“กระต่ายหนึ่งคู่ทำเงินได้หลายสิบหยวน?” สะใภ้จ้วงอดไม่ได้ที่จะถาม

ถ้านับจากปีนี้ ตั้งแต่ต้นปีจนปลายปีก็ยุ่งทั้งปีแล้ว การทำเงินได้กี่สิบหยวนก็ถือว่าไม่เลว แน่นอนว่าในกรณีที่หาเงินมาพอสำหรับค่าอาหารในหนึ่งปีไว้ล่วงหน้า

แต่ปีนี้ทุกคนเริ่มทำงานกันเองแล้ว หรือไม่ก็ต้องรอหลังช่วงเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงก็จะได้มากอีกสักหน่อย แต่ก็ต้องยอมรับว่าเงินกี่สิบหยวนก็ไม่ใช่น้อย ๆ เลย

ไม่เช่นนั้นจะรู้สึกตกตะลึงหลังได้ยินจากปากจ้าวเหวินเทาว่าติดหนี้คนอื่นมากมายขนาดนั้นได้อย่างไรกัน หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ชาตินี้ทั้งชาติอาจจะไม่มีปัญญาคืนเงินจำนวนนี้ก็ได้

“เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง? ในบ้านเลี้ยงหมูไว้สองตัวตลอดทั้งปียังขายได้ไม่เท่าไรเอง?” ทว่าหลี่เฟินกลับไม่ค่อยเชื่อเท่าไรนัก

ปีนี้ในบ้านของหลี่เฟินเลี้ยงหมูไว้สองตัว

หมูในตอนนี้ไม่ได้อ้วนเหมือนกับหมูในยุคหลัง หากยึดตามน้ำหนักหนึ่งร้อยชั่งถึงจะนำออกมาจากคอกได้ แปลว่าหมูขนหนึ่งชั่งก็ได้ราคาประมาณสามเหมา

หมูขนหมายถึงหมูที่ถูกขายออกไปทั้งตัว หมูหนึ่งร้อยชั่งจะได้ราคาสามสิบกว่าหยวน

หมูสองตัวก็ได้เงินประมาณเจ็ดสิบหยวน อาจจะมีมากกว่านี้แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็ยังอยู่ในตัวเลขนี้

ถ้าหากคำนวณแบบนี้ การเลี้ยงกระต่ายก็ทำเงินได้ดีกว่าหมูไม่ใช่เหรอ? เลี้ยงหมูเหนื่อยมากเลยด้วย

“เมื่อกี้คำนวณดูแล้ว ตัวเลขนี้ไม่ได้มากเกินความเป็นจริง เงินสิบกว่าหยวนก็ไม่ได้ถือว่ามากมายอะไร ถ้าเลี้ยงดี ๆ คาดว่าคงได้เงินประมาณหนึ่งร้อยหยวน” ฝ่ายบัญชีพูด

“ได้ยินแล้วใช่ไหม?” จ้าวเหวินเทามีความมั่นใจมากพอขณะกล่าว “ถ้าเลี้ยงให้ดี ก็ไม่ได้แย่ไปกว่าการเลี้ยงหมูของพวกคุณเลย ผมเองก็รู้ว่าการเลี้ยงหมูไม่ใช่เรื่องง่าย ที่บ้านแม่ยายผมก็เลี้ยงเหมือนกัน เมื่อมาเทียบกันแล้ว ผมจึงคิดว่าเลี้ยงกระต่ายคุ้มค่ากว่าแน่นอน การเลี้ยงกระต่ายไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน โดยเฉพาะการเลี้ยงให้ดี เงินมันก็ไม่ได้ตกลงมาจากฟ้าไม่ใช่เหรอ? ทุกคนลองคุยกันก่อนก็ได้”

ทุกคนเริ่มพูดคุยกันจริง ๆ :

“กระต่ายพวกนี้ให้พวกลูก ๆ ในบ้านเลี้ยงได้ ไม่ได้รบกวนเวลาทำงานของพวกเราอยู่แล้ว ฉันเองก็คิดว่าไม่เลวเลยนะ!”

“ดีขนาดนี้จริง ๆ เหรอ? ทำไมฉันถึงรู้สึกเชื่อถือไม่ได้เลย”

“มีอะไรเชื่อถือไม่ได้ เงินจำนวนนี้ก็คำนวณออกมาชัดเจนแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“ใช่ ฉันบอกแล้วที่เจ้าหกจ้าวกล้าสร้างบ้านแบบนี้ ที่แท้ก็ได้เงินมาจากการเลี้ยงกระต่ายจริง ๆ”

“แต่ทำไมเจ้าหกจ้าวถึงเอาเรื่องดี ๆ แบบนี้มาบอกพวกเราล่ะ?”

“…”

เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ จ้าวเหวินเทาก็เอ่ยปากพูดว่า “ทำไมผมถึงบอกพวกคุณงั้นเหรอ? ก็เป็นเพราะว่าพวกเราอยู่หมู่บ้านเดียวกันไง เราอยู่หมู่บ้านเดียวกัน ก็ต้องดูแลซึ่งกันและกันสิ ต้องรวยไปด้วยกัน รวยคนเดียวไม่เรียกว่ารวยหรอกนะ รวยเป็นกลุ่มต่างหากล่ะที่เรียกว่ารวยอย่างแท้จริง”

คำพูดนี้ของจ้าวเสี่ยวลิ่วฟังดูดีนัก ช่างเข้าใจเจรจาจริง ๆ

เลขามองท่าทางในการพูดคุยของเขา ภายในใจก็แอบชื่นชม

จ้าวเหวินเทาที่ไม่รู้ว่าเลขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจอยู่ข้าง ๆ พูดต่อไปว่า “ผมเคยได้ไปเห็นที่หมู่บ้านไท่ผิงแล้ว ทางฝั่งนั้นพวกเขาใช้ชีวิตกันได้เป็นอย่างดีเลย คนทางฝั่งพวกเรากลับคิดว่าแค่ได้กินได้ดื่มให้อิ่มก็ถือว่าชีวิตดีแล้ว คนพวกนั้นได้กินอิ่มดื่มพอมาตั้งนานแล้ว แถมยังมีความต้องการที่มากกว่านั้นด้วย พวกเขายังอยากใส่ชุดดี ๆ มีบ้านดี ๆ พวกคุณเองก็ควรจะออกไปดูจริง ๆ นั่นแหละ จะได้นำมาเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างกัน ไม่งั้นความต้องการที่พวกเราคิดหากออกไปข้างนอกคงได้ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะแย่เลย เหมือนกับกบในกะลานั่นแหละ ที่ไม่เห็นโลกภายนอก!

“เจ้าหกจ้าว การเปรียบเปรยของนายช่างไม่น่าฟังเอาเสียเลย” สามีของหลี่เฟินกล่าว

“ที่ผมพูดเขาเรียกว่าเป็นคำพูดของจริงไม่มีเสริมปรุงแต่ง เข้าใจไหม?” จ้าวเหวินเทากล่าว

“ถ้ามันง่ายเหมือนกับที่เจ้าหกจ้าวพูดแบบนี้ ทำไมถึงไม่มีใครเลี้ยงล่ะ?” สะใภ้จ้วงแสดงความสงสัยของหล่อนออกมา

จ้าวเหวินเทาชอบคำถามที่ตรงเป้าหมายแบบนี้มาก กล่าวว่า “คำถามนี้ถามได้ดีนะ ทำไมคนอื่นถึงไม่เลี้ยง? ก็เป็นเพราะทุกคนเป็นเหมือนกับพวกคุณไง ก่อนที่ผมจะแจกแจงให้เห็นถึงตัวเลขนี้ พวกคุณคิดอยากจะเลี้ยงกระต่ายที่ไหนกัน? ก็ไม่เคยคิดใช่ไหมล่ะ?”

“ข้อแรกคือพวกคุณไม่รู้ว่าการเลี้ยงกระต่ายจะทำเงินได้ขนาดนี้ ข้อสองคือความรู้ของพวกคุณมีจำกัด ถ้าผมไม่พูดออกมา แม้แต่ความคิดด้านนี้พวกคุณก็คงไม่มีแน่ จะว่าไปผม จ้าวเหวินเทา ก็ไม่ได้ออกนอกหมู่บ้านแบบเปล่าประโยชน์ ผมได้เห็นแล้วว่าเศรษฐกิจการตลาดภายนอกในตอนนี้กำลังเฟื่องฟู เหมือนกับการฟื้นตัวของทุกสิ่งในฤดูใบไม้ผลิ พวกคุณทำนาอยู่ในชนบทตลอดทั้งวัน ไม่มีทางจินตนาการถึงฉากนั้นได้หรอก”

“ที่ผมรู้ก็เป็นเพราะวิ่งออกไปข้างนอกบ่อย ๆ ตอนนี้ก็มีหลายคนที่คิดจะขับรถสามล้อออกไปข้างนอกเหมือนกับผมไม่ใช่เหรอ?”

“นอกจากนี้ ถ้าหากเลี้ยงกระต่ายเยอะขึ้น พวกคุณเองก็ต้องระวังเหมือนกัน ไม่ใช่ปากเอาแต่พูดฉอด ๆ นี่ผมไม่ได้เลี้ยงแบบปล่อยออกไปวิ่งพล่านข้างนอกนะ แต่เป็นการเลี้ยงไว้ในกรง น้ำกับหญ้าต้องมีห้ามขาด”

“นอกจากนี้ยังมีเรื่องความสะอาด ถ้าจัดการไม่ดีกระต่ายก็จะเป็นโรค ดูอย่างผมสิ ถ้าไม่ใช่เพราะขายออกไปก่อนหน้านี้ก็มีหลายร้อยตัวแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้หรอก กระต่ายเยอะขนาดนั้น ถ้าไม่มีพื้นที่เลี้ยงกว้างขวางพอ กระต่ายก็ต้องทนทุกข์ทรมาน มันก็จะไม่ยอมเติบโตและไม่ยอมคลอดกระต่ายน้อยออกมาด้วย”

“ดังนั้น เจ้าสิ่งนี้ไม่ใช่ว่าคิดจะเลี้ยงก็เลี้ยงได้ ต้องมีพื้นที่ด้วย ไม่งั้นก็จะเลี้ยงได้แค่นิดเดียว แต่เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องเครียด ทำแบบเดียวกับผมก็ได้ตรงที่เลี้ยงไปด้วยขายไปด้วย ไม่เพียงแต่ลดปัญหา แต่ยังมีเงินเข้ามาไม่ขาดสายด้วยนะ”

ครั้นพูดออกไปขนาดนี้ ทุกคนก็เริ่มจะเข้าใจแล้ว

ถ้าพูดถึงประสบการณ์ ทุกคนไม่มีทางที่จะสู้เจ้าหกจ้าวที่วิ่งออกไปข้างนอกได้ เพราะทุกคนไปอำเภอกันน้อยครั้งมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจ้าหกจ้าวที่วิ่งไปถึงในจังหวัดเป็นครั้งคราว

เทียบกันไม่ได้หรอก

“กระต่ายหนึ่งตัวเลี้ยงนานเท่าไหร่ถึงจะขายได้ล่ะ?” พี่สามจ้าวถาม

จ้าวเหวินเทามองไปก็พบว่าเป็นพี่สามของเขา

“ประมาณสี่เดือน” จ้าวเหวินเทากล่าว

“สี่เดือนเหรอ งั้นหนึ่งปีก็ขายได้สามครั้งน่ะสิ” พี่สามจ้าวเดาะลิ้น

“พี่สาม พี่คิดคำนวณแบบนี้เหรอ? หนึ่งปีขายได้สามครั้ง? ปีที่แล้วผมเก็บลูกกระต่ายมาได้ครอกหนึ่งจากในนา ผมเองก็ไม่รู้ว่าขายไปได้กี่รอบ เจ้าสิ่งนี้ขึ้นอยู่กับพลังงานที่พี่ใส่เข้าไปด้วยนะ ถ้าพี่ให้มันน้อย ผลตอบแทนก็ไม่มาก ถ้ามันง่ายขนาดนั้นก็คงไม่ต่างอะไรกับมีเงินตกลงมาจากบนฟ้าแล้วล่ะ” จ้าวเหวินเทากล่าว

แม้พี่สามจ้าวจะรู้สึกว่าคำพูดของเจ้าหกเชื่อไม่ได้ แต่ก็ยังพูดว่า “เอาเถอะ อย่างอื่นฉันไม่พูดแล้ว นายจะไปซื้อกระต่ายพ่อพันธุ์ตอนไหน? ฉันจะเลี้ยงไว้ก่อนสี่คู่ นายบอกว่ากระต่ายตัวผู้หนึ่งตัว กับกระต่ายตัวเมียสามตัวก็ได้แล้วใช่ไหม?”

“โห นายนี่สนับสนุนน้องชายจังเลยนะ! เป็นพี่ชายที่แสนดีจริง ๆ!” มีคนพูดติดตลก

พี่สามจ้าวยิ้ม “แหงอยู่แล้ว ถึงเวลาที่พวกเราสองพี่น้องร่ำรวย นายก็อย่ามาอิจฉาตาร้อนแล้วกัน!”

พี่สะใภ้รองจ้าวรีบพูด “น้องสาม เธอจะเลี้ยงกระต่ายจริง ๆ เหรอ?”

หล่อนนั่งฟังมานานแล้วแต่ก็ต้องชื่นชมน้องสามีคนเล็กจริง ๆ ที่เป็นคนช่างเจรจา การเลี้ยงกระต่ายไม่มีทางที่จะได้เงินดีขนาดนั้น แต่เมื่อได้ฟังแล้วก็รู้สึกว่าไม่เลวเลย

และคิดไม่ถึงว่าเจ้าสามที่เป็นคนคิดอย่างละเอียดรอบคอบมากที่สุด จะเอ่ยปากพูดว่าจะเลี้ยงกระต่าย ณ ที่แห่งนี้

“ก็ใช่น่ะสิ! เจ้าสิ่งนี้เงินลงทุนน้อยขนาดนั้น แถมยังขายได้ตั้งเยอะอีก ทำไมฉันจะไม่เลี้ยงล่ะ? เจ้าหก นายต้องเลือกกระต่ายดี ๆ ให้ฉันนะ อย่าหลอกพี่สามคนนี้ของนายล่ะ!” พี่สามจ้าวพูดกับจ้าวเหวินเทาที่อยู่บนเวที

เขาสงสัยมานานแล้วว่าเจ้าหกร่ำรวยได้เพราะพึ่งพาสิ่งนี้ อีกอย่างเมื่อได้ฟังแล้วก็รู้สึกว่าไม่เลวเลยจริง ๆ ถ้าเช่นนั้นลองเลี้ยงดูก็ดีเหมือนกัน!

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

สกิลปากเหวินเทาอยู่ระดับขั้นเทพจริง ๆ ตกพี่สามให้มาร่วมเลี้ยงได้คนนึงแล้ว ปกติพี่สามขี้งกจะตาย

ไหหม่า(海馬)