บทที่ 239 ภูตอัคคีฟ้าดิน
“ไม่รู้ท่านชายหลัวทราบหรือเปล่า ลั่วสุ่ยเกิดในสำนักสุ่ยเยว่จง เป็นสำนักเล็กๆ ในสังกัดตำหนักจื่อ”
เสียงของชิวลั่วสุ่ยแฝงไปด้วยความเศร้า “สำนักสุ่ยเยว่จงของเราสังกัดในตำหนักจื่อ เพื่อที่จะได้โควต้าในการเข้าแดนปริศนา ต้องเสียไปไม่น้อยเลย อีกทั้งตำหนักจื่อควบคุมสำนักสุ่ยเยว่จง นับวันยิ่งแทรกซึมเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัว กลัวว่าอีกไม่นาน สำนักสุ่ยเยว่จงจะไม่มีอยู่อีกแล้ว กลายเป็นสำนักหุ่นเชิดภายใต้ตำหนักจื่ออย่างสมบูรณ์”
“เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับสิ่งที่แม่นางลั่วสุ่ยขอร้องผมล่ะ” หลัวซิวถามอย่างราบเรียบ
“ท่านชายคงไม่ทราบ เดิมทีสำนักสุ่ยเยว่จงของเรา ไม่ใช่สำนักเล็กๆ มีผู้อาวุโสจักรพรรดิยุทธ์ ดำรงตำแหน่งในสำนัก เหตุที่ตกเป็นเบี้ยล่างของตำหนักจื่อ เพราะผู้อาวุโสจักรพรรดิยุทธ์บาดเจ็บสาหัส ผลการฝึกตนลดต่ำลง” ชิวลั่วสุ่ยพูดอย่างทอดถอนใจ
เมื่อได้ยินดังนั้น หลัวซิวพอจะเดาอะไรได้ ผู้อาวุโสจักรพรรดิยุทธ์ของสำนักสุ่ยเยว่จง ต้องบาดเจ็บตรงจุดตันเถียน หรือไม่ก็เทพจิตโดนทำลาย เพราะมีเพียงอาการบาดเจ็บสองอย่างนี้ ถึงจะทำให้ผลการฝึกตนลดต่ำลงได้
“ผู้อาวุโสของสำนักสุ่ยเยว่จงอยากรักษาอาการบาดเจ็บ ฟื้นฟูผลการฝึกตน จำเป็นต้องใช้สมบัติชนิดหนึ่ง ที่ชื่อว่าน้ำแร่วิญญาณ และสมบัติชนิดนี้มีอยู่ในแดนปริศนาเท่านั้น” ชิวลั่วสุ่ยพูดออกมาตามนั้น
“น้ำแร่วิญญาณเหรอ” หลัวซิวหรี่ตาลง น้ำแร่วิญญาณเป็นหนึ่งในตัวยาหลัก ในการกลั่นยาวิญญาณหยินหยาง
ขณะเดียวกันเขาเดาได้ว่า เทพจิตของผู้อาวุโสจักรพรรดิยุทธ์สำนักสุ่ยเยว่จง น่าจะได้รับความเสียหาย จึงทำให้ผลการฝึกตนลดต่ำลง ชิวลั่วสุ่ยจะหาน้ำแร่วิญญาณ น่าจะรวบรวมตัวยาสำคัญ ในการกลั่นยาวิญญาณหยินหยาง
การกลั่นยาวิญญาณหยินหยางไม่ยาก สิ่งสำคัญคือตัวยาหลักนั้นหายาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำแร่วิญญาณ ผลหู่หยางจู หรือหญ้าวิญญาณ เป็นสมบัติที่หายากทั้งนั้น
น้ำแร่วิญญาณ จะบังเอิญเจอในแดนหยินสุดขั้วเท่านั้น ประจวบเหมาะกับที่แดนปริศนา เป็นแดนหยินสุดขั้ว มีสมบัติระดับนั้นอยู่ เป็นอะไรที่สมเหตุสมผล
“ฉันต้องเอาน้ำแร่วิญญาณมาให้ได้!” หลัวซิวพูดในใจ
ตัวยาสำคัญสามชนิด ในการกลั่นยาวิญญาณหยินหยาง ในแดนปริศนามีน้ำแร่วิญญาณ สมบัติที่ขายในองค์กรนักล่ายุทธ์ มีผลหู่หยางจู เมื่อถึงตอนนั้นแค่หาหญ้าวิญญาณมาได้ ก็สามารถเริ่มกลั่นยาได้
ถึงในใจอยากได้น้ำแร่วิญญาณมาก แต่หลัวซิวไม่ได้แสดงออกมาภายนอก
เพราะน้ำแร่วิญญาณ เป็นของหายากในสมบัติขั้น6 ถึงตัวเองหาเจอ ทำไมจะต้องเอาไปให้ผู้อาวุโสสำนักสุ่ยเยว่จงรักษาอาการบาดเจ็บด้วยล่ะ
การที่ชิวลั่วสุ่ยมาขอความช่วยเหลือจากตัวเอง หลัวซิวกลับเข้าใจ เพราะถ้าเธอไปหาด้วยตัวเอง ถึงหามาได้ ก็ต้องโดนคนของตำหนักจื่อเก็บไว้ ไม่ให้เธอเอากลับไปที่สำนัก
ส่วนการที่จะไปซื้อภายนอก ถ้าข่าวรั่วออกไป กลัวว่ามีคนจำนวนไม่น้อย ที่ไม่อยากให้ผู้อาวุโสสำนักสุ่ยเยว่จงฟื้นฟูผลการฝึกตน โดนเฉพาะตำหนักจื่อที่จงใจควบคุมและครอบงำสำนักสุ่ยเยว่จง
“ขอแค่ท่านชายหลัวช่วยฉันหาน้ำแร่วิญญาณได้ ฉันจะแลกด้วยข้อมูลของภูตอัคคีฟ้าดิน” ชิวลั่วสุ่ยพูดเรื่องน่าตกใจออกมา
“ภูตอัคคีฟ้าดินเหรอ” หลัวซิวหรี่ตาลง อดตกใจไม่ได้
ล่างสวรรค์ ทุกสรรพสิ่งมีจิตวิญญาณ ไม่ว่าจะเป็นแร่ทอง ต้นไม้ใบหญ้า น้ำไฟ ลมฟ้า ภายใต้การหล่อเลี้ยงของโลก ล้วนมีโอกาสสร้างจิตวิญญาณ โดยนักยุทธ์ในโลกเรียกว่าภูตอัคคีฟ้าดิน
ถ้านักยุทธ์ได้ภูตอัคคีฟ้าดิน พละกำลังจะเพิ่มขึ้นมาก ก้าวกระโดดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการฆ่าข้ามขั้น
แต่ภูตอัคคีฟ้าดินเป็นสิ่งที่หายากมาก และทำให้ยอมจำนนยากมาก ตั้งแต่โบราณคนที่สามารถควบคุมภูตอัคคีฟ้าดิน เพื่อเอามาใช้เอง มีจำนวนน้อยมาก อีกทั้งยังกลายเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์ ที่มีชื่อเสียงในใต้หล้า
ภูตอัคคีฟ้าดินใช้งานดีมาก เมื่อนักกลั่นยาได้สิ่งนี้ จะสามารถยกระดับพลานุภาพอัคคีแท้ ยกระดับประสิทธิภาพของการกลั่นยา
เมื่อนักค่ายกลได้สิ่งนี้ ทำให้ลายอัคคีพรสวรรค์มีพลัง ทำให้ค่ายกลธาตุไฟที่ติดตั้ง มีพลานุภาพเป็นเพิ่มขึ้นมาก
ถ้านักหลอมอาวุธได้สิ่งนี้ จะสามารถหลอมเกราะนักยุทธ์ นักยุทธ์ ที่มีคุณสมบัติดีเลิศ อีกทั้งยังมีอำนาจแข็งแกร่งด้วย
ถ้านักยุทธ์ที่ฝึกวิชาธาตุไฟได้สิ่งนี้ไป จะเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ พละกำลังพุ่งสูง เรียกว่าเป็นฮีโร่ ก็ไม่ใช่แค่ความฝันแล้ว
“ภูตอัคคีล้ำค่ามาก น้ำแร่วิญญาณไม่สามารถเทียบได้ ถ้าแม่นางลั่วสุ่ย รู้เรื่องเกี่ยวกับภูตอัคคีจริงๆ ผมว่าแค่คุณปล่อยข่าวออกไป ต้องมีคนนับไม่ถ้วน ยอมเอาน้ำแร่วิญญาณมาแลก”
ถึงหลัวซิวหวั่นไหวกับภูติอัคคีมาก แต่เขาไม่ได้ขาดสติเพราะสิ่งนี้ ถึงกระทั่งที่เขาสงสัยว่าข้อมูลภูตอัคคี ที่อีกฝ่ายพูดมา เป็นจริงหรือเท็จกันแน่
เพราะสมบัติอย่างภูตอัคคี เป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าคนของสำนักสุ่ยเยว่จงรู้ ทำไมถึงไม่เก็บไว้ใช้เองล่ะ
ชิวลั่วสุ่ยยิ้มอย่างขื่นขม “คนของสำนักสุ่ยเยว่จง ล้วนฝึกวิชาธาตุน้ำ ภูตอัคคีไม่มีประโยชน์สำหรับเรา
ราษฎรเดิมไม่มีความผิด แต่เพราะมีหยกกับตัวจึงมีความผิด ถ้าสำนักสุ่ยเยว่จงของเราได้ภูตอัคคี ขืนข่าวถูกปล่อยออกไป ต้องเป็นหายนะร้ายแรงแน่นอน ส่วนที่คุณชายพูดว่าใช้ข้อมูลไปแลกน้ำแร่วิญญาณ ใช้ว่าเราจะไม่เคยคิดวิธีนี้ แต่มีตัวแปรอยู่มากเกินไป อาจนำพาเรื่องไม่ดีเข้ามาได้”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ดวงตาสวยของชิวลั่วสุ่ย มองไปยังหลัวซิว “ฉันคิดว่าท่านชายหลัว ฝึกเปลวไฟดำชนิดหนึ่ง ถ้าได้ภูตอัคคี พละกำลังต้องเพิ่มขึ้นมากแน่นอน อีกทั้งคุณยังเป็นอัจฉริยะขั้นดำ ขององค์กรนักล่ายุทธ์ ถ้าได้ภูตอัคคี ก็ไม่มีใครกล้ามาแย่งไปง่ายๆ”
เมื่อหลัวซิวได้ยินดังนั้น ก็เริ่มเปลี่ยนความคิด
แต่ชิวลั่วสุ่ยก็พูดเสริมอีกว่า “เมื่อร้อยกว่าปีก่อน ผู้อาวุโสของเรา เจอที่ที่มีภูตอัคคีโดยบังเอิญ แต่เพราะไม่สามารถทำให้มันยอมจำนนได้ จึงยอมแพ้ ตอนนี้ผ่านมาหลายปี ไม่รู้ว่าภูตอัคคีนั้นยังอยู่หรือเปล่า”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลัวซิวขมวดคิ้ว เพราะระยะเวลาร้อยกว่าปี เพียงพอที่จะเกิดเรื่องมากมาย ถ้าที่นั่นไม่มีภูตอัคคี เขาก็ไม่ได้อะไรสักอย่างไม่ใช่เหรอ
ชิวลั่วสุ่ยพูดต่อ “ถ้าท่านชายช่วยฉันหาน้ำแร่วิญญาณมาได้ ข้อมูลภูตอัคคี เป็นเพียงหนึ่งในค่าตอบแทน ถ้าผู้อาวุโสสำนักสุ่ยเยว่จงของเรา ฟื้นฟูผลการฝึกตนได้ รับปากจะช่วยท่านชาย 3 ครั้ง นี่เป็นอย่างที่สอง นอกจากนั้นยังมีน้ำทิพย์พันปีหนึ่งขวด เป็นของกำนัล นี่คืออย่างที่สาม!”
ค่าตอบแทนสามอย่างนี้ เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่ ห่างไกลจากมูลค่าของน้ำแร่วิญญาณไปมากแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงข้อมูลของภูตอัคคี ผู้อาวุโสสำนักสุ่ยเยว่จงมีผลการฝีกตนจักรพรรดิยุทธ์ ช่วยเหลือสามครั้ง นับว่ามีมูลค่าสูงมาก อีกทั้งยังมีน้ำทิพย์พันปีอีกหนึ่งขวด สิ่งนั้นเป็นสารที่รวบรวมปราณอันงดงามของฟ้าดินเชียวนะ เพียงหยดเดียว สามารถทำให้คนที่ฝึกตนต่ำกว่าจักรพรรดิยุทธ์ ฟื้นฟูพลังจิตแท้ที่สูญเสียไปได้ภายในพริบตา
“ท่านชายหลัว ถึงไม่รู้ว่าคุณมีความแค้นอะไรกับตำหนักจื่อ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำ ฉันสัมผัสได้ว่าคุณไม่เป็นมิตรกับตำหนักจื่อ”
ชิวลั่วสุ่ยพูดช้าๆ “เพราะเรามีศัตรูคนเดียวกัน ฉันเลยเอาเรื่องพวกนี้มาบอกคุณ ดังนั้นฉันจึงขอร้องให้คุณช่วย”
“ผมช่วยหาน้ำแร่วิญญาณในแดนปริศนาให้คุณได้ แต่ผมไม่สามารถรับรองได้ว่าจะหาเจอ” หลัวซิวพูดอย่างเคร่งขรึม