บทที่ 490

บทที่ 490

ภายในตรอกที่ว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่ผีให้เห็นและไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของสิ่งใด ทั้งบริเวณนั้นเงียบเชียบอย่างน่ากลัว หากเป็นคนอื่นที่ผ่านมา พวกเขาย่อมรู้สึกเช่นนี้อย่างแน่นอนและจะรีบผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่สัญชาตญาณที่เฉียบคมตามธรรมชาติของถังหยิน กลับทำให้เขาตระหนักถึงอันตรายของมัน

ตนเพิ่งจะมาถึงเมืองหลวงและแทบจะไม่ได้พบผู้ใดเลย เช่นนั้นย่อมไม่มีทางที่จะมีศัตรูอยู่ใกล้ตัว ดังนั้นถังหยินจึงไม่แน่ใจว่าจิตสังหารข้างหน้านั้นมีจุดมุ่งหมายมาที่เขาหรือไม่ แต่เขาก็หยุดม้าไว้ ก่อนจะค่อย ๆ บังคับให้ม้าก้าวไปเบื้องหน้าอย่างช้า ๆ พลางครุ่นคิดอยู่ในใจว่า… ‘จะเป็นไปได้หรือไม่ ที่หลีตานตระหนักว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและหยินโหรวนั้นไม่เรียบง่ายอย่างที่คิด และส่งคนมาฆ่าเขา?’

นั่นไม่น่าเป็นไปได้ เพราะตั้งแต่มาที่นี่ถังหยินยังไม่ได้เปิดเผยตัวตนเลยสักนิด แต่หากเป็นเพราะทักษะการแสดงของหลีตานที่ยอดเยี่ยม นั่นก็นับว่าเขาน่ากลัวเกินไปแล้ว!

ในขณะที่ถังหยินกำลังครุ่นคิดอยู่ในใจ ทันใดนั้นเอง ร่างสีดำทั้งห้าก็ปรากฏตัวขึ้นรอบ ๆ ม้าศึก พร้อมกับหอกสีอีกาห้าเล่มพุ่งแทงเข้าใส่ถังหยินจากห้าทิศทางในฉับพลัน!!

มันเร็วเกินไป!

ไม่ว่าสายตาของถังหยินจะดีแค่ไหน ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าทั้งห้าคนนี้มาจากที่ใด หอกพลังปราณห้าเล่มแทงทะลุร่างของถังหยินในบัดดล โดยมีมากถึงสองในห้าที่แทงจากใต้ท้องม้าทะลุร่างของม้าอย่างแม่นยำ

อาชาศึกพลันร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดและล้มลงกับพื้น ทว่าถังหยินที่อยู่บนม้ากลับหายตัวไป

“ผู้ใช้ศาสตร์มืด!” ในขณะที่ทั้งห้าตกตะลึง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงจากด้านหลังพวกเขา

“คิดว่าของห่วยแตกแบบนั้น…จะสังหารข้าคนนี้ได้อย่างนั้นหรือ!!” เมื่อได้ยินเช่นนี้ทั้งห้าคนก็หันกลับมาพร้อมกัน พวกมันรีบเงยหน้าขึ้นถึงได้เห็นว่าถังหยินไปปรากฏตัวอยู่ที่ริมกำแพงในเงามืดแล้ว ร่างกายของชายหนุ่มไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด และพริบตาเดียวที่มือสังหารทั้งห้าโจมตีอีกครั้ง ร่างของถังหยินก็เลือนรางหายไปด้วยวิชาสลับเงา เพียงแค่ว่าความเร็วของมันยังคงทิ้งภาพติดตาไว้

“พวกเจ้ามีปัญหาอันใดกับข้า?” ถังหยินค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน รอบบริเวณนั้นถูกปกคลุมด้วยความมืด แต่เมื่อปรากฏแสงสีเขียวริบหรี่ในดวงตาของถังหยิน ภาพตรงหน้านี้จึงดูสะดุดตาและแปลกเป็นพิเศษ

ชายทั้งห้าสวมชุดเกราะพลังปราณและถือหอกไว้ในมือ ซึ่งมันดูราวกับปีศาจผู้มาจากขุมนรก ทว่าถังหยินที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ไม่ได้ดูต่างออกไปเลย ในตอนนั้นเอง เกราะพลังปราณก็เริ่มปกคลุมใบมีดทั้งสองที่ปรากฏขึ้นในมือของถังหยิน รวมกันเป็นหนึ่งเดียวและกลายเป็นเคียวสีดำ

ผู้ใช้ศาสตร์มืดทั้งห้าไม่ตอบคำถามของถังหยิน พวกมันเพียงหันมองหน้ากันแล้วตะโกนออกมาเสียงต่ำ

“ฆ่า!”

เอ่ยจบ มือสังหารทั้งห้าคนพลันเคลื่อนไหวออกในทันทีและพุ่งไปที่ถังหยิน แทงเข้าที่ทั้งห้าจุดสำคัญของเขา

กระบวนการนั้นฉับไวมาก แต่ถังหยินตอบสนองได้ทันเวลา ชายหนุ่มเคลื่อนตัวไปด้านข้างและขยับไปในแนวนอน หลบหอกทั้งห้าไปได้ จากนั้นจึงบิดมือและฟันตรงไปที่คอของชายที่อยู่ใกล้ที่สุด ทว่าอีกฝ่ายดูจะรู้ทัน พลันลดศีรษะลงปล่อยให้เคียวแหลมคมของถังหยินผ่านไป ในจังหวะเดียวกันก็แทงหอกยาวสวนกลับตรงไปที่คอของถังหยิน

“!?”

ถังหยินประหลาดใจกับท่วงท่าของฝ่ายตรงข้าม ก่อนเขาหมุนตัวหลบปลายหอก แต่ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามกำลังจะดึงหอกพลังปราณกลับไป เคียวในมือของถังหยินก็ฉวยโอกาสฟาดลงไปที่ด้ามของหอก จากนั้นเขาก็โบกมือไปข้างหน้าอีกครั้ง ส่งให้ปลายเคียวยื่นเข้ามาใกล้หอกฟันลงไปที่นิ้วของมือสังหาร!

เมื่อเคียวสัมผัสตัวหอก มันก็ทำให้เกิดประกายเพลิงเป็นเส้นยาว ฝ่ายตรงข้ามตกใจไม่กล้าลงมือต่อ ขณะที่คว้าหอกพลังปราณ นิ้วทั้งสิบของมันทิ้งหอกในทันทีแล้วถอยหลังกลับไป ขณะที่อีกสี่คนพร้อมกับหอกพลังปราณพุ่งทะยานเข้ามาหาถังหยินจากด้านบน ด้านล่าง และตรงกลาง!

ถังหยินถอยไปสองก้าว ใช้มือทั้งสองข้างจับเคียวเหวี่ยงออกไปด้วยกำลังทั้งหมดที่มี กระแสพลังปราณพุ่งออกมาตามวิถีของเคียว กวาดไปทางสี่คนที่อยู่เบื้องหน้า ทว่าร่างคนทั้งสี่กลับไม่ได้หลบหลีก กลับกันต่างขยับหอกพลังปราณในมือของมันต่อ ขณะเดียวกันก็ปล่อยคลื่นพลังปราณต้านเอาไว้

เมื่อคลื่นพลังปราณทั้งสองสายปะทะกัน พลันทำให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง คลื่นพลังปราณทั้งห้าแตกสลายและกระจัดกระจายไปทุกทิศทางในเวลาเดียวกัน และเมื่อคนทั้งหกปรากฏตัวในระยะไกล พวกเขาก็เริ่มต่อสู้อีกครั้ง

การต่อสู้ระหว่างผู้ใช้ศาสตร์มืดนั้นรุนแรงน้อยกว่าการต่อสู้กับผู้ใช้พลังปราณแสงมาก โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะปล่อยพลังปราณเข้าใส่กันเสียมากกว่า แต่ก็มีบ้างที่จะใช้อาวุธพลังปราณปะทะกับคู่ต่อสู้โดยตรง และในบางครั้งก็จะใช้สลับเงาเพื่อหลบการโจมตีของศัตรู แม้ว่าฉากสัประยุทธ์จะดูธรรมดา แต่กลับมีอันตรายอยู่ตลอด และไม่อาจฟุ้งซ่านได้เลยแม้แต่น้อย เพราะวิชาที่ใช้ออกในแต่ละครั้งนั้นยากจะคาดเดาได้ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาปรากฏตัวข้าง ๆ เมื่อใด และหากไม่ระวังก็อาจเสียชีวิตโดยไม่ได้แม้แต่จะตอบโต้

แม้จะเป็นถังหยินก็ตาม เขาก็ไม่กล้าที่จะประมาทเมื่อต้องสู้กับผู้ใช้ศาสตร์มืดด้วยกัน

คู่ต่อสู้ทั้งห้าล้วนเป็นมือสังหารที่มีทักษะสูง การเคลื่อนไหวของพวกมันฉับไวและประสานงานกันได้ดีมาก ทั้งสองฝ่ายต่างปะทะกันไปมา จนกระทั่งผ่านไปได้ยี่สิบกระบวนท่า ถังหยินก็ยังไม่มีความได้เปรียบแม้แต่น้อย กลับกันเขาถูกฝ่ายตรงข้ามบีบต้อนแทน!

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว แทบจะทันที! มือแกร่งเหวี่ยงเคียวในมือสามครั้งบังคับให้ชายห้าคนที่อยู่รอบ ๆ ตัวต้องล่าถอย หลังจากนั้นถังหยินก็สลับเงาหลบออกจากระยะการโจมตีของคู่ต่อสู้ แต่ไม่ได้ถอยออกไปไกลนัก

มีหนึ่งในคนพวกนั้นที่ฝีมือใกล้เคียงกับถังหยินมากที่สุด โดยไม่ต้องคิดมันหันไปและพุ่งเข้าใส่ถังหยินในทันที

ขณะที่ตรงมา สายตาของมันก็เห็นหมอกดำหนาทึบลอยออกมาจากร่างของถังหยิน หมอกดำรวมตัวอยู่ตรงหน้า ไม่ได้สลายไปอย่างรวดเร็ว กลับรวมตัวเป็นรูปร่างคล้ายมนุษย์เปลือยเปล่า และมันกำลังหมอบลงกับพื้น

นี่คือ…ร่างเงา? ผู้ใช้ศาสตร์มืดที่กำลังพุ่งเข้าหาถังหยินไม่อยากจะเชื่อสายตา นั่นหมายความว่าผู้ใช้จะไม่มีพลังปราณอีกต่อไป ปกติแล้วในสนามรบย่อมไม่มีผู้ใดคิดใช้วิชานั้นกัน… เว้นแต่คนผู้นั้นจะไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป!

ชายชุดดำไม่เข้าใจเจตนาของถังหยิน ทันใดนั้นเอง ร่างเงาที่หมอบลงต่อหน้าถังหยินพลันส่งเสียงร้องแปลก ๆ และพุ่งเข้าหาชายในชุดดำ บีบให้ชายในชุดดำเสือกไสหอกไปข้างหน้าโดยสัญชาตญาณเช่นกัน!

อย่างไรก็ตาม ร่างเงากลับว่องไวผิดปกติ แม้จะอยู่กลางอากาศ ทว่าด้วยการบิดเอวก็สามารถหลบคลื่นแห่งความตายของชายชุดดำได้ เมื่อฝ่ายหลังรู้ว่าสถานการณ์เลวร้ายลง จึงตั้งใจจะใช้สลับเงาเพื่อหลบหลีกทว่ามันก็สายเกินไปแล้ว ร่างเงาเคลื่อนตัวผ่านชายชุดดำราวกับอสนีบาตลงทัณฑ์!

ทันทีที่ไปถึงตัว มันก็แหกปากและกัดเข้าที่คอของชายชุดดำ ลำคอของเป้าหมายถูกคมเขี้ยวยาวขย้ำจนเละทั้ง ๆ ที่สวมเกราะพลังปราณอยู่ และทำให้เลือดพุ่งออกมาจากลำคอของชายที่สวมชุดดำในทันที

ชายอีกสี่คนในชุดดำได้แต่มองดูเพื่อนของพวกตนถูกร่างเงาของถังหยินขย้ำจนตาย โดยที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้ช่วย คนทั้งสี่ตกใจและอารมณ์โกรธก็พลุ่งพล่านขึ้นมาในเวลาเดียวกัน พวกเขากู่ร้องอย่างเจ็บปวดและพุ่งเข้ามาหาร่างต้นของถังหยินทันที

คราวนี้สัตว์ประหลาดเงาได้เปลี่ยนกลับเป็นพลังปราณ คืนสู่ร่างของถังหยินอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ชายหนุ่มจะลากเคียวของเขาเข้าต่อสู้กับอีกสี่คนที่เหลือ

คราวนี้ถังหยินยังใช้ความแข็งแกร่งอย่างเต็มที่ในการต่อสู้ บางครั้งการเคลื่อนไหวก็รุนแรง บางครั้งก็ลงมืออย่างประณีต บางครั้งก็ปะทะกับคู่ต่อสู้ตรง ๆ

ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามกำลังต่อสู้อยู่ พวกเขาพลันได้ยินเสียงนกหวีดยาวและต่ำจากที่ไม่ไกลออกไป พอได้ยินเสียงนั้นแล้วชายชุดดำทั้งสี่ก็พลันกระโดดออกจากการต่อสู้พร้อมกัน จากนั้นจึงใช้สลับเงาแยกกันออกไปสี่ทิศ

ถังหยินขมวดคิ้วเมื่อเห็นดังนั้น ซึ่งเขาไม่ได้คิดที่จะปล่อยให้อีกฝ่ายกลับไปอยู่แล้ว ในตอนนั้นเองหมอกสีดำพลันปรากฏขึ้นรอบ ๆ ร่างของชายหนุ่มแล้วก็หายไปปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง อยู่ห่างจากหนึ่งในคนชุดดำไปไม่ถึงสองจั้ง!

“ถ้าคิดว่าหนีไปได้ก็ลองดูสิ!” ถังหยินหัวเราะอย่างเยือกเย็นขณะพุ่งไปข้างหน้าเข้าใกล้ชายชุดดำมากขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่ออยู่ในระยะการโจมตี ถังหยินพลันยกเคียวในมือขึ้นเหนืออากาศ เคียวที่ถูกเพลิงแห่งความมืดแผดเผาพลันเหวี่ยงออกหมายปลิดชีพอีกฝ่ายอย่างดุเดือด

ในขณะที่ถังหยินลงมือฆ่าศัตรู เขายังต้องการค้นหาว่ามันเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นถังหยินจึงวางแผนที่จะใช้เพลิงผลาญวิญญาณ เพื่อดูดซับวิญญาณของคู่ต่อสู้

ความน่ากลัวของเพลิงแห่งความมืดไม่ได้ด้อยไปกว่ายาพิษชนิดใด ๆ ในโลก ตราบใดที่มันลุกไหม้ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะดับมัน!

…มือสังหารใช้ประโยชน์จากการหมุนตัวกลางอากาศอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดมันก็สามารถหลบเคียวของถังหยินไปได้ ก่อนที่ร่างกายของมันจะหยุดนิ่งก็ใช้ออกด้วยสลับเงาวิ่งขึ้นไปบนหลังคาอีกครั้ง และใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อกระโดดออกไปด้านนอก

เทคนิคการเคลื่อนไหวของมันรวดเร็วอย่างมาก แต่ไม่เร็วเท่าถังหยิน!

ชายหนุ่มใช้สลับเงาแล้วไปปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของชายที่สวมชุดดำอีกครั้ง คราวนี้ถังหยินเตะไปที่บั้นเอวของมือสังหารอย่างเต็มแรง ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่คิดว่าถังหยินจะเร็วมากถึงเพียงนี้!