บทที่ 1 หัวหน้าใหญ่
“แย่แล้ว ผู้อาวุโสกระอักเลือดอีกแล้ว!”
“รีบไปตามลุงหลี่หูมาเร็วเข้า!”
“ข้าควรทําอย่างไรดี? เพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้หายไปตอนนี้ท่านผู้อาวุโสก็เป็นเช่นนี้อีก”
หืม?
“เกิดอะไรขึ้น?” เด็กหนุ่มร่างผอมที่นอนอยู่ค่อยๆลืมตาขึ้น
“ฉันอยู่ที่ไหน?”
เด็กหนุ่มมองสํารวจสภาพแวดล้อมทั้งซ้ายและขวา มีเส้นใยแสงสลัวสลัวกับหินสีดําสนิท แสงแห่งเดียวอยู่ไม่ไกลนัก
“ถ้ำงั้นหรอ?”
เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งเอามือกุมหลังทันที “เจ็บจัง!”
“ทําไมฉันถึงไม่อยู่ที่นี่ “เด็กหนุ่มใช้มือยันต์ตัวเองลุกขึ้นจากเตียง เขาก้มหน้ามองใต้ร่างของตัวเอง มีหนังสัตว์ปูพื้นเอาไว้
“หนังสัตว์?”เด็กหนุ่มประหลาดใจ เขาพยายามค้นคว้าหาความทรงจําอย่างละเอียด
“ในทิเบตยังมีขนสัตว์แบบนี้อยู่อีกหรอ? แถมยังอาศัยอยู่ในถ้ำ?
ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตั้งตัว มีชาย 2 คนสวมเสื้อผ้าขนสัตว์เดินเข้ามาในถ้ำและมองไปที่เด็กหนุ่มที่พึ่งลุกขึ้น ทั้งสองตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดจากนั้นสีหน้าก็เต็มไปด้วยความยินดี
“มู่เฟิงตื่นแล้ว!”
“เจ้ารีบตามเราไปพบผู้อาวุโสเดี๋ยวนี้”
เด็กหนุ่มที่ยังไม่ทันได้รู้จักชายทั้งสองคนก็ถูก “ลาก” ออกจากถ้ำ
“เดี๋ยว ฉันต้องไปพบใครนะ?” เด็กหนุ่มรู้สึกสงสัยในหัวใจของเขา
หลังจากออกจากถ้ำแสงนอกถ้ำทําให้ดวงตาของเด็กหนุ่มแข็งค้างฉากที่เขาเห็นคือทุกคนมีสีหน้าตื่นตกใจและรีบวิ่งไปในทางเดียวกัน
คนเหล่านั้นไว้ผมยาวสวมหนังสัตว์เป็นเสื้อผ้าใบหน้าสกปรกแทบจะมองไม่เห็นลักษณะหน้าตาของตัวเอง
เด็กหนุ่มตกใจมาก “เกิดอะไรขึ้น ทําไมทิเบตถึงมีชนเผ่าดั้งเดิมอยู่ที่นี่?”
มีคนเห็นเด็กหนุ่มถูกชายทั้งสองลากไปก็อุทานด้วยความตกใจ “พวกเจ้าดูสิ มู่เฟิง ฟื้นแล้ว!”
ฝูงชนต่างหลีกทางให้โดยอัตโนมัติปล่อยให้พวกเขาพาเด็กหนุ่มเดินผ่านเข้าไปยังกระท่อมมุงจาก
ภายในห้องมีแสงสลัวอีกครั้ง แต่เด็กหนุ่มยังคงมองออกว่ามีคนยืนอยู่ภายในห้องนั้นพวกเขากําลังยืนล้อมชายชราคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างเสาไม้
ชายชราหรี่ตาเล็กน้อย แสงสะท้อนทําให้สามารถมองเห็นสีหน้าซีดเซียวของเขา เส้นผมสีเทามีคราบเลือดที่ยังไม่แห้งอยู่
เมื่อเขาเห็นชายชรา ในหัวของเด็กหนุ่มก็เกิดข้อมูลบางอย่างของชายชราขึ้นมาในความทรงจําอย่างรวดเร็ว ชายชราผู้นี้เป็นหัวหน้าเผ่าและเป็นคนเก็บเขาจากป่ามาเลี้ยง
นอกจากข้อมูลของชายชราแล้วในหัวของเด็กหนุ่มก็เป็นเสมือนภาพยนตร์ที่มีข้อมูลต่างๆผุดขึ้นมา ไม้เท้า แท่นดิน ผู้คนที่ล้อมรอบสัตว์ป่าและร้องตะโกนไปมา
เด็กหนุ่มอดตกตะลึงงันไม่ได้ในใจสงสัยว่าเหตุใดตนเองจึงมีความทรงจําเช่นนี้
“ผู้อาวุโส มู่เฟิง มาแล้ว!” มีคนตะโกนขึ้น
ชายชราลืมตาขึ้นมาแล้วมองไปที่เด็กหนุ่มก่อนจะพูดอย่างรักใคร่
“ มู่เฟิง!”
เด็กหนุ่มยังคงลังเลแต่ร่างกายของเขาโผเข้าหาชายชราอย่างช่วยไม่ได้และพูดอย่างโศกเศร้าว่า “ผู้อาวุโส!”
ชายชรายื่นมือออกมาลูบศีรษะของเขาอย่างอ่อนแรงแต่ไม่ได้พูดอะไร เขาเงยหน้ามองคนรอบข้างเล็กน้อย “หลี่หู เล่า?”
ยังไม่ทันพูดจบแสงในกระท่อมก็มืดลง มีคนคนหนึ่งก้มตัวเข้ามาภายในบ้าน “ผู้อาวุโสข้ามาแล้ว!”
ชายที่เหมือนหอคอยเหล็กเดินไปหาชายชราคุกเข่าลงข้างหนึ่งและจับมือของชายชราเอาไว้ “ผู้อาวุโสท่านจะไม่อะไร?”
ชายชราส่ายหัวเล็กน้อยและพูดเสียงอ่อนแรง
“ข้ามีเวลาอีกไม่มาก..”
“ผู้อาวุโส!” เสียงคนรอบข้างสั่นระริก
“ผู้อาวุโส ท่านห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น พวกเราจะทําอย่างไร” หลี่หูกล่าวด้วยความตื่นตระหนก
สีหน้าของชายชราเศร้าสลดแต่กลับแฝงไปด้วยความดื้อรั้น เขาส่ายหัวและพูดว่า “ ข้าไม่มีทางเลือกอื่นแล้วแต่พวกเจ้ายังต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป!”
หลี่หูกํามือชายชราแน่นอีกครั้ง เต็มไปด้วยความไม่เต็มใจและอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
ชายชราเงยหน้าและส่งสัญญาณ หลี่หูหุบปากลงทันที
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เห็นได้ชัดว่าต้องอธิบายเรื่องหลายอย่าง
“หลังจากที่ข้าตายแล้ว มู่เฟิง จะดํารงตําแหน่งหัวหน้าเผ่า พวกเจ้าต้องเคารพเขาเหมือนกับข้า”
ทุกคนตกใจแต่พยักหน้าอย่างเศร้าโศก “เข้าใจแล้ว!”
“เพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้หายไปแล้ว ถ้าคิดจะมีชีวิตอยู่ต่อไปก็คงต้องอพยพไปทางทิศตะวันออก”
หลี่หูพึมพํา “อพยพไปทางทิศตะวันออก…”
แต่เขายังคงพยักหน้าให้กับชายชราอย่างแรง “ข้ารู้แล้ว”
ชายชราหันเหความสนใจมาที่เด็กหนุ่มที่กําลังตกตะลึง
“ มู่เฟิง!”
เด็กหนุ่มตอบโดยไม่รู้ตัว “ผู้อาวุโส!”
แต่ในใจของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความตกตะลึง เขาจําได้ว่าเขาเป็นนักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเจียงเซี่ย เขาบังเอิญตกลงไปในปากถ้ำสีดํา ขณะที่สํารวจโบราณสถานกู่คุนหลุน แต่หลังจากที่ตื่นขึ้นมาเขาก็ปรากฏตัวในถ้ำและปรากฏฝูงชนที่แต่งตัวเหมือนชนเผ่าดึกดําบรรพ์
เห็นได้ชัดว่าเขาข้ามมิติมา!
จากถ้ำหนึ่งไปยังอีกถ้ำหนึ่ง เขาปรากฏตัวในร่างของเด็กหนุ่มที่ชื่อ มู่เฟิง!
ความทรงจําเกี่ยวกับเด็กหนุ่ม กําลังไหลเข้าสู่สมองของเขา และทําให้รู้ว่าชายชราที่อยู่ตรงหน้าเขาคือหัวหน้าเผ่าต้าเจียง เขาบาดเจ็บสาหัสและกําลังจะตาย
สิ่งที่แย่ที่สุดก็คือ “เพลิงศักดิ์สิทธิ์”ในเผ่าได้ถูกขโมยไป
มู่เฟิง คิดว่าชายชราคนนี้ดีต่อเขามาก แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ญาติพี่น้องแต่ดูเหมือนว่าเป็นญาติสนิทที่สุดของเขา เขาโศกเศร้าเสียใจและร้องไห้ออก
“ผู้อาวุโส ท่านต้องไม่ตาย!”
ชายชราปล่อยมือจากหลี่หูหันมายกเช็ดน้ำตาให้กับ มู่เฟิง อย่างช้าๆ
“เด็กโง่ ต่อไปเจ้าจะต้องเป็นหัวหน้าเผ่าแล้วห้ามร้องไห้อีก!”
“ผู้อาวุโส!” มู่เฟิง ตะโกนอย่างเศร้าโศก เสียงคนอื่นๆก็ตะโกนเช่นกัน
ชายชราสายศีรษะเบาๆและเอื้อมมือไปจับศีรษะของเด็กหนุ่ม
“ข้าทําดีที่สุดแล้วเพื่อเผ่านี้ต่อไปทุกคนจะพึ่งพาเจ้า!”
มู่เฟิง ยังไม่ทันได้ตั้งตัวแต่สัญชาตญาณของเขาทําให้เขาหลับตาลง มีข้อมูลลึกลับสายหนึ่งพุ่งเข้ามาในสมองของเขา
คนรอบข้างยังคงพร้อมหน้าพร้อมตาและตะโกนเสียงดังแค่คําว
คนคนหนึ่งหันไปทางหลี่หู “หัวหน้า!”
ใบหน้าของหลี่หูเศร้าโศกยิ่งกว่าเดิมแต่เขากลับส่ายหน้าอย่างหนักแน่น “นี่เป็นการตัดสินใจของผู้อาวุโสเราไม่สามารถทําลายประเพณีการรับมรดกได้!”
“แต่….”
หลี่หูสูดหายใจเข้าลึกๆและตะโกนเสียงต่ำว่า “ไม่มีแต่!”
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร มู่เฟิง ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งและพบว่าใบหน้าของชายชราซีดเผือด หน้าอกของเขาที่แต่เดิมหายใจช้าๆตอนนี้ยิ่งช้าลงไปอีก เหมือนตะเกียงน้ำมันใกล้หมด เห็นแล้วคงมีเวลาเหลือเพียงไม่มาก
ใบหน้าของคนรอบข้างเต็มไปด้วยความโศกเศร้าแต่ดวงตาของพวกเขายังคงเต็มไปด้วยความหวังเมื่อมองมาที่ มู่เฟิง
หลี่หูคุกเข่าข้างหนึ่งและหันหน้าไปหา มู่เฟิง “ ท่านหัวหน้าเผ่า!”
คนที่เหลือคุกเข่าลงและทําท่าเหมือนหลี่หูเช่นกัน
“ท่านหัวหน้าเผ่า!”
มู่เฟิง ยังคงตกตะลึงอยู่ภายในใจเขาเพิ่งรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเขากลายเป็นหัวหน้าเผ่าดึกดําบรรพ์ๆและรับรู้เรื่องยุ่งเหยิงที่กําลังจะเกิดขึ้น!
← ตอนก่อน