมาเยือนอีกครั้ง

ดาร์กตื่นขึ้นทันใด

เขาฝันร้ายทั้งคืน

ทั้งภาพจากละครต่าง ๆ ที่เขาเคยดูในชีวิตก่อนหน้า ไปจนถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เขาได้ประสบในชีวิตนี้ พวกมันล้วนยุ่งเหยิงไปหมด ส่งผลให้การนอนหลับของเขาย่ำแย่ลงไม่น้อย

โดยเฉพาะภาพที่ดาร์กได้ฝันก่อนจะตื่น มันทำให้เขาตื่นขึ้นในทันที

ย้อนกลับไปในตอนที่ดาร์กอายุได้หกขวบ

เขากลายเป็นแมว เพราะแคลร์โกรธที่เขาไปฉีกหนังสือของเธอ

วันต่อมา เขาถูกฝังไว้ในอ้อมแขนของแคลร์ตลอดคืน และเกือบขาดอากาศหายใจตายระหว่างที่หลับ!

สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้น คือหลังจากนั้นแคลร์ก็ดูเหมือนจะเสพติดการรังแกเขา ตราบใดที่เธอไม่มีความสุข เธอก็จะเอาความโกรธมาลงที่เขา และเมื่อเธอนอนไม่หลับ เธอจะทำให้เขากลายเป็นหมอน

ส่วนแม่ที่มักจะเอาใจเขาเสมอกลับเข้าข้างแคลร์ด้วย เป็นเวลาหลายคืนที่ดาร์กถูกบังคับให้นอนตรงกลางระหว่างพวกเธอ มันทำให้เขารู้สึกอนาถและเกือบจะมีเงามืดในใจ!

ฝันร้ายเหล่านั้นยังไม่สิ้นสุดจนกระทั่งแคลร์ออกจากบ้านของดาร์กไป

แต่ตอนนี้ ปีศาจตนนั้นกลับมาแล้ว!

เมื่อหวนนึกถึงความทรงจำเก่า ๆ ที่ตกค้างอยู่ภายในใจ ดาร์กพลันลืมตาขึ้นทันที สมองตื่นตัวอย่างเต็มที่

กลิ่นกายของแคลร์มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก จนยากจะลืมเลือนได้

ดาร์กพบว่าแคลร์ย้ายมานอนอยู่ข้าง ๆ เขา

เด็กชายมองร่างกายตัวเองอย่างไม่รู้ตัว

สิ่งที่ปรากฏในดวงตาของเขาไม่ใช่ร่างของแมว แต่ก็เป็นฉากที่เย้ายวนมากอยู่ดี

[ราคะ +1]

ใบหน้าของดาร์กเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาใช้ ‘ศาสตร์แห่งจิตตั้งมั่น’ ทันทีเพื่อทำให้สมองว่างเปล่า และในที่สุดก็สามารถหยุดการเติบโตอย่างต่อเนื่องของราคะได้ทันเวลา!

ยังดีที่แคลร์ไม่ได้ทำให้เขากลายเป็นแมว

แต่ถึงอย่างนั้น เธอยังคงปฏิบัติกับเขาต่างหมอนอยู่ดี

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง

เมื่อดาร์กทำจิตใจให้มั่นคงได้แล้ว เขาถึงปลด ‘ศาสตร์แห่งจิตตั้งมั่น’ ออก

ใบหน้าอันสง่างามของแคลร์อยู่ใกล้แค่เอื้อม และลมหายใจของเธอก็มีกลิ่นหอมเหมือนกับกล้วยไม้

ดาร์กกระเถิบตัวออกมาอย่างเงียบ ๆ พยายามจะลุกออกจากทางอีกด้านหนึ่งของเตียง

ทว่าตอนนั้นเอง ขนตาของแคลร์พลันสั่นไหวและเธอก็ลืมตาขึ้น

ดาร์กไม่เปลี่ยนสีหน้า “อรุณสวัสดิ์ครับ ป้าเคท”

แคลร์ลุกขึ้นจากเตียงและสางผมของเธอลวก ๆ “ป้าพักอยู่ในห้องเธอคืนหนึ่ง เธอคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม?”

ดาร์กยิ้ม “แน่นอนครับ ผมไม่รังเกียจหรอก แต่อาจารย์ใหญ่อาร์เต้ไม่ได้จัดห้องพักไว้ให้ป้าเหรอ?”

แคลร์ยิ้มและกล่าวว่า “น่าจะจัดเตรียมบางอย่างไว้แล้ว แต่ฉันมาเร็วกว่าที่เธอคาดไว้ และฉันก็ไม่อยากไปรบกวนเธอตอนกลางดึก ก็เลยมาที่หอพักของเธอดู”

ใบหน้าของดาร์กมืดมนลง “ก็เลยมารบกวนผมแทนเนี่ยนะ?”

แคลร์ตบเตียง “ปกติเราก็นอนกอดกันไม่ใช่เหรอ”

อากาศยามเช้ายังสดชื่นเช่นเคย

ดาร์กกับแคลร์เดินไปโรงอาหารพร้อมกัน

แคลร์สูดอากาศรอบตัว ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ของเก่ายังคงเหมือนเดิมเสมอเลย”

ดาร์กพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ไม่ใช่ว่านั่นคือสิ่งที่ทำให้มันมีค่าเหรอครับ?”

แคลร์ไม่ได้ปฏิเสธ

ดาร์กเอ่ยขึ้นมาว่า “ป้าเคท ป้าไม่อยากเล่าประสบการณ์การเดินทางในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เหรอครับ?”

แคลร์ส่ายนิ้วชี้ไปมา “อยากรู้เหรอ? ถ้าอย่างนั้น ฉันแนะนำให้เธอซื้อหนังสือบันทึกการเดินทางของแคลร์”

ดาร์กถามด้วยความประหลาดใจ “ป้าตีพิมพ์หนังสือเหรอ?”

แคลร์ตอบ “ฉันเป็นนักเขียนบทความของนิตยสารเอรูดิต”

ดาร์กเลิกถาม “ก็ได้ครับ ถ้ามีโอกาสผมจะลองไปดู”

แคลร์เป็นฝ่ายถามบ้าง “อย่าเพิ่งถามฉันเลย ชีวิตในสถาบันของเธอเป็นไปด้วยดีไหม? มีแฟนแล้วหรือยัง?”

ดาร์กกลอกตาทันที “มันต้องใช้พลังงานอย่างมาก ในการรักษาภาพลักษณ์ของนักเรียนตัวอย่างนะครับ”

จากนั้นทั้งสองก็เข้าไปในโรงอาหาร

แคลร์สั่งอาหารอย่างสบาย ๆ และทักทายเชฟลูกครึ่งที่มีอายุมากกว่าทีละคน

หลังจากนั่งลงได้ครู่เดียว ศาสตราจารย์ซิลเวอร์ก็ปรากฏตัวขึ้น

ดาร์กปล่อยให้แคลร์ไปหาศาสตราจารย์ซิลเวอร์

พวกเขาไม่ได้เริ่มคุยธุระกันในทันที แต่จิบชาหลังอาหาร ชวนกันนึกถึงสมัยเรียนของแคลร์

ตำแหน่งของศาสตราจารย์ซิลเวอร์ในสถาบันเซนต์แมเรียน เป็นรองจากอาจารย์ใหญ่อาร์เต้เท่านั้น

เธอได้เห็นการเติบโตของวีรบุรุษมานับไม่ถ้วน

และยังได้เห็นการล่มสลายของวีรบุรุษนับไม่ถ้วนด้วย

เวลานั้นช่างเย็นชาและโหดร้าย

สิ่งเดียวที่สามารถอยู่เหนือเวลาได้คือความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน

ศาสตราจารย์ซิลเวอร์มีความสุขมากกับการกลับมายังสถาบันของแคลร์