สวีซานเหนียงหัวเราะเสียงเย็น “นังหนู พูดความจริงกับพวกเราดีกว่า หัวหน้ากองธงกล้วยไม้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเรามาก เจ้าจะพูดถึงใครไม่พูด กลับพูดถึงเขา เจ้าคิดว่าพวกเราจะเชื่อเจ้าหรือ อีกอย่างพวกเราก็เพิ่งจะออกมาจากเขาสูบวิญญาณ”
กู้ชูหน่วนรู้สึกดูถูกอยู่ในใจ
เป็นตะเภาเดียวกันจริงๆ มีหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ที่แสนจะวิปริตเป็นเพื่อน ถึงว่าพวกเขาเองก็น่ารังเกียจขนาดนี้
กู้ชูหน่วนแสร้งทำเป็นประหลาดใจ “ไม่ใช่กระมัง ในเมื่อพวกเจ้าเป็นเพื่อนของหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ยังใจดำหลอกพวกเจ้าอีกหรือ”
พวกสวีซานเหนียงต่างก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
กู้ชูหน่วนถอนลมหายใจอย่างระอาใจ “เจ้าคิดว่าทำไมอ๋องหานจึงได้ส่งกองกำลังมาโจมตีเขาสูบวิญญาณ คิดว่าเป็นเพราะข้าจริงหรือ พวกเจ้าช่างไร้เดียงสาเกินไปแล้ว เทพสงครามบุกโจมตีเขาสูบวิญญาณ ก็เพราะว่ากระดิ่งทลายวิญญาณอยู่กับหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ ไม่เช่นนั้นเขาจะทำเพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียว อีกทั้งยังเป็นหญิงอัปลักษณ์ แล้วต้องล่วงเกินจอมมารได้อย่างไร ”
เดิมทีเจ็ดผีแห่งภูเขาหยินไม่มีทางเชื่อสิ่งที่กู้ชูหน่วนพูด
แต่ตอนนี้ คำพูดของนางประโยคนี้ เหมือนจะไม่ไร้เหตุผลนัก
เทพสงครามเป็นใคร เขาอยากจะได้หญิงแบบใดย่อมมีหมด จะล่วงเกินจอมมารเพียงเพราะหญิงอัปลักษณ์คนเดียวได้อย่างไร
หรือว่า กระดิ่งทลายวิญญาณจะอยู่ที่หัวหน้ากองธงกล้วยไม้จริงๆ
“ทำไม พวกเจ้าไม่เชื่อหรือ พวกเจ้าไม่เชื่อข้าก็จนปัญญา ข้าน่ะ อย่างไรเสียก็สู้พวกเจ้าสามคนไม่ได้ พวกเจ้าอยากจะฆ่าก็ฆ่าเถอะ แต่ก่อนจะฆ่าข้า พวกเจ้าต้องทบทวนให้ดี เทพสงครามกับจอมมารใช่ว่าจะแหย่ได้ง่ายๆ แม้ว่าพวกเจ้าจะปกปิดได้แนบเนียนแค่ไหน เจ้าคิดว่ากระดาษจะสามารถห่อไฟได้หรือ”
กู้ชูหน่วนใช้เวลาเพียงอึดใจเดียวพูดซะยืดยาว ท่าทีไม่ใส่ใจเท่าไหร่ ราวกับไม่สนใจต่อความปลอดภัยในชีวิตของตนเองเลยแม้แต่น้อย
หยินต้ากุ่ยลูบหนวดเคราสีขาวโพลนของเขา ดวงตาอำมหิตคู่นั้นกวาดมองไปทางเย่เฟิงกับท่านยายเย่
“พวกเราไม่ฆ่าเจ้า แต่พวกเราสามารถฆ่าพวกเขาสองคนก่อน ”
ฝ่ามือของกู้ชูหน่วนมีเหงื่อผุดออกมาเล็กน้อย
เย่เฟิงกับท่านยายเย่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับจอมมารและเทพสงครามเลยสักนิด และไม่มีใครหนุนหลังด้วย
แม้ตายไป ก็ไม่มีใครออกหน้าแทนพวกเขา เป็นคู่ต่อสู้ที่ดีที่สุดจริงๆ
กู้ชูหน่วนหาที่ที่เหมาะสมแล้วนั่งลง นั่งไขว่ห้างด้วยท่าทีเกียจคร้าน ชี้ไปทางเย่เฟิงอย่างไม่ใส่ใจนัก “พวกเจ้าเข้าใจผิดอีกแล้ว เขาเป็นคนของท่านจอมมาร”
“นังหนูนี่ เจ้าคิดว่าพวกเราเป็นคนโง่หรือไง”สวีเจิ้นพูดอย่างโมโห
“ฟ้าดินเป็นพยาน ข้าจะกล้าหลอกเจ้าได้อย่างไร เพียงแต่เย่เฟิงหน้าตาดี ท่านจอมมารก็มีความชื่นชอบในด้านนั้น เขาชอบเย่เฟิง ข้าก็ไม่รู้ต้องทำอย่างไร”
สวีซานเหนียงมองไปทางสวีเจิ้นและหยินต้ากุ่ย ถามอย่างสงสัย”ท่านจอมมารมีความชื่นชอบในด้านนั้นด้วยหรือ เหมือนจะไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
กู้ชูหน่วนแก้ไขให้อย่างจริงจังว่า “จะไม่มีได้อย่างไร ผู้ใหญ่มีพฤติกรรมไม่ดีผู้น้อยย่อมทำตาม เจ้าดูลูกน้องที่เขาบ่มเพาะออกมา ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้ากองธงกล้วยไม้ หัวหน้ากองธงโบตั๋น หัวหน้ากองธงแปะเจียก แต่ละคนล้วนชื่นชอบทางด้านนี้ไม่ใช่หรือ เขาเป็นจอมมาร อย่างไรเสียก็ต้องรักษาหน้าไว้บ้าง พวกเราต้องเข้าใจท่านจอมมาร”
แววตาของเย่เฟิงหม่นหมองลง
แม้จะรู้ว่ากู้ชูหน่วนทำไปเพื่อช่วยเขา จึงได้พูดจาเลอะเทอะ แต่หัวใจของเขาเหมือนจะเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหว
กู้ชูหน่วนพูดเป็นตุเป็นตะ พูดพล่ามออกมาอีกมากมาย ทำให้เจ็ดผีแห่งภูเขาหยินอดไม่ได้ที่จะหวั่นไหวขึ้นมาบ้างแล้ว
“เพราะฉะนั้น พวกเจ้านับหัวหน้ากองธงกล้วยไม้เป็นเพื่อน แต่เขาอาจไม่ได้นับว่าพวกเจ้าเป็นเพื่อน พวกเจ้าถูกเขาหักหลังแล้ว ยังไม่รู้ตัวอีก เขาคงอดใจไม่ไหวที่อยากจะให้พวกเจ้าเผชิญหน้ากับเทพสงครามและท่านจอมมารโดยเร็วที่สุด และเป็นการกำจัดเสี้ยนหนามแทนเขาด้วย”
ในขณะที่กู้ชูหน่วนยังคงพูดอยู่ หัวหน้ากองธงกล้วยไม้ก็พาผู้พิทักษ์วชิระสองคนปรากฏตัวขึ้นทางด้านหลังของนาง
หัวหน้ากองธงกล้วยไม้สีหน้าขาวซีด น่าจะกระทบใจเขา ในดวงตาของเขามีไฟแห่งความโมโหแฝงอยู่ ราวกับจะเผากู้ชูหน่วนให้เป็นจุณ
ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนไป มองไปทางหัวหน้ากองธงกล้วยไม้อย่างระแวดระวัง
โดยเฉพาะเย่เฟิง เขาทั้งหวาดกลัว ทั้งระแวง ทั้งโมโห ร่างกายสั่นเทาขึ้นมาเล็กน้อย
ตั้งแต่เล็กจนโต นี่เป็นความกลัวที่มาจากเบื้องลึกของเขาจริงๆ