แดนนิรมิตเทพ บทที่ 332
ใบหน้าของยิงอี้สงตื่นตกใจในทันใด “ผู้อาวุโส พวกเรารีบไปกันเถอะ หากเจ้าสำนักน้อยสำนักทิพย์เร่งมาถึง พวกเราจะไม่มีใครหนีไปได้เลยสักคน!”

เฉินโม่เหลือบมองเขาแว๊บหนึ่งแล้วพูดอย่างเรียบเฉยว่า “ไม่เป็นไร แม้ว่าเขาจะไม่มาฉันก็เตรียมจะไปหาเขา อยู่พอดี ทีนี้ก็เป็นการลำบากน้อยลงเลย”

ยิงอี้สงนึกขึ้นได้ในทันใดว่า เดิมทีเฉินโม่ต้องการให้พวกเขานำทางไปหาเจ้าสำนักน้อยสำนักทิพย์ จึงไม่ต้องกลัวเจ้าสำนักน้อยสำนักทิพย์เป็นธรรมดาอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตามเมื่อนึกถึงความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวของเจ้าสำนักน้อย ยิงอี้สงก็พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ผู้อาวุโส พละกำลังของเจ้าสำนักน้อยแข็งแกร่งกว่าฉันเป็นร้อยเท่า คุณอย่าได้ดูแคลนเนื่องด้วยความแข็งแกร่งที่ต่ำต้อยของพวกเรา”

“พวกแกสนใจเพียงแค่นำทาง อย่างอื่นไม่ต้องเป็นห่วง” เฉินโม่พูดเสียงราบเรียบ

“รับคำสั่ง!”

เฉินโม่หันหลังไปมองเนี่ยเสี่ยวเชี่ยน พูดพร้อมน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “เสี่ยวเชี่ยน ถ้าหากเธอกลัวเธอไม่ต้องไปกับพวกเราก็ได้นะ”

เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนส่ายหัว พร้อมกับใบหน้าที่แน่วแน่ “ฉันไม่มีบ้านให้กลับตั้งนานแล้ว ยังจะมีอะไรให้กลัวได้อีก ฉันจะไปกับนายด้วย!” เฉินโม่พยักหน้ารอให้เฉินซงจื่อฝังศพของภรรยาเหลียนฮั่วเรียบร้อยแล้ว ก็ให้ยิงอี้สงนำทาง มุ่งหน้าไปหาเจ้าสำนักน้อยสำนักหยิน

ตลอดทาง ยิงอี้สงได้แนะนำข้อมูลของเจ้าสำนักน้อยสำนักหยินให้กับเฉินโม่อย่างละเอียด

“ได้ยินมาว่าแต่ก่อนเจ้าสำนักน้อยเป็นคุณชายของตระกูลเล็กๆตระกูลหนึ่งทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เนื่องจากได้ทำให้ตระกูลใหญ่ในท้องถิ่นโกรธเคือง จึงถูกบีบจนบ้านแตกสาแหรกขาด บังเอิญว่าถูกเจ้าสำนักพบเจอเข้า ได้นำกลับไปบำเพ็ญที่สำนักหยินทิพย์”

“หลายปีมานี้เขาประสบความสำเร็จในการบำเพ็ญ และกลับไปที่บ้านเกิดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ พร้อมกับฆ่าล้างทั้งตระกูลใหญ่จำนวนเป็นสิบเป็นร้อยคนเลย ทั้งคนแก่ เด็ก และผู้หญิงก็ไม่ปล่อยไปเลยสักคน เนื่องจากผลกระทบที่เกิดนั้นเลวร้ายเกินไป ทำให้ทางการไม่พอใจ และได้ส่งกองกำลังตำรวจจำนวนมากมาล้อมจับเจ้าสำนักน้อยเอาไว้”

“แต่ว่าร่างกายของเจ้าสำนักน้อยต้านกระสุนได้ ทำให้ตำรวจเหล่านั้นตกใจจนล่าถอยไป จนกระทั่งท้ายที่สุดทางการใช้การหน่วยตำรวจพิเศษ จึงทำร้ายเจ้าสำนักน้อยจนได้รับบาดเจ็บ บีบบังคับให้เขาหนีไปซ่อนตัวอยู่ในประตูของสำนักหยินทิพย์โดยไม่กล้าออกมา”

“ตามการคาดการณ์ของฉัน พละกำลังของเจ้าสำนักน้อยน่าจะไปแดนทิพย์แท้ตั้งนานแล้ว โดยหมัดเดียวก็สามารถทุบรถคันหนึ่งให้แหลกได้!”

ยิงอี้สงดูเหมือนจะนึกถึงความน่าหวาดกลัวของเจ้าสำนักน้อย ทั่วทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม

เฉินโม่พยักหน้าและคิดอยู่เงียบๆว่า “พละกำลังของแดนสู่ทิพย์ สอดคล้องกับนักบู๊แดนใน งั้นแดนทิพย์แท้ที่มีระดับที่สูงกว่าอีกขั้นหนึ่ง น่าจะสอดคล้องกับปรมาจารย์แดนแปรภาพของนักบู๊ แต่เจ้าสำนักน้อยสามารถต้านทานกระสุนได้ เห็นได้ชัดว่าการกลั่นร่างชี่พิฆาตนี้แกร่งกว่าวิชาการฝึกบู๊อยู่บ้าง ความแข็งแกร่งน่าจะเทียบเท่ากับปรมาจารย์แดนคุ้มกาย”

“พูดอย่างเข้มงวดแล้วเจ้าสำนักน้อยคนนี้ ค่อนข้างจะเหมือนกับชาติที่แล้วของฉัน เพียงแต่ว่าเขาไม่ควรฆ่าผู้บริสุทธิ์หลังจากที่ฝึกบรรลุแล้ว ควรจะฆ่าล้างเฉพาะคนที่กระทำผิดในตอนนั้นก็พอ คาดว่าพลังบำเพ็ญพัฒนาได้รวดเร็วเช่นนี้ น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะแก้แค้นของเขา”

รถอาวดี้สีดำสองคัน ขับไปจอดลงที่เขาถงถิง ชายแดนอำเภอเฟิ่งซาน

ยิงอี้สงรีบลงจากรถอย่างกุลีกุจอ และเปิดประตูต้อนรับเฉินโม่ลงจากรถ

“ที่นี่คือเขาถงถิง และเป็นที่ตั้งของสำนักหยินทิพย์ด้วย” เมื่อมองดูภูเขาสูงตระหง่านที่อยู่เบื้องหน้ายิงอี้สงกล่าวด้วยเสียงทุ้ม ราวกับว่ากลัวว่าจะรบกวนผู้คนในภูเขา

ทันทีที่เฉินโม่ลงจากรถ ก็รู้สึกว่าอากาศรอบๆเขาถงถิงมีปราณทิพย์ที่รุนแรงอยู่ เพียงแต่ว่าท่ามกลางปราณทิพย์นี้ ได้ปิดบังกลิ่นอายความชั่วร้ายอันเบาบางไว้

เฉินโม่ขมวดคิ้ว เขาถงถิงลูกนี้ มีความลับ!

“ขึ้นเขา!” เฉินโม่เหลือบมองยิงอี้สงแล้วพูดอย่างเรียบเฉย

สีหน้าของยิงอี้สงสามคนซีดเผือดเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าในใจนั้นหวาดกลัว แต่กลับไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งของเฉินโม่ จึงต้องนำทางไปเบื้องหน้าอย่างตรงไปตรงมา

ถนนบนภูเขาขรุขระ รกไปด้วยวัชพืช รวมทั้งตัวเขาถงถิงนั้นสูงชัน คนทั่วไปไม่ถึง ทว่ากลับเหมาะกับพละกำลังของสำนักที่จะปักหลักอยู่ที่นี่

นอกจากเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนแล้ว เฉินโม่และคนอื่นๆ ล้วนมีพลังบำเพ็ญอยู่ในตัว แม้ว่าจะอยู่บนถนนของภูเขาที่ขรุขระนี้ ก็ก้าวเดินราวกับโบยบิน

เฉินโม่แบ่งพลังทิพย์ออกมาเล็กน้อย ลากเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนอย่างว่างเปล่า จากนั้นไม่นานก็มาถึงที่ยังส่วนที่ลึกของภูเขา

“ที่นี่คือเขาเฝ้ายาม เข้าไปก็เป็นสำนักหยินทิพย์แล้ว!”

ยิงอี้สงชี้ไปที่ยอดเขาสองลูกที่ตระหง่านเคียงข้างกัน เสมือนเสาขนาดมหึมาสองต้น