“ถ้าเป็นแบบนี้พอนับๆดูแล้วยังขาดอีกคน ไม่รู้ว่าน้องหญิงมีตัวเลือกหรือไม่?” หนานกงเวิ่นเทียนนับแล้วพูด

“จวินหาว” หลิวหลีพูดชื่อออกมา

“เขา จะทำได้หรือ?” หนานกงเวิ่นเทียนแสดงความสงสัย

“แน่นอนอยู่แล้ว เป็นถึงผู้สืบทอดตำแหน่งเทพมาร จะอ่อนฝีมือได้อย่างไร อีกอย่างเขาก็ใกล้มาแล้ว” หลิวหลีพูด

ในสำนัก ณ สถานที่ที่จวินหาวเข้าฌาน เกิดนิมิตขึ้นบนฟ้า หมิงเยว่ตื่นเต้นเล็กน้อย หลานชายของเขาจะบรรลุเป็นราชาเทพแล้ว ใกล้ตำแหน่งนั้นมากขึ้นอีก ถ้าเป็นเช่นนี้เท่ากับว่าหลานชายของเขาไม่ทำให้เขาต้องผิดหวัง

จวินหาวรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกายตน ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่กดดันจากการที่พวกหลิวหลีจากไปก่อน โดยเฉพาะเมื่อเอ๋าเลี่ยที่มาทีหลังบรรลุไปก่อนแล้ว ก็ยิ่งกดกันมากขึ้น ดีที่เขาไม่สติแตกไปก่อน เมื่อค่อยๆฝึกบำเพ็ญเพียรไปทีละก้าว ในที่สุดเขาก็มาถึงขั้นนี้ ราชาเทพ ฮ่าๆ ในที่สุดเขาก็บรรลุแล้ว รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกายตนเอง ทันใดนั้นเองก็มีแรงดูด เขารู้สึกได้ว่าอีกฟากหนึ่งมีบางอย่างดูดเขา

“ราชาเทพคนใหม่ ข้าขอดูหน่อยสิ เอ๊ะ น่าสนใจ มากันครบได้เร็วเช่นนี้เชียว” ป๋อเหยียนมองจวินหาวอย่างสนใจ

“ผู้อาวุโส มิทราบว่าที่นี่คือที่ใด” จวินหาวมองพลังบำเพ็ญเพียรของชายชราไม่ออกจึงถามอย่างมีมารยาท

“ ที่นี่คือภูเขาเทวา พอบรรลุเป็นราชาเทพก็จะถูกดูดเข้ามาในภูเขาเทวา มาๆ ข้าขอดูหน่อยว่าเจ้าได้บรรดาศักดิ์ใด” ป๋อเหยียนมองจวินหาวอย่างสนใจ

“มารที่แท้จริง อืม ก็จริง คนเหล่านี้ที่นี่ล้วนได้ยศที่เห็นกันอยู่บ่อยๆพวกนี้ แต่ไม่มีผู้สืบทอดตำแหน่งเทพมาร เจ้านี่เลือกเก่งจริงๆ” ป๋อเหยียนรู้สึกว่านี่เป็นความโชคดี หากไม่มีเรื่องผิดพลาด เจ้าหนุ่มนี่จะไม่ก่อเรื่องเลวร้าย ตำแหน่งเทพมารคงไม่มีปัญหา

“เจ้าหนุ่ม นี่คือบรรดาศักดิ์ของเจ้า นี่ นั่นคือที่พักของเจ้า” ป๋อเหยียนชี้เสร็จก็หายตัวไป

“ใช่สิ ลืมบอกไปว่า หากมีโอกาสก็ไปเจอประมุขเทพอัคคีที่แท้จริงกับประมุขเทพเหมันต์บริสุทธิ์ของที่นี่เสียหน่อย มีประโยชน์กับเจ้า” ป๋อเหยียนโบกมือแล้วหายตัวไป

“ประมุขเทพอัคคีที่แท้จริงกับประมุขเทพเหมันต์บริสุทธิ์หรือ? ขอบคุณผู้อาวุโส” จวินหาวเข้าใจทันที เพียงแต่เหตุใดผู้อาวุโสท่านนี้ถึงได้ดีกับเขานัก หรือเป็นแบบนี้กับราชาเทพหน้าใหม่ทุกคน

จวินหาวทำความเข้าใจสถานการณ์ของที่นี่ แล้วก็รู้ทันทีว่าประมุขเทพอัคคีที่แท้จริงกับประมุขเทพเหมันต์บริสุทธิ์คือใคร แต่ทำไมผู้อาวุโสท่านนี้ต้องให้ตนไปหาผู้อาวุโสท่านนั้นด้วย เขาไม่ค่อยเข้าใจนัก

“จวินหาว” หนานกงเวิ่นเทียนเห็นการมาถึงของเขา ก็ตกใจเล็กน้อย ก่อนที่หลิวหลีจะเข้าฌานปรุงยา พวกเขายังคุยกันอยู่ว่าคนผู้นั้นที่จะมาคือใคร แต่คนที่พูดถึงก็มา แล้วจะไม่ให้เขาตกใจได้อย่างไร

“คิดไม่ถึงว่าจะเป็นศิษย์น้องหนานกง ไม่สิ ตอนนี้ข้าต้องเรียกเจ้าว่าประมุขเทพ” จวินหาวละอาย สามีภรรยาคู่นี้โดดเด่นเป็นพิเศษตั้งแต่เข้ามาที่สำนัก ตอนนี้ก็ยังคงโดดเด่นอยู่ เขาบรรลุเป็นราชาเทพอย่างยากลำบาก แต่อีกฝ่ายก็กลายเป็นประมุขเทพแล้ว ทำให้เขารู้สึกเสียใจจนอยากกลับไปเข้าฌานเงียบๆ

“ไม่เป็นไร เรียกเวิ่นเทียนก็ได้ ยินดีกับท่านด้วย หากสหายจวินหาวไม่รังเกียจก็เชิญมาเข้าฌานในสวนเล็กๆของข้าได้ อย่างไรเสียคนที่ข้ารู้จักสนิทสนมที่นี่ก็มีไม่มากนัก” หนานกงเวิ่นเทียนถามอย่างจริงใจ

“คือว่า” ทำไมเพิ่งจะเจอกันก็พูดแบบนี้ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ

“สหายจวินหาว อย่าถือสา ข้ามีเรื่องส่วนตัวจำเป็นต้องให้สหายจวินหาวช่วย แต่สถานที่ที่เจ้าอาศัยอยู่ค่อนข้างไกล ที่นี่สะดวกสบาย พวกเราสามารถแลกเปลี่ยนความรู้กันได้พอดี” หนานกงเวิ่นเทียนพูดอย่างจริงใจอย่างที่สุด

“มีเรื่องอะไรที่ต้องให้ข้าช่วย ท่านบอกได้เลย แต่จะให้เข้าฌานที่นี่คงไม่จำเป็นกระมัง” จวินหาวรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้สนิทกันถึงขั้นนั้น อีกทั้งคาดว่าประมุขเทพเหมันต์บริสุทธิ์ที่เย็นชา สูงส่งเกินเอื้อมอยู่เสมอ กลับต้อนรับขับสู้เขาอย่างกระทันหันเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกไม่คุ้นเคยมากทีเดียว

“คือว่า ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ สหายจวินหาว ท่านอยู่ที่นี่เถอะ วางใจเถอะ เรื่องนี้จะส่งผลดีต่อท่าน’ หนานกงเวิ่นเทียนพูด เฮ้อ ความสามารถในการรั้งคนของเขาไม่ดีเท่าฮูหยินของเขาช่างกระอักกระอ่วนจริงๆ

“งั้นก็ได้” สุดท้ายเมื่อจวินหาวครุ่นคิดแล้ว ก็ยินยอม

หลังจากที่หนานกงเวิ่นเทียนจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็ขาดไปเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น

หลิวหลีหยิบของที่ต้องการออกมา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮ้อ สถานการณ์หน้าสิ่งหน้าขวานทำให้นางรู้สึกไม่ปลอกภัย เพียงแต่นางสัมผัสได้ว่ายังไม่ถึงเวลา พวกเขาตื่นตูมกันไปเองหรือเปล่านะ

“น้องหญิง ความเร็วในการปรุงยาของเจ้าเพิ่มขึ้นอีกแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนตกใจเมื่อพบว่าหลิวหลีออกจากฌานแล้ว

“เปล่าหรอก ข้าไม่ได้ปรุงยา ข้ารู้สึกว่าเราตื่นตูมกันไปหน่อย เลยเครียดเกินไป ท่านพี่พวกเราวุ่นวายกันไปหมดแล้ว” หลิวหลีพูด

หนานกงเวิ่นเทียนไม่ได้พูดอะไร พอมองดูแล้วก็เป็นแบบนี้จริงๆ ตนทำเสียแผนหมดแล้ว แย่จริงๆ

“ใช่ เรื่องที่จัดการเรียบร้อยแล้วต้องมาวุ่นวายเพราะความตื่นตูมของตนเอง” หนานกงเวิ่นเทียนถอนหายใจ การตื่นตูมช่างน่ากลัวเหลือเกิน

ขณะนี้ลูกแก้วสีรุ้งในร่างกายของหลิวหลีกับเมล็ดพันธุ์สีเหมันต์ในร่างกายของหนานกงเวิ่นเทียนปลดปล่อยลมปราณที่สดชื่นออกมาพร้อมกัน พวกเขารู้สึกสบายขึ้นไม่น้อย ตื่นตูมไปเอง เฮ้อ เกือบทำทุกอย่างพังจนเกินแก้เสียแล้ว

“สิ่งนี้น่าจะเป็นวิบากเคราะห์ของเรา ผ่านมันไปให้ได้ก็พอ ข้าเชื่อว่าพวกเราจะต้องไม่แพ้” หลิวหลีพูดอย่างมุ่งมั่น

“แน่นอน มาเข้าใจตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์ น้องหญิง ข้าเชิญจวินหาวมาเข้าฌานที่นี่แล้ว ช่างเถอะ หากพลังบำเพ็ญเพียรของเขาเพิ่มขึ้นก็เป็นเรื่องดีสำหรับพวกเรา” หนานกงเวิ่นเทียนพูด

“ย่อมได้ ท่านพี่ พวกเราเองก็เข้าฌานกันสักหน่อย จิตใจสับสนแล้วไม่เป็นผลดีต่อการฝึกบำเพ็ญเพียร” หลิวหลีกล่าว

อวิ๋นชิงรู้สึกว่าพลังของตนเพิ่มมากขึ้น เพียงแต่เหตุใดถึงได้เงียบขนาดนี้ ฝาแฝดจอมโวยวายคู่นั้นเข้าฌานไปแล้ว สามีภรรยาคู่นั้นก็เข้าฌานเช่นกัน เป็นเพราะซาบซึ้งในความขยันขันแข็งของตนเองหรือ ถึงได้เข้าฌานไปตามๆกัน อวิ๋นชิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลังปราณพฤกษาหมอนัก ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายเหลือเกิน

กลับมาที่พื้นที่ของตน สีหน้าอวิ๋นชิงก็แข็งกระด้าง นังหนูช่างไร้ซึ่งความเกรงใจจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะทำจริง ส่วนคู่สองพี่น้องในนั้นเขาก็ไม่รู้จัก

“ประมุขเทพ ท่านกลับมาแล้ว ช่วงนี้ไม่มีคนมา มีเพียงประมุขเทพอัคคีที่แท้จริงที่พาคนมายืมที่พักและเข้าฌาน ข้าน้อยจึงไม่ได้ห้ามพวกเขาตามคำสั่งที่ท่านสั่งไว้” ไม่เพียงแต่ไม่ห้าม แต่ยังรับรองอย่างดี

“เข้าใจแล้ว” สวรรค์ก็รู้ว่าเขาแค่พูดไปตามมารยาท ใครจะรู้ว่านางหนูจะทำจริง แต่ใครจะรู้ว่านางจงใจหรือไม่

“อ้าว เจ้าลูกชาย มีพัฒนาการขึ้นนี่” ไม่ได้เข้าฌานไปเปล่าประโยชน์นี่ หากครั้งนี้ให้เขากับจวี๋เจียประลองกัน เขามั่นใจได้ว่าลูกชายของเขาต้องชนะแน่ ได้ยินมาว่าอาการบาดเจ็บของจวี๋เจียยังไม่หายดี ส่วนลูกชายของเขากำลังพัฒนา เห็นได้ชัดว่านังหนูคนนั้นลำเอียงขนาดไหน แต่เพราะโอนเอียงมาทางลูกชายเขา ทำให้ไม่รู้สึกว่ามีอะไรไม่ดีเลยสักนิด คนเป็นพ่อ ใครจะไม่ชอบเห็นลูกตนเองเก่งขึ้น

“ใช่แล้ว ท่านพ่อ ตอนนี้ข้าเชื่อคำพูดของท่านแล้ว ความลำเอียงของนังหนูเปิดเผยตรงไปตรงมา ข้าได้ยินมาว่าอาการบาดเจ็บของจวี๋เจียยังไม่หายดี จนถึงตอนนี้ข้าถึงรู้สึกจริงๆว่าข้ากับนางก็สนิทสนมกันอยู่บ้าง” อวิ๋นชิงพูดพลางถอนหายใจ รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา นางทำให้คนรู้สึกพึงพอใจเกินไปแล้ว

“ตอนนี้ดูแล้ว หากเจ้าเข้าฌานอีกครั้งก็จะสามารถบรรลุขอบเขตจักรพรรดิเทพได้แล้ว ลูกชาย คลื่นลูกใหม่เช่นเจ้ามาแรงเกินกว่าข้าเสียแล้ว” อวิ๋นเหมี่ยวไม่รู้สึกอายที่ถูกลูกชายตามทันเลยสักนิด แต่กลับภาคภูมิใจมากทีเดียว

“เป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ว่า พลังปราณพฤกษาในสวนของนางไม่ไม่ประโยชน์กับข้าแล้ว” เฮ้อ ความหนาแน่นของมันไม่เหมาะกับพลังบำเพ็ญเพียรของเขาแล้ว

…………………………………………