ทรัพยากรไร้จำกัด!

 

“บัดซบ! เจ้าเด็กนี่นั้นมุดหัวอยู่ในหอมหาสมบัติจริงๆ! มันไปเอาผลึกปราณเทวะมาจากไหนตั้งมากมาย?”

 

“ข้าเคยตรวจสอบเรื่องนี้ไปก่อนหน้าแล้ว คุณหนูใหญ่ใช้ให้หลานฉิงนำผลึกปราณเทวะไปมอบแก่เด็กคนนั้น”

 

“เรื่องนี้ข้าทราบ! แต่คุณหญิงคุมเข้มตลอด คุณหนูใหญ่ จะไปมีผลึกปราณเทวะอยู่กับตัวมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร จริงหรือไม่?”

 

“อืม อย่างมากก็ราวๆร้อยก้อนเห็นจะได้ ห้องบ่มเพาะระดับเหลืองใช้สิบก้อนต่อวัน คงอยู่ได้อีกไม่เกินสองสามวัน หอมหาสมบัติแห่งนี้พวกเรามิอาจยั่วยุลงมือใดๆได้ คงต้องจับตาดูกันต่อไป”

 

“คุณหนูใหญ่พยายามวางตัวออกห่างจากผู้คนมากที่สุดแล้วแท้ๆในช่วงหลายปีมานี้ แต่คุณนายกลับไม่วางมือ แถมยังพยายามหาโอกาสรังแกนางอีก พอทราบว่านางแอบส่งผลึกปราณเทวะให้เจ้าเด็กนี่ ในที่สุดคุณนายก็ได้โอกาส”

 

“ถูกต้องเลย! เรื่องรังแกกันภายในตระกูลเหลียง แม้แต่ท่านประมุขตระกูลยังไม่อยากจะกล่าวนัก แต่ข้ารู้สึกสงสารคุณหนูใหณ่มากจริงๆ ในช่วงหลายปีมานี้ นางถูกสองแม่ลูกคู่นั้นรังแกโดยตลอด ไม่รู้จิตใจของทั้งสองนางนั้นทำด้วยอะไร”

 

“เฮ้ออ… ตอนนี้นางถูกโยนลงคุกใต้ดินแล้ว สองแม่ลูกคู่นั้นไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆแน่นอน”

สองคู่หู่จางชุนยืนเฝ้าจับตาดูอยู่หน้าหอมหาสมบัติเป็นเวลากว่าสิบวันแล้ว ยามนี้พวกเขาเต็มไปด้วยความกังวลวิตกยิ่ง

อย่างไรก็แล้วแต่ หอมหาสมบัตินี้กลับมิใช่สถานที่ที่ตระกูลเหลียงจะไปกระตุ้นได้เลย พวกเขาทำได้เพียงจับตาดูต่อไปและรอจนกว่าเย่หยวนจะออกมา

แต่ยิ่งทั้งสองรอนานเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น

ไฉนพวกเขาต้องเสียเวลาให้กับไอ้หนุ่มพิการมากมายเยี่ยงนี้?

 

แต่เท่าที่จับใจความจากบทสนทนาของทั้งสองได้ เหลียงหวางหรูยามนี้ถูกหวังเพียนหลานจับโยนเข้าคุกใต้ดินเป็นที่เรียบร้อย ในข้อหาลักลอบส่งผลึกปราณเทวะให้เย่หยวน

ด้วยเหตุนี้ หวังเพียนหลานจึงได้โอกาสใส่ความเหลียงหวางหรูทันที และนางไม่ยอมปล่อยไปโดยง่ายแน่นอน

บางทีนางอาจใส่ความจนเหลียงหวางหรูถูกประหารชีวิต

 

ณ ขณะนี้ ภายในโลกแห่งศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ อีกสิบวันได้ผ่านพ้นไป เย่หยวนออกจากการเก็บตัวอีกครั้ง

เมื่อหงหยิงเห็นโอสถปราณเทวะขั้นกลางสองเม็ดเป็นทรงสมบูรณ์สวยบนอุ้งมือเย่หยวน นางพลันตะลึงยิ่งจนปิดปากไม่อยู่

นางทราบดี ด้วยจำนวนผลึกปราณเทวะที่เหลืออยู่ในตัวเย่หยวน มันเพียงพอสำหรับเปิดใช้ค่ายกลปราณเทวะชั้นต้นได้แค่สองครั้งพอดี

ซึ่งนี่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า อัตราความสำเร็จในการหลอมกลั่นของเย่หยวนเท่ากับสิบเต็มสิบส่วน!

สิ่งหนึ่งที่ควรทราบ เย่หยวนซื้อวัตถุดิบสมุนไพรไปทั้งหมดสิบชุด แค่ยังไม่ทันไรกลับได้โอสถปราณเทวะขั้นกลางมาแล้วสองเม็ด

ความเร็วในการหลอมกลั่นระดับนี้ มันไม่น่ากลัวเกินไปหน่อยรึ?

 

แน่นอน หากนางทราบว่าก่อนที่เขาจะเข้าห้องบ่มเพาะ เย่หยวนยังเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เลย หงหยิงจะไม่ยิ่งตะลึงกว่านี้?

หงหยิงนางนี้มากประสบการณ์โชกโชนคล้ายทหารผ่านศึกเจนจัด ซึ่งนางก็ทราบดีว่า การหลอมกลั่นโอสถด้วยค่ายกลมันยากเย็นแสนเข็ญเพียงใด

เพราะไม่มีใครในเมืองกุยฉางที่สามารถหลอมกลั่นโอสถด้วยค่ายกลได้เลย!

 

ผู้จัดการซูหาใช่เพียงผู้จัดการของหอมหาสมบัติสาขาเมืองกุยฉางเท่านั้น แต่เขายังเป็นถึงจอมเทพโอสถหนึ่งดาวขั้นสุด!

ทว่าแม้กระทั่งเขาก็ยังไม่สามารถหลอมกลั่นโอสถโดยใช้ค่ายกลได้เช่นกัน

แต่เย่หยวนที่ไร้ซึ่งพลังปราณเทวะ ไม่เพียงหยิบใช้ค่ายกลเพื่อหลอมกลั่นโอสถได้ อัตราความสำเร็จในการหลอมกลั่นยังสูงลิบลิ่ว เพราะเหตุนี้จะมิให้หงหยิงประหลาดใจได้อย่างไร?

 

“นายท่าน แท้ที่จริงกลับเป็นถึงนักหลอมโอสถอัจฉริยะขนานแท้ท่านหนึ่ง ความเร็วในการหลอมกลั่นช่างว่องไวเกินพรรณนา! เพิ่งผ่านไปวันเดียวก็สามารถสรรสร้างโอสถปราณเทวะที่มีคุณภาพสูงขนาดนี้ได้ โอสถทั้งสองเม็ดนี้ยังดีกว่าโอสถครั้งก่อนหน้ามากนัก! อีกไม่นาน นายท่านคงหลอมกลั่นได้เป็นโอสถปราณเทวะขั้นสูงแล้วกระมัง?”

หงหยิงอุทานขึ้น

 

เย่หยวนกล่าวตอบพร้อมรอยยิ้มบางประดับใบหน้าว่า

“แม่นางใจดีเกินไปแล้ว เพียงโชคช่วยเท่านั้น”

หาใช่ว่าเย่หยวนแสร้งทำเป็นเจียมเนื้อเจียมตัว แต่เขาโชคดีจริงๆ

เนื่องจากมีโอกาสแค่สองครั้ง เย่หยวนจึงกินสมุนไพรนำร้องไปก่อนสองชุดเพื่อสร้างความคุ้นเคยให้มากกว่านี้

เขาเริ่มลงมือหลอมกลั่นโอสถจริงๆก็ปาเข้าไปวันสุดท้ายพอดิบพอดี

ด้วยความแข็งแกร่งของเย่หยวนในปัจจุบัน ตัวเขามีความมั่นใจอยู่ประมาณสามจากสิบส่วนเท่านั้น

หาอื่นใด เขาก็ไม่คิดไม่ฝันเช่นกันว่า ผลที่ออกมาจะประสบความสำเร็จถึงสองครั้งติด

 

คู่ดวงเนตรงามปรับสายตาจับจ้องไปที่เย่หยวน ก่อนเอ่ยถามขึ้นพร้อมรอยยิ้มหวาน

“นายท่าน โปรดเรียกข้าว่า หงหยิง ไม่ทราบชื่อเสียงเรียงนามของท่านคือ?”

 

เย่หยวนกล่าวตอบว่า

“แม่นางหงหยิง ข้านามว่าเย่หยวน”

 

“นายท่านเย่เป็นคนที่มีความสามารถอย่างแท้จริง ก่อนหน้านี้หงหยิงโง่งมรู้เท่าไม่ถึงการณ์”

พลันนึกถึงตัวนางที่มีความคิดดูถูกก่อนหน้า หงหยิงยามนี้ได้แต่กล่าวตำหนิตนเองในใจ

 

เย่หยวนนิ้มและกล่าวว่า

“เย่คนนี้เพิ่งเดินทางเข้าเมืองได้ไม่นาน และขออาศัยอยู่กับตระกูลเหลียงชั่วคราว”

เย่หยวนหาได้มีเจตนาปิดบังไม่ เขาชื่ออย่างยิ่งว่า ด้วยพลังอำนาจของหอมหาสมบัติ หากพวกเขาต้องการลงมือตรวจสอบซักประวัติจริงๆ ย่อมทำได้โดยง่าย

 

หยิงหยิงยิ่งรู้สึกประหลาดใจเข้าไปใหญ่เมื่อได้ยินแบบนั้น ตระกูลเหลียงเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของเมืองกุยฉางแห่งนี้ และยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ที่เด็กหนุ่มคนนี้จะหยิบผลึกปราณเทวะออกมาได้

จะกล่าวว่า หากเย่หยวนต้องการวางท่าจึงกล่าวเช่นนี้ออกมาก็ดูจะแปลกไปหน่อย หากความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลเหลียงเป็นไปได้ด้วยดี แล้วไฉนถึงต้องออกมาเช่าห้องบ่มเพาะอยู่ข้างนอก?

 

แต่หงหยิงเองก็เป็นพนักงานสาวเจนจัดมากประสบการณ์ รู้สึกอย่างไรหาใช่แสดงออกมาบนใบหน้า นางเพียคลี่ยิ้มหวานตอบว่า

“เป็นเช่นนี้นี่เอง นายท่านเย่ต้องการนำโอสถปราณเทวะสองเม็ดนี้แลกเปลี่ยนเป็นผลึกปราณเทวะกับสมุนไพรวิญญาณเหมือนเดิมใช่หรือไม่?”

 

เย่หยวนกล่าวตอบพร้อมผสานมือว่า

“ส่วนห้องบ่มเพาะขอเช่าแค่วันเดียว ต้องรบกวนแม่นางหงหยิงแล้ว”

โอสถปราณเทวะขั้นกลางทั้งสองเม็ดนี้ หงหยิงรับซื้อในราคายี่สิบแปดก้อนต่อเม็ด ดังนั้นแล้วผลึกปราณเทวะที่ได้จึงเท่ากับห้าสิบแปดก้อน กล่าวได้ว่าสถานการณ์ทางการเงินของเย่หยวนเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ

เขาตัดสินใจเช่าห้องบ่มเพาะแค่วันเดียว ส่วนที่เหลือก็นำไปแลกเป็นสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และผลึกปราณเทวะอีกจำนวนหนึ่งติดตัว

 

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ความเข้าใจของเย่หยวนต่อค่ายกลปราณเทวะชั้นต้นก็ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่คุณภาพของโอสถปราณเทวะที่หลอมกลั่นออกมาก็สูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน

ในวันที่เจ็ด ในที่สุดความสำเร็จของเย่หยวนก็เปรียบดั่งกระโดดข้ามเข้าสู่ประตูมังกร

เขาหลอมกลั่นจนได้โอสถปราณเทวะขั้นสูง!

แต่เย่หยวนหาได้เก็บมันไว้ใช้เอง แต่เลือกที่จะขายออกไป แลกผลึกปราณเทวะจำนวนแปดสิบก้อนเข้ากระเป๋าโดยไม่ลังเล

เพราะสิ่งที่เย่หยวนต้องการที่สุดในตอนนี้คือ ผลึกปราณเทวะ!

ราคาต้นทุนต่อเม็ดอยู่ที่สิบก้อน หากหลอมกลั่นได้เป็นโอสถปราณเทวะขั้นสูง และนำไปขายจะมีมูลค่าสูงถึงแปดสิบก้อน ผลกำไรมหาศาลเช่นนี้ คือสิ่งที่เย่หยวนต้องการจะเห็นมากที่สุด

 

แน่นอน ทันทีที่หงหยิงเห็นว่าเป็นโอสถปราณเทวะขั้นสูง นางถึงขั้นอ้าปากค้างเติ่งตะลึงเป็นคำรบสอง

แม้โอสถปราณเทวะจะเป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำที่สุด แต่พัฒนาการของเย่หยวนก็เร็วจนไม่สามารถอธิบายได้แล้ว!

ตั้งแต่ทำงานอยู่ในหอมหาสมบัติ หงหยิงไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนเลย จวบจนบัดนี้ยิ่งนึกถึงเท่าไหร่ นางก็ยังตื่นตะลึงไม่หาย

 

หลังจากนั้นเป็นต้นมา สถานการณ์ทางการเงินของเย่หยวนก็ดีขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงความเป็นอยู่ที่หาได้กันดานอย่างก่อนหน้า เขามีโอกาสหลอมกลั่นโอสถได้เยอะขึ้น และนั้นส่งผลให้ความเข้าใจของเขาต่อสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และค่ายกลปราณเทวะชั้นต้นลึกซึ้งหยั่งลึกลงไปได้ไกลขึ้น

อัตราความสำเร็จแทบจะเสถียรนิ่งสมบูรณ์แบบ ในขณะที่คุณภาพโอสถที่ได้ก็ยิ่งสูงขึ้นเป็นทวีทบ!

 

ระหว่างนั้นเอง หงหยิงได้ตัดสินใจให้ความช่วยเหลือโดยพละการทันที!

 

วันหนึ่งที่เย่หยวนออกจากห้องบ่มเพาะ เพื่อมาส่งมอบโอสถนำไปแลกตามปกติ นางทุ่มทั้งผลึกปราณเทวะและสมุนไพรอีกชุดใหญ่เป็นมูลค่ามหาศาลให้แก่เย่หยวนโดยตรง ตราบใดที่เย่หยวนยังคงประจำการอยู่หลอมกลั่นที่นี่ต่อไป หอมหาสมบัติก็จะมีโอสถปราณเทวะคุณภาพดีไว้จำหน่ายอย่างไร้จำกัด

 

ในวันที่สิบ โอสถปราณเทวะที่เย่หยวนหลอมกลั่น โดยส่วนใหญ่จะคงความเสถียรอยู่ที่ขั้นสูงเกือบทั้งหมด มีส่วนน้อยที่เป็นขั้นกลาง

ในวันที่สิบแปด หรือวันที่สองร้อยแปดสิบภายในโลกแห่งศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ!

รัศมีค่ายกลสว่างค่อยๆจางหายไป ผลึกปราณเทวะทั้งแปดก้อนกลายเป็นสีเทาหม่นปราศจจากพลังงานใดๆอีก

ทว่าแววไสวที่เปล่งประกายสะท้อนจากนัยน์ตาของเย่หยวน เผยให้เห็นความตื่นตกตื่นเต้นอย่างชัดเจน

 

“ฮ่าฮ่า! ในที่สุดก็ทำสำเร็จ!”

กดสายตาจับจ้องโอสถปราณเทวะขั้นยอดเยี่ยมเม็ดงามขลับเบื้องหน้า เย่หยวนรู้สึกตื้นตันยากจะอธิบายได้

โอสถศักดิ์สิทธิ์เป็นโอสถที่หลอมกลั่นยากเย็นแสนเข็ญโดยแท้ สองร้อยห้าสิบวันที่ผ่านมา เขาพินิจทบทวนกลั่นกรองความรู้ความเข้าใจ และหลอมกลั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง!

 

จนมาวันนี้ ในที่สุดเย่หยวนก็ได้โอสถปราณเทวะขั้นยอดเยี่ยมเป็นครั้งแรก!

 

“เหอะ ก็แค่ขั้นยอดเยี่ยม จำต้องมีความสุขขนาดนั้นเชียว? โอสถปราณเทวะขั้นยอดเยี่ยม นี่เพิ่งจะเริ่มต้นจริงๆเท่านั้น!”

หวูเฉินดับความสุขของเย่หยวนลงโดยตรงอย่างหาปราณีไม่

แต่ที่หวูเฉินกล่าวออกไปแบบนั้น เพราะเขาเชื่อมั่นในพรสวรรค์อันไร้ขัดจำกัดของเย่หยวนแล้ว จากที่เฝ้าดูอยู่ตลอดเวลา หวูเฉินสามารถกล่าวได้ทันทีว่า ความสำเร็จของเด็กคนนี้ยังไปได้อีกไกลโข

สิ่งหนึ่งที่เขารู้สึกได้เลยว่า เย่หยวนคนนี้เกิดมาเพื่อหลอมกลั่นโอสถ!

 

เย่หยวนใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งปีก็สามารถยืนอยู่สูงถึงจุดนี้ได้ ในขณะที่คนอื่นๆต้องใช้เวลาอย่างต่ำกว่าร้อยปี!

ความเร็วในการพัฒนาเช่นนี้ มาตรได้ว่าน่ากลัวเกินบรรยาย!

 

แต่เย่หยวนที่ได้ฟังแบบนั้นหาได้ท้อแท้แม้สักนิด ถึงอย่างไร เขากลับตอบพร้อมสีหน้าการแสดงออกที่แสนตื่นเต้นยิ่งว่า

“ท่านอาวุโสไม่รู้อะไร ปณิธานชั่วชีวิตนี้ของข้าคือการหลอมกลั่นโอสถศักดิ์สิทธิ์อย่างไร้ขีดจำกัด! ตอนนี้ข้าเพิ่งหลอมกลั่นได้เป็นโอสถศักดิ์สิทธิ์ขั้นยอดเยี่ยมย่อมต้องดีใจเป็นธรรมชาติ แต่ยิ่งได้ยินท่านกล่าวว่า มันยังแค่เริ่มต้น กลับทำให้ข้ายิ่งตื่นเต้นจนอดใจไม่ไหวแล้ว!”

ความคาดหวังของหวูเฉินที่มีต่อเย่หยวนหาใช่ขั้นยอดเยี่ยม แต่เป็น…ขั้นเทวะ!