เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1086 ความเร็ว

แปลโดย iPAT

 

ฟางหยวนออกจากที่ราบมังกรคชสารในเวลาไม่กี่นาที

 

หลังจากนั้นเขาเห็นก้อนเมฆขนาดใหญ่ลอยอยู่ตรงหน้า

 

นี่ทำให้เขาระวังตัวมากขึ้นเพราะเขาพบสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลมาแล้วที่ภาคใต้

 

ด้วยการเรียนรู้จากประสบการณ์ ฟางหยวนเริ่มระวังก้อนเมฆขนาดใหญ่มากขึ้น

 

หลังจากตรวจสอบและไม่พบปัญหา ฟางหยวนจึงสามารถผ่อนคลาย

 

พื้นที่รอบๆเต็มไปด้วยเมฆหมอกหนาทึบแต่นี่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับฟางหยวน

 

ด้วยการใช้วิญญาณสายตรวจสอบ เขาสามารถเคลื่อนที่ไปได้อย่างอิสระราวกับเมฆหมอกเหล่านี้ไม่เคยมีอยู่

 

ฟางหยวนลดความเร็วลงก่อนจะกระตุ้นใช้วิญญาณจำนวนมาก พายุหมุนสีเลือดก่อตัวขึ้นในมิติช่องว่างของเขา

 

แกนกลางของมันคือวิญญาณอมตะ

 

วิญญาณอมตะสมบัติเลือดระดับหก!

 

ท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือด!

 

แสงสีแดงเลือดปะทุขึ้นบนร่างกายของฟางหยวนก่อนจะเปลี่ยนเป็นของเหลวและกลายเป็นแม่น้ำเลือด

 

แม่น้ำเลือดนำฟางหยวนพุ่งผ่านกลุ่มเมฆหมอกไปด้วยความเร็วสูง

 

นี่เป็นระดับความเร็วที่แตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง

 

ที่ราบมังกรคชสารอยู่ในเขตปกครองของกองกำลังใหญ่ฝ่ายธรรมะ ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะ มิฉะนั้นกลิ่นอายของวิญญาณอมตะจะกระจายออกไปและดึงดูดปัญหาเข้ามา

 

เมื่อฟางหยวนออกจากที่ราบมังกรคชสาร เขายังใช้เพียงท่าไม้ตายระดับมนุษย์

 

แต่ตอนนี้ในที่สุดเขาก็สามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะ

 

เส้นสายสีเลือดถูกทิ้งไว้ข้างหลังแต่มันถูกปกปิดโดยกลุ่มเมฆหมอกและไม่สามารถมองเห็นจากภายนอก

 

นี่เป็นข้อดีของการบินอยู่ในกลุ่มเมฆ

 

หากไม่ใช่เพราะการคงอยู่ของก้อนเมฆเหล่านี้ ฟางหยวนจะทำได้เพียงปกปิดตัวตน การบินอยู่ในที่แจ้งดึงดูดความสนใจมากเกินไป

 

ในเวลาสั้นๆฟางหยวนสามารถเดินทางไกล

 

เมื่อออกจากกลุ่มเมฆ เขาหยุดใช้ท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือดทันที

 

ในปัจจุบัน ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งเลือดไม่สามารถเปิดเผยตัวตน พวกเขาต้องซ่อนตัวอย่างมิดชิด ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดจะถูกโจมตีจากทุกทิศทาง ฟางหยวนไม่ต้องการสร้างปัญหาเพราะเส้นทางแห่งเลือด

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจตจำนงสวรรค์พยายามกำจัดเขา

 

‘เว้นเพียงข้าจะสามารถพัฒนาท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือดและป้องกันไม่ให้ผู้อื่นรู้ว่ามันเป็นเส้นทางแห่งเลือด’ ฟางหยวนคิด

 

ในความเป็นจริงเขาปรับปรุงท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือดมาแล้วครั้งหนึ่ง

 

ระหว่างการบ่มเพาะอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ฟางหยวนฝึกฝนท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดและท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง

 

วันหนึ่งเขาเกิดแรงบันดาลใจและสามารถพัฒนาท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือด

 

เดิมทีการใช้ท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือด ฟางหยวนต้องนำวิญญาณจำนวนมากออกมาบินอยู่รอบตัว

 

แต่หลังจากปรับปรุง วิญญาณเหล่านี้จะบินอยู่ในมิติช่องว่างของเขา

 

นี่อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆแต่มันสามารถแก้ปัญหาใหญ่

 

การบินอยู่ด้านนอกหมายความว่าพวกมันสามารถถูกทำลายได้โดยง่ายแต่การบินอยู่ในมิติช่องว่าง พวกมันจะปลอดภัย

 

เพียงจุดนี้ก็สามารถกล่าวได้ว่ามันเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่

 

แต่แม่น้ำเลือดยังดึงดูดสายตา เมื่อมันบินอยู่บนท้องฟ้า มันจะสร้างแม่น้ำเลือดทิ้งไว้ข้างหลังและยังปลดปล่อยกลิ่นคาวเลือดอันเข้มข้นออกมา

 

หากข้อบกพร่องนี้ไม่ได้รับการแก้ไข มันก็ไม่สามารถใช้งานได้โดยง่าย

 

หากได้รับความช่วยเหลือจากแสงแห่งปัญญา ฟางหยวนอาจแก้ไขมันได้ภายในชั่วข้ามคืน แต่ตอนนี้ยังไม่ปลอดภัยที่จะใช้ร่างผีดิบอมตะ

 

มันไม่เป็นไรหากใช้ท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือดในกลุ่มเมฆหมอก แต่บนท้องฟ้าที่ไร้เมฆ ฟางหยวนเลือกที่จะไม่ใช้มัน

 

เขากระตุ้นใช้งานวิญญาณดาบทะลวงมิติ

 

วิญญาณอมตะระดับเจ็ด!

 

ฟางหยวนพุ่งไปข้างหน้าราวกับดาบอันแหลมคม

 

เปลี่ยนเทียบกับท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือด ตอนนี้เขาเร็วกว่ามาก!

 

วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติเหนือกว่าท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือด

 

แม้จะสูญเสียองุ่นเขียวอมตะจำนวนมาก ฟางหยวนก็ยังเลือกที่จะใช้มัน

 

เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในการเดินทางครั้งนี้ก็คือความเร็ว!

 

เขาต้องเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

 

มันเป็นเพราะเจตจำนงสวรรค์

 

‘เจตจำนงสวรรค์ทำตามวิธีแห่งสวรรค์ มันจะตัดส่วนเกินและเติมส่วนขาดเพื่อรักษาสมดุล มันกำลังจับตามองข้า แต่วิธีแห่งสวรรค์มีกฎเกณฑ์ของมันเอง ดังนั้นเจตจำนงสวรรค์จึงถูกจำกัดด้วยกฎเหล่านี้’

 

‘เจตจำนงสวรรค์ไม่สามารถกำจัดข้าได้โดยง่ายแต่สามารถโจมตีข้าโดยตรงในช่วงเวลาแห่งภัยพิบัติ ในช่วงเวลาปกติเจตจำนงสวรรค์สามารถเพียงสร้างสถานการณ์ต่างๆเพื่อกำจัดข้าเท่านั้น’

 

เจตจำนงสวรรค์สร้างสถานการณ์ได้อย่างไร?

 

คำตอบก็คือมันจะส่งอิทธิพลต่อความคิดของสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้

 

ดังเช่นในอดีต เมื่อฟางหยวนอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงของภาคเหนือ ความคิดของเขาถูกกระตุ้นอย่างลับๆโดยเจตจำนงปลอมของโม่เหยา เจตจำนงสวรรค์ก็ทำงานในรูปแบบที่คล้ายคลึงกัน มันจะส่งอิทธิพลต่อความคิดของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ

 

แต่ด้วยวิธีนี้มันจึงต้องใช้เวลาในการเตรียมตัว ดังนั้นฟางหยวนจึงใช้ความเร็วโต้ตอบจุดบกพร่องนี้

 

ยิ่งเขาเร็วมากเท่าใด มันก็ยิ่งยากสำหรับเจตจำนงสวรรค์ที่จะสร้างสถานการณ์เพื่อจัดการเขา

 

ระหว่างการเดินทางจากภาคใต้มายังภาคเหนือ ฟางหยวนไม่ทราบเรื่องนี้ ดังนั้นเจตจำนงสวรรค์จึงมีเวลาจัดเตรียมแผนการต่างๆ

 

แต่ตอนนี้ฟางหยวนรู้จุดอ่อนของเจตจำนงสวรรค์แล้ว เป็นธรรมชาติที่เขาจะสามารถใช้ประโยชน์จากมัน

 

นี่คือวิธีการที่นิกายเงาใช้เพื่อต่อต้านสวรรค์

 

หลักการของนิกายเงาคือ กระทำการในที่ลับ ปะทุเหมือนภูเขาไฟ เคลื่อนย้ายดุจสายฟ้า บรรลุเป้าหมายในครั้งเดียว!

 

ฟางหยวนเรียนรู้มาทั้งหมด

 

‘ในการต่อต้านเจตจำนงสวรรค์ นิกายเงาและเทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด พวกเขาเป็นศัตรูของข้าแต่พวกเขาก็มีบางแง่มุมที่เหนือกว่าข้า ข้าต้องละทิ้งอคติและเรียนรู้จากพวกเขา!’

 

‘และข้ายังมีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่เหนือนิกายเงาเพราะข้าคือปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์แบบ!’

 

‘สมาชิกนิกายเงาต้องกำจัดเจตจำนงสวรรค์ที่ซ่อนตัวอยู่ในความคิดของตนเองตลอดเวลา’

 

‘แต่ข้าไม่จำเป็น ในฐานะปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์แบบ เจตจำนงสวรรค์ไม่สามารถส่งอิทธิพลต่อความคิดของข้า!’

 

เพื่อต่อสู้กับเจตจำนงสวรรค์ ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติโดยไม่สนค่าใช้จ่าย

 

โชคดีที่ฟางหยวนมีทรัพยากรมากมาย

 

อาจกล่าวได้ว่าเขาร่ำรวยมาก

 

ในช่วงเวลาที่ผ่านมาแม้เขาจะวางแผนจัดการมิติช่องว่างจักรพรรดิ แต่แผนการส่วนใหญ่ยังไม่ได้เริ่มต้นเนื่องจากสวรรค์สีเหลืองปิดทำการในช่วงเวลานี้ ขณะเดียวกันคลังสมบัติของนิกายหลางหยาก็มีขีดจำกัด เขาไม่สามารถแลกเปลี่ยนทุกสิ่งที่ต้องการ

 

ฟางหยวนพุ่งผ่านท้องฟ้าราวกับดาบบินและเตร็ดเตร่ไปในที่ราบภาคเหนือเพียงลำพัง

 

ทันใดนั้นเสียงคำรามสายหนึ่งพลันดังขึ้น

 

สัตว์อสูรบรรพกาลตัวหนึ่งกำลังหลบหนีจากการไล่ล่าของวิญญาณอมตะป่าระดับเจ็ด

 

เงาร่างของทั้งสองปรากฏขึ้นในมุมมองสายตาของฟางหยวน

 

ด้านหน้าเป็นม้าบินหกปีกที่มีเขาเดี่ยวอยู่บนหน้าผากขณะที่ด้านหลังเป็นวิญญาณอมตะที่อยู่ในรูปลักษณ์ของตะขาบมังกร

 

ม้าบินสี่ปีกคือจักรพรรดิสัตว์อสูร ม้าบินหกปีกคือสัตว์อสูรเดียวดาย สำหรับม้าบินหกปีกที่มีเขาเดี่ยวอยู่บนหน้าผาก พวกมันคือสัตว์อสูรบรรพกาล

 

และตะขาบมังกรตัวนี้ มันยาวถึงเจ็ดลี้ ร่างกายของมันเป็นตะขาบแต่ศีรษะเป็นมังกรและมีขาจำนวนนับไม่ถ้วน มันมีเกราะสีทองที่แข็งแกร่งและส่องประกายท่ามกลางแสงอาทิตย์ ภาพลักษณ์ของมันดูยิ่งใหญ่มาก

 

วิญญาณอมตะป่าบางดวงอาศัยอยู่ในร่างของสัตว์อสูรหรือพืชอสูรเหมือนกาฝากแต่วิญญาณอมตะดวงนี้เป็นกรณีพิเศษ มันสามารถมีชีวิตอยู่ด้วยตัวของมันเองและจะออกล่าสัตว์อสูรหรือพืชอสูรเป็นอาหารโดยตรง

 

สิ่งมีชีวิตทั้งสองกำลังกีดขวางเส้นทางของฟางหยวนอยู่ในเวลานี้

 

‘มันเกิดขึ้นในที่สุด!’ ฟางหยวนโอดครวญอยู่ภายใน

 

ครั้งก่อนเป็นสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาล ครั้งนี้เป็นม้าบินหกปีกเขาเดี่ยวและตะขาบมังกร

 

วิญญาณอมตะป่ามีสติปัญญาค่อนข้างต่ำ แม้พวกมันจะมีเจตจำนงของตนเองแต่เจตจำนงสวรรค์ก็ยังสามารถควบคุมพวกมันได้อย่างง่ายดาย

 

ม้าบินหกปีกเขาเดี่ยวเป็นสัตว์อสูรบรรพกาลที่มีสติปัญญาสูงกว่า มันยากกว่าที่เจตจำนงสวรรค์จะส่งอิทธิพลต่อความคิดของพวกมัน

 

แต่ตอนนี้มันกำลังหลบหนีและเคลื่อนไหวโดยไม่มีเวลาคิดไตร่ตรอง ดังนั้นเจตจำนงจึงส่งอิทธิพลต่อความคิดของมันและบังคับให้มันเปลี่ยนทิศทางการหลบหนี

 

ทั้งสองพุ่งเข้ามาปิดกั้นเส้นทางของฟางหยวน

 

ม้าบินหกปีกเขาเดี่ยวกำลังหลบหนีเพื่อความอยู่รอด มันพยายามอย่างเต็มที่และจะบดขยี้ทุกอุปสรรคที่อยู่ด้านหน้า

 

สายตาของตะขาบมังกรพุ่งมาที่ฟางหยวนเช่นกัน

 

กลิ่นอายที่ฟางหยวนปลดปล่อยออกมาชัดเจนว่าเขาเป็นผู้อมตะระดับหก

 

กลิ่นอายของเขาอ่อนแอกว่าม้าบินหกปีกเขาเดี่ยว แต่วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ดที่แข็งแกร่ง

 

สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของตะขาบมังกร

 

เพราะตะขาบมังกรเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบเช่นกัน!

 

ร่างกายของมันเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบ ขาจำนวนนับไม่ถ้วนของมันเหมือนดาบนับหมื่นนับแสนเล่มที่สามารถโจมตีรอบทิศทาง

 

ฟางหยวนตอบสนองด้วยการเก็บวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ

 

เมื่อกลิ่นอายของวิญญาณอมตะระดับเจ็ดเลือนหายไป ตะขาบมังกรรู้สึกสับสนแต่ยังเพ่งมองมาที่ฟางหยวน

 

ร่างของฟางหยวนสั่นสะท้านขึ้นเล็กน้อยก่อนที่เงาร่างจำนวนนับไม่ถ้วนจะปรากฏขึ้น

 

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งและเส้นทางแห่งทาส ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน!

 

ในการทำธุรกรรมครั้งก่อน ฟางหยวนได้รับวิญญาณอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งมากมาย นั่นทำให้เขาสามารถใช้ท่าไม้ตายดั่งเดิม

 

แม้เขาจะไม่มีวิญญาณอมตะล้างใจ แต่เขาก็ใช้วิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากเพื่อทดแทนส่วนที่ขาดหาย แม้พลังอำนาจของมันจะลดลง แต่ในสถานการณ์นี้มันยังสามารถใช้ประโยชน์

 

ฟางหยวนจำนวนนับไม่ถ้วนบินไปรอบๆและทำให้ตะขาบมังกรรู้สึกสับสน

 

แต่มันยังสะบัดร่างกายที่ยาวเจ็ดลี้ไปมา

 

“บึม บึม บึม”

 

ภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งของฟางหยวนถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง

 

ม้าบินหกปีกเขาเดี่ยวบดขยี้ภูตมนุษย์ที่กีดขวางเส้นทางของมันเช่นกัน

 

ตะขาบมังกรเห็นม้าบินหกปีกเขาเดี่ยวกำลังจะหลบหนี ดังนั้นมันจึงหันไปให้ความสำคัญกับเหยื่อตัวนี้อีกครั้ง

 

ทั้งสองไล่ล่ากันและเคลื่อนที่ห่างออกไปอย่างรวดเร็ว

 

ฟางหยวนถอนหายใจเบาๆ

 

ด้วยหนึ่งความคิด ภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนนับไม่ถ้วนเลือนหายไปในอากาศ

 

ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติบินผ่านท้องฟ้าและเร่งจากไป