บทที่ 76 การเปิดเผย Ink Stone_Fantasy

ลูเซียนวางก้อนกระดาษที่ถูกขยำลงบนโต๊ะและหยิบจดหมายออกจากกล่อง ตามที่เขาคาดคิด เพิ่งมีข้อความปรากฏขึ้นไม่กี่บรรทัด

“ดูเหมือนว่าท่านจะได้รับของขวัญของเราแล้ว นิ้วทั้งสามนี้เป็นแค่คำเตือน อย่าทำอะไรโง่ๆ อีก ไม่อย่างนั้นเราคงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องฆ่าโจเอลกับครอบครัวทิ้ง เรามีอำนาจมากกว่าที่ท่านคิด ลูกแก้วนี้เรียกว่า ‘ลูกแก้วฉายภาพ’ ทำลายลูกแก้วนี้ แล้วท่านจะรู้เอง”

ลูเซียนรับรู้ถึงพลังแม่เหล็กจากลูกแก้วเล็กๆ ลูกนี้ มันน่าจะทำงานเหมือนกล้อง ดังนั้น ลูเซียนไม่ลังเลเลยที่ขยี้ลูกแก้วลูกนั้นด้วยมือ

ควันสีดำลอยออกมาจากลูกแก้วและควันก็ค่อยๆ รวมกันเป็นหน้าจอสีดำและสีขาว แสดงภาพเคลื่อนไหวสั้นๆ ให้ลูเซียนเห็น

ในภาพเคลื่อนไหว โจเอล อะลิซ่า และไอเวินนั่งอยู่รอบโต๊ะไม้ ไอเวินลืมตาไม่ขึ้น ดูท่าทางง่วงนอน ขณะที่โจเอลและอะลิซ่าดูเป็นกังวลมาก มือของพวกเขาถูกหุ้มด้วยผ้าพันแผล จากหน้าต่างของกระท่อมไม้ ลูเซียนสามารถบอกได้ว่าเป็นช่วงเวลาดึก ในท้องฟ้ามีดวงดาวสลัวๆ และดวงจันทร์สีเงินถูกปกคลุมด้วยเมฆ

ภาพทั้งหมดฉายในเวลาเพียงหนึ่งนาที

ในจดหมาย มีประโยคใหม่ปรากฏขึ้นออกมา “ท่านอีวานส์ ตอนนี้ท่านเห็นแล้วสินะว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ เมื่อสภาพอากาศเปลี่ยน เราจะส่งภาพมาให้ท่านดูเพิ่ม เราเชื่อว่าสภาพอากาศ ดวงดาว และดวงจันทร์สีเงินสามารถบอกวันเวลาที่แตกต่างกันให้ท่านทราบได้ เห็นหรือยังว่าเราให้ความสำคัญกับคำพูดของเราเสมอ”

“ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็สบายใจ” ลูเซียนเขียน “แล้วข้าจะพูดอย่างไร ถ้าจอห์นกลับมา?”

ตอนที่ลูเซียนถาม เขาก็กำลังจินตนาการภาพท้องฟ้าที่เขาเพิ่งเห็นจากลูกแก้วฉายภาพ สิ่งที่เขาพยายามทำคือการหาชื่อดาวบนแผนที่ดาราศาสตร์ที่แม่มดวาดไว้ในบันทึกของนาง ประกอบกับข้อมูลฤดูกาล ตำแหน่งการเรียงตัว และความสว่างของดาว รวมถึงมุมที่ลูเซียนสังเกตดวงดาวผ่านหน้าต่าง ลูเซียนมั่นใจว่าเขาสามารถหาข้อมูลที่มีค่าจากภาพเคลื่อนไหวหนึ่งนาทีนั้นได้ โหราศาสตร์เป็นความสามารถพิเศษของเขา จากการประชุมนักเวทฝึกหัดหลายครั้งที่ผ่านมาที่เขาเข้าร่วม ลูเซียนมีความเข้าใจเรื่องโหราศาสตร์ระดับฝึกหัดอย่างลึกซึ้ง และในฐานะนักศึกษาวิทยาลัยที่เคยศึกษาความรู้ทางโหราศาสตร์ซึ่งเมื่อเทียบกับแล้วก้าวหน้าไปไกลกว่าระบบโบราณมาก

จดหมายตอบว่า “แค่บอกเขาตรงๆ เราไม่สนใจแค่อัศวินฝึกหัดคนหนึ่งหรอก และเราพนันได้เลยว่าเขาก็ไม่กล้าแลกชีวิตของครอบครัวเขา และอีวานส์ เจ้าต้องระวังตัวมากๆ เมื่อไปที่พระราชวังลาเตเชียในวันพรุ่งนี้”

ทุกวันอังคารและวันพฤหัสบดี ลูเซียนมีตารางงานต้องไปที่พระราชวังราเตเชียเพื่อเข้าเฝ้าเจ้าหญิงและหารือเรื่องดนตรีกับนาง หากเจ้าหญิงมีปัญหาเรื่องใดเป็นพิเศษ นางจะเรียกให้ลูเซียนเข้าเฝ้าเมื่อใดก็ได้ และจะจ่ายค่าจ้างเพิ่มให้เป็นพิเศษ

ตัวอักษรในจดหมายค่อยๆ หายไปทีละตัว ในที่สุด กระดาษก็กลับสู่สภาพว่างเปล่าตามปกติ ลูเซียนพับกระดาษและห่อนิ้วสามนิ้วใส่กลับเข้าไปในกล่อง

ระหว่างทางไปที่สมาคมนักดนตรี ในหัวของลูเซียนคิดแต่เรื่องตำแหน่งดาว

‘ข้าขอไปเมื่อวานนี้ จากนั้น ลูกแก้วฉายภาพและนิ้วมือก็ถูกส่งมาวันนี้ ฉะนั้น อย่างแรกเลย ลุงโจเอลกับครอบครัวน่าจะอยู่ใกล้ๆ กับนครอัลโต หมู่บ้านหรือเมืองเล็กๆ หรือแม้แต่ป่า… ก็เป็นไปได้ทั้งหมด’

สมองของลูเซียนทำงานอย่างหนัก โดยการเปรียบเทียบแผนที่ดาราศาสตร์ในห้องสมุดห้วงจิตของเขา และจากการคำนวณพิกัดของดวงดาวต่างๆ ทำให้ลูเซียนระบุดาวสองสามดวงที่เขาเห็นจากภาพที่ฉาย เมื่อมองดูหารายชื่อดาวในห้องสมุดห้วงจิต ลูเซียนเล็งไปที่ดาวดวงหนึ่งและหาบันทึกข้อมูลเพิ่มเติมของดวงดาวนั้น

‘กระท่อมไม้น่าจะ… ทางตะวันตกของนครอัลโต้ห่างไปยี่สิบกิโลเมตร นั่นหมายความว่า…’ ลูเซียนมองสำรวจแผนของนครอัลโต้และปริมณฑลโดยรอบที่เก็บไว้ในห้องสมุดห้วงจิตของเขา ‘กระท่อมน่าอยู่ลึกเข้าไปในป่าดำเมลเซอร์!’

ลูเซียนวาดวงกลมบนแผนที่แล้วรู้สึกตื่นเต้นมาก แม้เขายังไม่สามารถระบุตำแหน่งที่ถูกต้องของจุดที่ลุงโจเอลกับครอบครัวถูกจับอยู่ได้ และก็ยังไม่แน่ใจว่าพวกนอกรีตมีพลังเพียงใด เขารู้ว่าโจเอล อะลิซ่า และไอเวินอยู่ไม่ไกลจากเขานั้นทำให้เขาสบายใจขึ้นมาบ้าง

ลูเซียนหวังว่าครั้งต่อไป เขาเห็นจะยังเป็นฉากในกระท่อมไม้ จากนั้น เขาจะสามารถจำกัดระยะให้แคบลงได้

เพื่อให้ตัวเองสงบลง ลูเซียนถอนหายใจอย่างเงียบๆ ‘ยากทุกขั้นตอน’ เขารู้ว่าในตอนนี้เขายังไม่พร้อมที่จะช่วยโจเอลกับครอบครัว

สตรีสองคนที่ปฏิบัติหน้าที่ห้องโถงของสมาคมนักดนตรีวันนี้ไม่คุ้นหน้าลูเซียน หนึ่งในนั้นยืนขึ้นและค้อมศีรษะลงเล็กน้อย “อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะท่านอีวานส์ ท่านแฮงก์มอบห้องทำงานส่วนตัวให้กับท่าน กรุณาไปที่ห้องทำงานของท่านแฮงค์ถ้ามีเวลาด้วยนะเจ้าค่ะ”

ลูเซียนกำลังมองหาห้องซ้อมดนตรีเงียบๆ พอดี และนี้ก็ยิ่งทำให้เข้าประหลาดใจยิ่งขึ้นกับการมีห้องทำงานส่วนตัว เป็นไปตามแผนเขาพอดี

ไม่นานหลังจากนั้น แฮงก์ก็เดินนำลูเซียนเข้าไปในห้องทำงานบนชั้นสาม

“อีวานส์ นี่ห้องทำงานของเจ้า จนกระทั่งเจ้าจะไปร่วมสมาคมดนตรีของประเทศอื่น จนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตของเจ้า ห้องทำงานนี้จะเป็นของเจ้า”

อาคารของสมาคมนักดนตรีมีความงดงามอย่างมาก ลานกว้างห้อมล้อมด้วยห้องต่างๆ เจ็ดสิบถึงแปดสิบห้องบนชั้นสาม แต่เกือบห้องครึ่งหนึ่งว่าง เนื่องจากนักดนตรีชื่อดังต่างๆ ของนครอัลโต้หลายคนได้รับเชิญไปยังประเทศอื่นๆ

ห้องทำงานส่วนตัวตกแต่งด้วยพรมสีน้ำตาล ประติมากรรมวิจิตร ภาพวาดและแสงไฟ เก้าอี้นาวสีน้ำเงินเข้มดูน่าสบาย ข้างๆ มีโต๊ะไม้สีแดงอย่างดีตั้งอยู่ เปียโนสีขาวข้นตั้งอยู่ที่มุมห้องทำงาน และก็มีห้องขนาดเล็กให้นักดนตรีพักผ่อนได้โดยไม่ถูกรบกวน

“เป็นห้องที่ยอดเยี่ยมจริงๆ” ลูเซียนยิ้มอย่างสุภาพ “ขอบคุณขอรับ ท่านแฮงก์”

“ด้วยความยินดี อีวานส์ เรียกข้าว่าแฮงค์เฉยๆ เถอะ” แฮงก์พยักหน้า

หลังจากแฮงก์ออกไป ลูเซียนก็ปิดประตูห้องทำงานและเดินกลับไปกลับมาในห้องด้วยความโกรธและความวิตกกังวลอย่างหนัก

เขาต้องควบคุมอารมณ์ตอนเห็นนิ้วที่ตัดออกมา ตอนนี้เขาได้อยู่คนเดียว ลูเซียนไม่สามารถทนได้อีกต่อไป

ทันใดนั้นลูเซียนก็นั่งอยู่หน้าเปียโนแล้วกดคีย์บอร์ดด้วยมือทั้งสองของเขา เป็นบทเพลงซิมโฟนีแห่งโชคชะตาที่ลูเซียนกำลังบรรเลงอยู่

เมื่อเสียงเปียโนดังขึ้นลูเซียนก็เริ่มสบถด้วยเสียงต่ำ

‘ไอ้เลว! ไอ้นรก! ไอ้โจรชั่ว!’

ไม่เพียงแต่เพื่อระบายโทสะเท่านั้นเท่านั้น ลูเซียนกำลังทดสอบว่าพวกลักพาตัวสามารถติดตามเขาเข้ามาได้แค่ไหน

เมื่อเขาบรรเลงจบเพลง ลูเซียนยืนขึ้นถอนหายใจยาว แม้ว่าพวกนอกรีตจะได้ยินคำสบถของเขาในตอนนี้ เขาก็ยังสามารถอธิบายได้ว่าเขากำลังเตรียมตัวสำหรับการเข้าเฝ้าเจ้าหญิงในวันพรุ่งนี้

อย่างไรก็ตาม เมื่อลูเซียนกลับมาที่บ้านของเขาในเขตอาเดรอน เขาพบเพียงประโยคสั้นๆ ในจดหมาย

“ดนตรีเป็นวิธีที่ดีในการระบายอารมณ์ ท่านอีวานส์”

แม้ว่าพวกโจรลักพาตัวต้องการเตือนลูเซียนว่าเขาถูกจับตามองตลอดเวลา แต่ข้อความนั้นก็ทำให้ลูเซียนรู้ข้อมูลอันมีค่าข้อหนึ่ง พวกโจรลักพาตัวไม่ได้ยินเสียง ดีมาก!

ณ เวลาสิบสี่นาฬิกา ลูเซียนมาถึงบ้านของวิกเตอร์ตรงเวลา

แม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไรกันก็ตาม สายตาที่พ่อบ้านอาธีมองลูเซียนเต็มไปด้วยตื้นตัน พ่อบ้านอาธีรับใช้วิกเตอร์เป็นเวลาหลายปี และเขาก็ยินดีอย่างยิ่งที่คอนเสิร์ตประสบความสำเร็จ

เรเน่ คอลิน และเดวิด ก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน พวกเขายืนขึ้นทักทาย “สวัสดี ท่านอีวานส์”

แม้ว่าความสำเร็จของลูเซียนยังไม่เป็นพูดถึงมากนักในหมู่ประชาชนทั่วไปในนครอัลโต้ แต่เรเน่ คอลิน และเดวิดเคยได้ยินของเขาเกี่ยวกับจากบทสนทนาของเฟลิเซียและแอนนี่ ทันใดนั้นพวกเขารู้สึกว่าลูเซียนเป็นคนแปลกหน้าในสายตาพวกเขาและปฏิบัติต่อลูเซียนเหมือนที่พวกเขาปฏิบัติต่ออาจารย์วิกเตอร์โดยไม่รู้ตัว

“ข้ายังไม่อยากเชื่อเลยว่านี่เรื่องจริง” ล็อตต์ยืนขึ้นจากที่เก้าอี้ยาวและกอดลูเซียนพร้อมรอยยิ้ม

เฟลิเซียก็เดินเข้าไปใกล้ลูเซียนและกระซิบข้างหูของเขา “บ่ายวันพรุ่งนี้ ข้าน่าจะหากุหลาบให้เจ้าได้”

“ขอบใจนะ ขอบใจจริงๆ เฟลิเซีย” ลูเซียนกล่าวอย่างจริงใจ

“สองคนนี้ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไร?” ล็อตต์สงสัย

……………………………………….