ภายในตลาดมืด
ฉานนู่เปลี่ยนเป็นดาวยาว ผลุบหายเข้าไปในความว่างเปล่าเบื้องหลังกู่ฉิงซาน
ส่วนกู่ฉิงซาน เขายังคงเลือกที่จะเปลี่ยนร่างเป็นวังเฉิง เร่งก้าวไปตามท้องถนน
ไม่ว่าจะเป็น ร้านขายอาวุธ ตึกประเมินค่าสมบัติ ห้องประมูล บาร์ ห้องอาหาร สนามกีฬา ร้านขายเสื้อเกราะ ศูนย์ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยี ตลาดทาส โต๊ะรับสมัครงาน สำนักงานอสังหาโลกทะเลทราย ลานประกาศกิจกรรม ศูนย์รักษาความปลอดภัยตลาดมืด สมาคมนักล่าเงินรางวัล กิลด์โจร ร้านขายสกิล หรือทุกประเภทขององค์กรและกลุ่มแรงงาน กู่ฉิงซานล้วนละซึ่งความสนใจจากมัน
ตามแผนเดิม อันที่จริงแล้วมีสถานที่หลายแห่งเหมือนกันที่กู่ฉิงซานจะต้องเข้าไป
อย่างเช่น ตึกประเมินค่าสมบัติ เขาต้องการที่จะระบุความสามารถและหน้าที่ของกิ่งไม้สีดำ ว่ามันปลอดภัยหรือเปล่า ควรที่จะพกติดตัวไว้หรือไม่?
ส่วนร้านขายอาวุธ บาร์ ร้านขายสกิล ฯลฯ อีกมากมายล้วนควรค่าแก่การเข้าเยี่ยมชม
กู่ฉิงซานเดิมกระทั่งตั้งใจว่าจะไปกิลด์โจรดู ว่าพอจะสามารถหาหนทางเปิดกระเป๋าของชายชุดคลุมดำได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้ กู่ฉิงซานต้องตัดใจทิ้งทุกอย่าง และขออย่างเดียวคือ สามารถหลบหนีไปจากโลกใบนี้ให้เร็วขึ้นแม้เพียงน้อย
เพราะเงามืดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนได้เข้าปกคลุมหัวใจของเขาโดยสมบูรณ์
กู่ฉิงซานเร่งฝีเท้า ปากอ้าหอบหายใจถี่เล็กน้อย
อาการหอบนี้มิได้เกิดจากความเหนื่อยล้า แต่เป็นเพราะร่างกายของเขาเกิดความตึงเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาหันไปมองรอบๆ อย่างรวดเร็ว
เห็นแค่เพียงในตลาดมืด ยามลาดตระเวนไปมา ผู้คนจากแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์เดินบนท้องถนนอย่างเป็นระเบียบ สภาพแวดล้อมโดยรอบช่างสุขสงบ
มีเพียงกู่ฉิงซานที่จมดิ่งอยู่ในห้วงวิตกกังวลบางอย่าง
ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน เขาค้นพบว่าตนเองได้เข้าสู่สภาวะต่อสู้ เตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับสถานการณ์ถึงตายตลอดเวลา!
“นี่คงจะไม่พ้น หายนะโทษทัณฑ์…”
เขางึมงำเบาๆ
ใช่ โดยไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ หายนะโทษทัณฑ์ครั้งสุดท้ายที่ร้ายแรงที่สุดกำลังใกล้เข้ามาอย่างเงียบๆ
มันเป็นความรู้สึกที่ครุมเครือ ไม่ชัดเจน ราวกับว่าทางแยกแห่งความเป็นตายกำลังเฝ้ารอเขาอยู่ในระหว่างทางที่กำลังจะมุ่งไป
ให้ตายเถอะ!
ไอ้ความรู้สึกบ้านี่ ทำไมมันถึงได้แย่แบบนี้นะ!
กู่ฉิงซานพาลคิดถึงทัณฑ์สายฟ้า เพราะเมื่อเทียบเปรียบกับความรู้สึกของหายนะโทษทัณฑ์ที่ต้องเผชิญแล้ว สำหรับเขา การข้ามผ่านทัณฑ์สายฟ้าแล้วยกระดับไปเลย มันดีกว่าเยอะ
เขาพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะข่มใจตัวเองให้เย็น และมุ่งหน้าต่อไป
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็มาจุดจุดสิ้นสุดของเส้นถนน
ศูนย์การบิน
สถานที่แห่งนี้คือสุดขอบของตลาดมืด เป็นท่าเรือที่มียานพาหนะขึ้นๆ ลงๆ อยู่ตลอดเวลา
หากต้องการออกไปจากโลกใบนี้ เขาจะต้องมาที่นี่!
กู่ฉิงซานรีบก้าวเข้าไปในศูนย์การบินอย่างรวดเร็ว
“สวัสดี กระผมพอจะช่วยอะไรคุณได้บ้าง?”
พนักงานคนหนึ่งหันมาเห็นกู่ฉิงซาน เจ้าตัวจึงก้าวเข้าหาเขาอย่างช้าๆ
“ฉันต้องการซื้อที่นั่งยานอวกาศ ที่กำลังจะออกไปจากที่นี่” กู่ฉิงซานกล่าว
“จุดหมายปลายทางของคุณอยู่ที่ไหน?” พนักงานถาม
กู่ฉิงซานกวาดสายตาอ่านป้ายแจ้งเตือนเวลา
“จักรวรรดิเก้าดารา” เขาตอบ
ที่กู่ฉิงซานเลือกเรือลำนี้ เพราะยานอวกาศลำอื่นๆ ก่อนหน้าล้วนขึ้นเป็นสีแดง ซึ่งสีแดงหมายถึงเต็ม
ขณะที่หากดูตามป้ายแจ้งเวลา ยานอวกาศที่มุ่งหน้าไปยังจักรวรรดิ 9 ดารา กำลังจะออกเดินทางในอีกสิบนาทีเท่านั้น
แม้ว่านี่จะเป็นยานอวกาศขนาดเล็ก แต่ก็ยังมีที่นั่ง และเวลาออกเดินทางก็กระชั้นชิดที่สุดตามความต้องการของเขา
นี่คือตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
เพราะกู่ฉิงซานไม่ปรารถนาจะอยู่ในโลกทะเลทรายให้นานกว่านี้อีกแม้สักวินาทีเดียว
พนักงานกล่าว “ขอกระผมดูตารางที่นั่งสำหรับเที่ยวบินนี้ก่อน…อา ยังพอเหลืออีกสี่ที่นั่งพอดี คุณต้องการจะจองมันเลยหรือไม่?”
“จัดไปเลย”
“คุณจะชำระเงินแบบไหน? ขอบอกก่อนนะ แม้ว่ามันจะเป็นยานอวกาศขนาดเล็ก แต่พวกเราก็ไม่รับเหรียญที่ต่ำกว่าเลขแปด”
“ฉันใช้เหรียญเลขสิบ”
เบื้องหน้าของตัวเหรียญ ถูกสลักไปด้วยมอนสเตอร์ที่เต็มไปด้วยหนามแหลม ตามแขนขายาวเหยียด อัดแน่นไปคมมีดผุดขึ้นมาคล้ายกับฟันเลื่อย ตรงด้านล่างเขียนว่า “ผู้หลบซ่อนในมิติ ชอบกัดกินสิ่งมีชีวิตเป็นมื้ออาหาร ตามร่างกายเต็มไปด้วยหนามแหลมคม และมีพิษรุนแรง”
ด้านหลังของเหรียญ สลักไปด้วยตัวเลขสิบ
นี่คือเหรียญเลขสิบ มันเป็นรางวัลจากข้อมูลที่กู่ฉิงซานมอบให้แก่หัวหน้ารักษาการณ์
เมื่อพนักงานเห็นเหรียญเลขสิบท่าทีและทัศนคติของเขาก็เปลี่ยนเป็นกระตือรือร้นทันที
เขากล่าว “สำหรับเหรียญเลขสิบ จ่ายแค่ยี่สิบเจ็ดเหรียญก็พอแล้ว”
กู่ฉิงซานหยิบมายี่สิบเจ็ดเหรียญ และมอบให้อีกฝ่าย
พนักงานเร่งจัดการทุกอย่างให้กู่ฉิงซานทันที
“ลูกค้าที่เคารพ โปรดเชิญทางนี้ กระผมจะพาท่านไปขึ้นเรือ” เขากล่าวด้วยความนอบน้อม
“โอเค ขอบคุณมาก” กู่ฉิงซานรับคำ
ทว่าทั้งสองพึ่งเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เสียงของผู้หญิงก็ดังตามมาจากเบื้องหลัง
“รอก่อน ยังพอมีที่ว่างอีกสักสามที่ไหม? พวกเราเองก็ต้องการจะขึ้นยานด้วยเหมือนกัน”
ทั้งสองหันกลับไปมอง
เห็นแค่เพียงหญิงที่ดูทรงเสน่ห์กำลังปราดเข้ามา เบื้องหลังเธอเป็นชายผิวดำเมี่ยม กำลังอุ้มเด็กชายอายุราวๆ หกถึงเจ็ดปีอยู่
กู่ฉิงซานตกใจ
เพราะผู้หญิงคนนี้เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี และก่อนหน้าที่ก็เคยปะทะกันมาแล้ว
ราชินีปีศาจแมงป่อง!
เวลานี้เธอเลือกที่จะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์อย่างกะทันหัน!
“เป็นท่าน?” กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
“ใช่ เป็นข้าเอง ขอข้าจองที่นั่งก่อน แล้วเจ้าก็ใช้คำเรียกข้าตามปกติเถอะ ไม่ต้องให้เกียรติอะไร…เอาไว้พวกเราค่อยมาคุยกันในภายหลัง” ราชินีแมงป่องส่ายมือให้เขา
พนักงานเอ่ยปาก “คุณผู้หญิงยังเหลืออีกสามที่นั่งคุณ”
“ฉันเหมาที่เหลือทั้งหมด” ราชินีแมงป่องกล่าว
“โอ้ ไม่มีปัญหา กระผมจะดำเนินการให้ทันที”
เขาเริ่มพรมมือลงในอากาศที่ว่างเปล่า อีกครั้ง และอีกครั้ง เหมือนว่าจะกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่
เบื้องหลังเธอ ชายผิวดำขลับโบกมือให้กู่ฉิงซาน แสดงรอยยิ้มออกมา
กู่ฉิงซานงงกับท่าทีของอีกฝ่าย แต่เขาก็ฝืนยิ้มตอบกลับไป
ชายผิวดำขลับคล้ายขบคิดอยู่สักพัก ก่อนตัดสินใจยกนิ้วขึ้น
และบนนิ้วมือของเขา พลันสาดแสงสีเขียวพลุ่งพล่าน ไร้ที่สิ้นสุดออกมา
กู่ฉิงซานเร่งจับกลิ่นอายของแสงสีเขียวนั่นทันที
และค้นพบว่ามันคือกลิ่นอายเดียวกันกับต้นไม้ใหญ่ที่เขาพบเจอในทะเลทราย
กู่ฉิงซานมองดูเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนชายดำขลับ
เด็กน้อยกำลังจ้องมองเขาเช่นกัน พลางปาดน้ำลายที่ไหลลงมาไม่หยุด
แทบไม่ต้องเสียเวลาคิด กู่ฉิงซานเค้นรอยยิ้ม เข้าใจทุกอย่างโดยสมบูรณ์
ปรากฏว่าเด็กคนนี้คือแมงป่องตัวน้อยนั่นเอง ส่วนชายผิวดำขลับตัวใหญ่ สมควรที่จะเป็นสามีของราชินีปีศาจแมงป่อง
ถ้าอย่างนั้น เขาก็ไม่ใช่ต้นไม้ ตัวตนของเขาเผยชัดเจนแล้ว
“มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ผมไม่คาดคิดเลยว่าจะได้พบกับคุณที่นี่” กู่ฉิงซานกล่าว
“พวกเราเองก็เหมือนกัน ข้าก็ไม่คิดเลยว่าฝีมือการต่อสู้ของเจ้าจะยอดเยี่ยมถึงขนาดนั้น และสัญชาตญาณเองก็ทรงพลังไม่แพ้กัน” ชายดำขลับกล่าว
สัญชาตญาณ?
เขากำลังต้องการจะสื่ออะไร?
ขณะกำลังขบคิด พนักงานก็ได้ดำเนินการลงทะเบียนเสร็จสิ้นแล้ว
ราชินีแมงป่องขมวดคิ้ว หยิบไม่กี่เหรียญออกมาจ่ายอย่างไม่เต็มใจ
“ท่านทั้งสี่ โปรดตามกระผมมา” พนักงานยิ้ม
หลายคนหยุดพูดคุย และตามพนักงานเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของท่าเรือบิน และมาถึงยานอวกาศขนาดเล็ก
แม้จะบอกว่าเป็นยานอวกาศ แต่จริงๆ แล้วมันดูคล้ายคลึงกับเรือใบของสมาคมหอสูงซะมากกว่า
“นี่คือเรือใบด้านมนตรา มันสมควรที่จะมีเสถียรภาพมากกว่ายานด้านเทคโนโลยี” ราชินีแมงป่องกล่าวด้วยความพึงพอใจ
ทั้งสี่คนเดินขึ้นยานอวกาศ…ไม่สิ ในเมื่อมันเป็นเรือ ก็สมควรเรียกว่าเรืออวกาศถึงจะถูกต้อง
ภายในเรือ ถูกตกแต่งเป็นโซนแยกแต่ละห้องสำหรับสี่คน
พนักงานเดินนำพวกเขาตรงไปยังประตูบานสุดท้าย และค่อยๆ เปิดมัน
ภายในว่างเปล่า แต่มีโต๊ะใหญ่ และเก้าอี้อีกสี่ตัว
บนโต๊ะ ถูกจัดวางไปด้วยเมลอนและผลไม้ต่างๆ พร้อมกับชาร้อนสี่ถ้วย
ด้านหนึ่งของห้อง เป็นกระจกขนาดใหญ่ที่ลากยาวจากมุมสูงบนเพดาน จรดลงมาติดกับพื้น ช่วยให้ผู้เดินทางสามารถรับชมฉากภายนอกได้อย่างเต็มตา
พนักงานแนะนำคนทั้งสี่ด้วยรอยยิ้ม “เรือกำลังจะแล่นออกในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า กระผมขอให้ทุกท่านเพลิดเพลินไปกับการเดินทาง”
เขากำลังจะโค้งกายคำนับ แต่ทันใดนั้นก็ชะงักไปทันที
ราชินีแมงป่อง สามี ลูกเธอ และกู่ฉิงซานเอง ลมหายใจของคนทั้งหมดพลันขาดห้วง
วินาทีต่อมา
ครืนนนนน!
ภายใต้ผืนโลกกว้างไกล บังเกิดการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่
แม้ว่าตลาดมืดจะอยู่บนท้องฟ้าสูง แต่การสั่นสะเทือนเล็กน้อยในอากาศ ก็ทำให้ผู้คนพออนุมานได้ถึงอัตราของแรงกระแทกนี้
สีหน้าของทุกคนแปรเปลี่ยนกลับกลาย
กู่ฉิงซานปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผากของเขา เนื่องจากตนล่วงรู้ถึงที่มาของมันเป็นอย่างดี
ราชินีแมงป่อง และสามีของเธอ สบสายตากันและกันด้วยความกังวล
แต่แล้วจู่ๆ เด็กชายตัวเล็กก็ดึงแขนชายดำขลับ ตะโกนด้วยสีหน้าหวาดหวั่น “เจ้าสิ่งนั้นกำลังจะมาแล้ว คุณพ่อ เจ้าสิ่งนั้นกำลังจะออกมา!”
………………………