บทที่ 191 กลับไป ด้วยหัวใจของกันและกัน!
จักรพรรดิจันทราได้ฝึกฝนร่างวิญญาณจันทราก่อกําเนิดแล้ว แม้ว่าเธอจะยังไม่ได้ทําลายขีดจํากัดของร่างกายครั้งที่สาม แต่เธอก็ไม่จําเป็นต้องฝึกฝนบนท้องฟ้าอีกแล้ว เธอสามารถเก็บตัวแล้วค่อยทะลวงผ่านการขัดเกลาขีดจํากัดครั้ง ที่ 2 ต่อไปได้
“พวกเราลงไปกันเถอะ!”
จักรพรรดิจันทรากล่าว
“ตกลง!”
เย่เทียนบินตามจักรพรรดิจันทรากลับไปยังถ้ําที่พักเขาพักอยู่ก่อนหน้านี้
ไม่กี่วันต่อมาจักรพรรดิจันทราก็เริ่มทะลวงขีดจํากัดของร่างกายเป็นครั้งที่สาม
เย่เทียนยังคงเปิดพื้นที่สมองของเขาต่อไป เขายังมีสมบัติอีกหลายชิ้นที่ยังไม่ ได๋ใช้ เพราะก่อนหน้านี้เขาเข้าไปยังตําหนักเทพจันทรา จึงยังไม่มีโอกาส แต่ตอนนี้เขาพร้อมใช้มันทั้งหมดแล้ว
เมื่อเสร็จสิ้น เย่เทียนพยายามปรับระดับพลังของเขาให้มั่นคงขึ้นอีกเล็กน้อย
ในวันที่สาม
จักรพรรดิจันทราได้ทะลวงผ่านขีดจํากัดของร่างกายเป็นครั้งที่สามได้สําเร็จความแข็งแกร่งของเธอเพิ่มขึ้นอย่างมาก มันเพียงพอที่จะเผชิญหน้ากับจักรพรรดิขวานสงครามได้แล้ว
เดิมทีเย่เทียนได้เตรียมจะฝึกฝนไปพร้อมๆกับจักรพรรดิจันทราจนถึงระดับจักรพรรดิ
แต่เขาก็ต้องเปลี่ยนแผน
“เย่เทียน มีข่าวจากจักรพรรดิขวานสงครามว่ามีบางอย่างผิดปกติในโลกของ สัตว์อสูร ในตอนนี้พวกมันล่าถอยออกไปจากรอยแยก สัตว์อสูรระดับจักรพรรดิสีดําตัวนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ดังนั้นจักรพรรดิ์ขวานสงครามจึงวางแผนจะ สร้างฐานทัพในโลกของสัตว์อสูรขึ้นมาใหม่ ตอนนี้พวกเราสามารถเดินทางกลับได้แล้ว!”
จักรพรรดิจันทรากล่าว
“กลับไปได้แล้ว!”
เย่เทียนรู้สึกมีความสุขเล็กน้อย แต่เขาก็รู้สึกผิดหวังเช่นกัน
เขามีความสุขที่จะได้กลับบ้านและไม่ต้องติดอยู่ในโลกของสัตว์อสูรไปตลอดชีวิต แต่เขารู้สึกผิดหวังที่จะต้องแยกกับจักรพรรดิจันทรา
โดยไม่รู้ตัว เขาคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตร่วมกับจักรพรรดิจันทราแล้ว เมื่อเขาคิดถึงการที่ต้องแยกตัวออกจากเธอ หัวใจของเขาก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย
แม้ว่าหลังจากกลับไปแล้ว เขาจะยังได้พบกับจักรพรรดิจันทราอยู่ แต่สถานะ ของพวกเขาก็แตกต่างกันมาก
จักรพรรดิจันทราเป็นจักรพรรดิที่มีพลังการต่อสู้เทียบเท่ากับจักรพรรดิขวานและยังเป็นประมุขของนิกายเทพจันทรา ซึ่งมีความแข็งแกร่งไม่ต่างกับ 4 กองกําลังใหญ่
แล้วเขาล่ะ?
เขาเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธระดับศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าจะมีความแข็งแกร่งที่เทียบได้กับ 36 จักรพรรดิ แต่เขาก็ยังคงอยู่ในระดับศักดิ์สิทธิ์ หอสวรรค์ที่เขาเป็นผู้ก่อตั้งขึ้น ตอนนี้ยังเป็นเพียงขุมกําลังขนาดเล็กเท่านั้น มันไม่ได้มีอํานาจอะไรในฐานจงไห่
ถ้าเขากลับไปที่ฐานจงไห่ เขาจะไม่ได้อยู่กับจักรพรรดิจันทราทั้งวันทั้งคืนอีก
จักรพรรดิจันทราดูเหมือนจะคิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน และใบหน้าของเธอแสดงความผิดหวังออกมาเล็กๆ
แต่ทั้งสองก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา
หลังจากนั้นไม่นาน จักรพรรดิจันทราก็พูดขึ้นว่า “เย่เทียน ในอนาคตคุณ สามารถมาเป็นแขกของนิกายเทพจันทราได้ตลอดเวลา หากมีเวลาก็… มาหาฉัน…!”
จักรพรรดิจันทรารู้สึกราวกับว่าเธอใช้พลังทั้งหมดไปกับการเอ่ยคําพูดเหล่านี้ออกมา
“ดี ผมจะไปหาคุณ!
เย่เทียนหัวเราะอย่างมีความสุข
เขารู้ว่าจักรพรรดิจันทราต้องมีความรู้สึกที่ดีต่อเขาเช่นกัน มิฉะนั้นเธอคงจะไม่พูดค่าเหล่านี้ออกมา
ต้องรู้ก่อนว่าภายในนิกายเทพจันทราไม่อนุญาตให้ผู้ชายเข้าไปอย่างเด็ดขาดต่อให้เป็นชายที่แต่งงานกับศิษย์หญิงของนิกายเทพจันทรา พวกเขาก็ทําได้ เพียงแค่เข้าร่วมกับกองกําลังรอบนอกของนิกายเทพจันทราเท่านั้น ไม่มีทางที่จะเข้าไปในนิกายได้
มีเพียงวันพิธีกรรมของนิกายเทพจันทราเท่านั้น ที่จะเชิญผู้ฝึกยุทธระดับ
จักรพรรดิเข้าร่วมงาน แต่ในตอนนี้ด้วยคําพูดของจักรพรรดิจันทราหมายความว่าเย่เทียนสามารถเข้าไปในนิกายเทพจันทราได้ตลอดเวลา
กล่าวให้ถูกก็คือมีเพียงเย่เทียนคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับอนุญาต
“งั้นฉันจะรอคุณ!”
จักรพรรดิจันทราก็ยิ้มเช่นกัน เธอยิ้มออกมาอย่างมีความสุข รอยยิ้มที่เบ่งบาน นั้นไม่เหมือนจักรพรรดิจันทรายามปกติ ก่อนหน้านี้เธอเปรียบเสมือนเทพธิดา แห่งดวงจันทร์ที่เย็นชาจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนเธอจะเปลี่ยนไปแล้ว
ถ้าเย่เทียนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของฐานทัพจงไห่ เขาอาจจะกอดจักรพรรดิจันทราไว้ในอ้อมแขน แต่ตอนนี้เขาเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธระดับศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
ถ้าเขาสารภาพรักกับจักรพรรดิจันทราและยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างกัน ถึงแม้ว่าจักรพรรดิจันทราจะไม่รังเกียจ แต่คนอื่นๆในฐานจงไห่จะคิดอย่างไร?
คนอื่นๆคงคิดว่าเย่เทียนเป็นหนุ่มหน้าขาว ที่โชคดีได้ผูกสัมพันธ์กับจักรพรรดิ จันทรา บางทีอาจจะมีคําพูดที่ร้ายแรงกว่านั้น
แม้คนอื่นจะพูดถึงเขาอย่างไรเขาก็จะไม่สนใจ แต่เขายอมรับไม่ได้หากมีคนว่าร้ายจักรพรรดิจันทรา
ดังนั้นเย่เทียนจึงต้องการที่จะสารภาพรักกับจักรพรรดิจันทราในตอนที่เขา
แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งมันยังไม่ใช่ในตอนนี้!
และเขาก็เชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า เขาสามารถก้าวไปอยู่ในจุดนั้นในเวลาไม่นาน!
วันที่สอง
เย่เทียนและจักรพรรดิจันทราก็กลับมาถึงรอยแยกมิติ
ไม่ไกลจากรอยแยกของมิติ ฐานใหม่ถูกสร้างขึ้น จอมเวทย์ค่ายกลระดับสูง
และระดับดารากําลังร่วมมือกันสร้างค่ายกลขนาดใหญ่
คาดว่าอีกไม่นานฐานใหม่จะถูกสร้างเสร็จ
แต่เมื่อจักรพรรดิจันทรากลับมา หลายคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
มีจักรพรรดิมากมายที่เสียชีวิตลงในช่วงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการร่วงหล่น
ของจักรพรรดิเนตรโลหิตได้ทําลายขวัญกําลังใจของฐานจงไห่ไปอย่างสมบูรณ์ และผู้ที่สูญเสียมากที่สุดคงจะเป็นวิหารเทพทมิฬที่สูญเสียจักรพรรดิเนตรโลหิตและจักรพรรดิเป่าหลงไป จนเกือบจะทําให้พวกเขาตกจาก 1 ใน 4 ของกลุ่มกําลังใหญ่
การหายตัวไปของจักรพรรดิจันทราทําให้นิกายเทพจันทราตกอยู่ในความ สับสนวุ่นวาย หลายคนคิดว่าจักรพรรดิจันทราได้เสียชีวิตไปแล้ว และเมื่อนิกายเทพจันทราต้องสูญเสียจักรพรรดิจันทราไป
นิกายเทพจันทราไม่สามารถนับได้ว่าเป็นขุมกําลังระดับสูง พวกเขาจะกลายเป็นเพียงขุมกําลังธรรมดาเท่านั้น
โชคดีที่จักรพรรดิจันทรากลับมาได้อย่างปลอดภัย เรื่องนี้ทําให้ทุกคนใน
นิกายเทพจันทราถอนหายใจด้วยความโล่งอก
สําหรับเย่เทียน ไม่มีใครสนใจเขา
ไม่นานหลังจากที่จักรพรรดิจันทรากลับมา เย่เทียนก็เริ่มกลายเป็นหัวข้อ
สนทนา
เนื่องจากจักรพรรดิจันทราได้ประกาศให้เย่เทียนเป็นแขกผู้มีเกียรติที่ได้รับ
การยกเว้นจากข้อกําหนดของนิกายเทพจันทรา ในอนาคตเขาสามารถเข้าไปยัง นิกายเทพจันทราได้ตลอดเวลาโดยไม่มีการห้ามปราม และเมื่อเย่เทียนมาเยี่ยมนิกายเทพจันทรา สามารถเข้าพบเธอได้โดยตรงโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า
เมื่อข่าวนี้แพร่สะพัดออกไป เย่เทียนกลายเป็นเป้าสายตาของผู้ชายมากมายแม้แต่ผู้หญิงหลายคนจากนิกายเทพจันทราก็ยังเริ่มอิจฉาเย่เทียน
สรุปแล้ว ข่าวของเย่เทียนในครั้งนี้เหมือนกับการปลุกเปลวเพลิงแห่งการ อิจฉาในสายตาของผู้คน!
ฐานจงไห่
ตอนนี้เย่เทียนกลับมาถึงแล้ว เสวียนเฟิงรีบมาหาเขาและชวนเขาออกไปดื่มชาดื่มชาสนทนากัน
“เย่เทียน ฉันไม่คิดเลยว่านายจะกลับมาอย่างมีชีวิต อย่าเข้าใจผิดฉันไม่ได้ สาปแช่งนาย นายมันสุดยอดจริงๆ ผู้ฝึกยุทธระดับจักรพรรดิ์มากมายรั้วตกตายไป แต่นายสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้ พรสวรรค์ในการล่องหนของนายช่างยอดเยี่ยมนัก! ”
เสวียนเฟิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“ฉันเพียงแค่โชคดีเท่านั้น!
เย่เทียนยิ้มและไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก
หากเขามีเพียงพรสวรรค์ล่องหนระดับสุดยอดแล้วละก็ เขาคงจะตายไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
หลังจากพูดคุยกันอยู่นั้น เสวียนเฟิง ก็ถามออกมาตรงๆ ว่า “เย่เทียน ความ สัมพันธ์ระหว่างนายกับจักรพรรดิจันทราคืออะไรกันแน่? ทําไมเธอถึงได้อนุญาต ให้นายเข้าไปในนิกายเทพจันทราได้ตลอดเวลา ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่มีผู้ชายคนใดสามารถไปยังที่นั่นได้ นายรู้หรือไม่ว่านายเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวในฐานจงไห่ที่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้!”
“บางทีจักรพรรดิจันทราอาจจะมีใจให้ฉัน?”
เย่เทียนจงใจพูดแบบนี้
เขาไม่ได้ล้อเล่น แต่พูดความจริง
แต่เสวียนเฟิงกลอกตา “ชิ นายไม่ได้หล่อไปกว่าฉัน หรือนายจะทําให้
จักรพรรดิจันทราตกหลุมรักเข้าแล้ว ฉันได้ยินมาว่าจักรพรรดิจันทราไม่เคยสนใจผู้ชายมาก่อน ได้ข่าวว่าก่อนหน้านี้จักรพรรดิจันทราได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจาก นั้นเธอก็หายตัวไป คงเป็นเพราะว่านายช่วยชีวิตเธอไว้ เธอถึงปฏิบัติกับนายเช่นนี้ฉันเข้าใจถูกไหม?”
เห็นได้ชัดว่าในสมองของเสวียนเฟิงมีพล็อตบางอย่างผุดขึ้นมาและคิดค่ตอบนี้ได้
“เอาล่ะ ฉันช่วยจักรพรรดิจันทราไว้จริงๆ!
เย่เทียนพูดอย่างจนปัญญา
“ว่าแล้วเชียว ว่ามันจะต้องเป็นเหตุผลนี้แน่!”
เสวียนเฟิงกล่าวด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
“เย่เทียน นายรู้ไหมว่าครั้งนี้จักรพรรดิตายไปกี่คน?” สีหน้าของเสวียนเฟิง พลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
“ฉันไม่รู้!”
เย่เทียนส่ายหัว
เขาเพิ่งกลับมาเขาไม่รู้ว่ามีจักรพรรดิ์จํานวนมากที่เสียชีวิต
“แม้จะยังไม่ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ฉันได้ยินมาว่าจักรพรรดิในฐานจงไห่ตายไปถึง 40 เปอร์เซ็นต์ และมีจักรพรรดิ 16 คนจาก 36 จักรพรรดิตกตายไปเช่นกัน”
เสวียนเฟิงถอนหายใจ
การสูญเสียในครั้งนี้นับว่าหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าสงครามเมื่อ 10-20 ปีก่อน
ต้องใช้เวลานับ 10 ปีกว่าความแข็งแกร่งของฐานจงไห่จะฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิม